5 พ.ค.55 อ่านหนังสือ Steve jobs by Walter Isaacson บางหน้า แล้วได้บทเรียนของชีวิต อ่านไปก็เขียนไปว่าหน้าไหนน่าสนใจ พออ่านจบก็มาลงบล็อก .. เพื่อ บันทึกไว้ว่าผมชอบ (Favor) หน้าไหน และมีประเด็นอะไรบ้าง
p.104 คอมพิวเตอร์ Lisa เป็นชื่อลูกของสตีฟ แต่ทีมบอกว่าย่อมาจาก Local Integrated Systems Architecture แล้ววิศวกรเรียกว่า Lisa Invented Stupid Acronym
p.106 อลัน เคย์ มีหลัก 2 อย่างที่สตีฟชอบ 1) วิธีที่ดีที่สุดในการคาดการณ์อนาคต คือ สร้างอนาคตนั้นขึ้นมาเอง “The best way to predict the future is to invent it.” และคนที่จริงจังกับเรื่องซอฟท์แวร์ควรสร้างฮาร์ดแวร์ขึ้นมาเอง “People who are serious about software should make their own hardware”
p.107 ส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟฟิก (graphical user interface : GUI กูอี้) ใช้หลักการสร้างภาพแบบบิตแมปปิ้ง และส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟฟิก กลายเป็นคุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ต้นแบบของ Xerox PARC .. การร่วมมือครั้งนี้เพราะ Jobs ยอมให้ Xerox เข้าลงทุนใน Apple 1 ล้านเหรียญ
p.161ผมว่าเขาคือ กบฏขององค์กร (บทที่ 13 เริ่มหน้า 154)
jobs เห็นว่าในบริษัทที่เขาทำงานอยู่ มีผลิตภัณฑ์ชื่อ lisa แต่ถ้ายอดขายของ lisa สูง นั่นหลายถึงผลิตภัณฑ์ที่เขาดูแล คือ macintosh จะแพ้ .. การทำให้งานที่ตนไม่ได้ดูแลล้มเหลวจะเสริมให้งานที่ตนดูแลสำเร็จ จึงเป็นความจงใจในครั้งที่เขาได้รับหน้าที่แถลงข่าวเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวนั่น ล้มเหลวในการทำการตลาดในที่สุด แต่บางทีเขาอาจไม่รู้ก็ได้ว่าการให้ข่าวแบบนั้นจะเป็นผลลบต่อผลิตภัณฑ์ ดังนั้น steve jobs ในฐานะประธานกรรมการบริษัททำหน้าที่แถลงข่าว โดยแผนประชาสัมพันธ์กำหนดให้พูดเรื่อง lisa computer ไม่ต้องเอ่ยถึงเครื่อง macintosh ที่ยังพัฒนาไม่เสร็จ แต่หลังให้สัมภาษณ์ ปรากฎว่า นิตยสาร fortune รายงานว่า “ปลายปีนี้ Apple จะวางตลาดคอมพิวเตอร์อีกรุ่นหนึ่ง ที่มีสมรรถนะน้อยกว่า ราคาถูกกว่า Lisa” นิตยสาร Business week รายงานว่า “ถ้า Mac วางตลาด รับรองว่ามันจะเป็นคอมพิวเตอร์ที่เหลือเชื่อที่สุดในโลก” สรุปว่า .. การเปิดตัว lisa คราวนั้นเหมือนเปิดประตูสู่นรกเลยจริง ๆ
ว่าง ๆ จะมาให้รายละเอียดเพิ่มเติม
p.173
p.175
p.177
p.185
p.242
p.205 จ๊อบส์บอกเกตส์ว่า “คุณโกงเรา”
แต่เกตส์ตอบว่า “สตีฟ ผมว่ามันมีวิธีมองเรื่องนี้ได้หลายแบบนะ
เราทั้งคู่ต่างมีเพื่อนบ้านร่ำรวยชื่อ xerox
ผมงัดเข้าไปในบ้านหวังจะขโมยทีวี แต่กลับพบว่าคุณขโมยมันไปก่อนแล้ว”
From folklore.org by Andy Hertzfeld
“Well, Steve, I think there’s more than one way of looking at it. I think it’s more like we both had this rich neighbor named Xerox and I broke into his house to steal the TV set and found out that you had already stolen it.”
คุณชายชาตรี ผู้ชำนาญและรับผิดชอบ ในการกระตุ้นการตัดสินใจของนักเรียนให้เลือกเรียนมหาวิทยาลัย เล่าให้ฟังถึงเทคนิค และกระบวนการที่จะนำไปสู่การปิดการขายของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย เพราะการตลาดมี 2 แบบ คือ below the line และ above the line ตามที่ท่านประธานเครือสื่อยักใหญ่ ได้บรรยายให้เห็นความสำคัญของ below the line ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งข้อมูลทางวิชาการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ above the line เพียงด้านเดียว เพราะเป็นด้านสว่างที่มองเห็นได้ แต่กลยุทธ์ของมหาวิทยาลัยทุกแห่งที่มีกลไกปิดการขายจะไม่เป็นที่เปิดเผย เพราะเป็นเทคนิควิธีที่จะทำให้ตนประสบความสำเร็จ ไม่ต้องการให้รายใดนำไปใช้เป็นเครื่องมือโดยเฉพาะคู่แข่ง และบางเทคนิคอาจไม่ถูกต้องตามจริยธรรมมากนัก อาทิ ให้โควตารับนักเรียนทั้งชั้น เป็นต้น ซึ่งกลยุทธ์นี้คงหาอ่านที่ไหนได้ยาก
In a futuristic world, a strict regime has eliminated (ก่อ) war by suppressing (ปราบปราม) emotions: books, art and music are strictly forbidden and feeling is a crime punishable by death. Cleric John Preston (Bale) is a top ranking government agent responsible for destroying those who resist the rules. When he misses a dose of Prozium, a mind-altering drug that hinders emotion, Preston, who has been trained to enforce the strict laws of the new regime, suddenly becomes the only person capable of overthrowing it.