วิธีดูแลตัวเองในระหว่างตั้งครรภ์ของแม่ ที่มีผลต่อ ความฉลาด ทางสติปัญญาของลูกน้อยในครรภ์
1. อารมณ์ดีเข้าไว้ เพื่อร่างกายจะได้หลั่งสารสุขออกมา และส่งผ่านไปยังลูกทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งสมอง (IQ) และอารมณ์ (EQ) แต่ถ้าเครียดละก็ร่างกายจะหลังสารอะดรีนาลีนแทน ซึ่งส่งผลให้ลูกคลอดออกมาเป็นเด็กงอแง เลี้ยงยาก และมีพัฒนาการช้าได้
2. รับประทานอาหารเหมาะสม โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น DHA AA และ ARA ซึ่งมีมากในปลาทะเล ธัญพืชต่างๆ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของเนื้อสมองของลูกถึงร้อยละ 60
3. ออกกำลังกาย เวลาคุณแม่ออกกำลังกาย ลูกในท้องก็จะเคลื่อนไหวตามจังหวะของคุณแม่ด้วย ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้พัฒนาดีขึ้น (ต้องศึกษาวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้องระหว่างการตั้งครรภ์ด้วยนะค่ะ)
4. ลูบหน้าท้อง จะกระตุ้นระบบประสาทและสมองส่วนรับรู้ความรู้สึกของลูกให้มีพัฒนาการดีขึ้น เทคนิคง่ายๆ คือให้คุณแม่ลูบท้องเป็นวงกลมวนไปมาจากไหนก่อนก็ได้
5.พูดคุยกับลูกบ่อยๆ ระบบประสาทการรับฟังของลูกจะเริ่มทำงานประมาณอายุครรภ์ 5 เดือน การพูดคุยกับลูกด้วยเสียงที่นุ่มนวล ประโยคซ้ำๆ จะช่วยให้ระบบประสาทและสมองที่ควบคุมการได้ยินพัฒนาดีขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการได้ยินหลังคลอด
6.ฟังเพลงเพลินๆ ไม่ว่าคุณแม่ฟังเพลงอะไร ลูกน้อยก็จะได้ฟังตามไปด้วย ยิ่งถ้าเป็นเพลงบรรเลง หรือเพลงคลาสสิกด้วยแล้วจะช่วยกระตุ้นให้เครือข่ายใยประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกพัฒนาดีขึ้น และเมื่อลูกคลอดออกมาจะมีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดี
7. ส่องไฟที่หน้าท้อง เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน ลูกจะสามารถกระพริบตาได้ การส่องไฟที่หน้าท้องจะทำให้เซลล์สมองและเส้นประสาทส่วนรับภาพและการมองเห็นมีพัฒนาดีขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการมองเห็นหลังคลอด
———————–ขอบคุณเนื้อหาจาก…www.momypedia.com และ http://women.mthai.com/newmom/154752.html