1. สาขาถ่ายภาพและภาพยนตร์ 1 ต่อ 472. สาขาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย 1 ต่อ 283. สาขาเทคโนโลยีโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง 1 ต่อ 254. สาขาการจัดการทั่วไป 1 ต่อ 255. สาขาการศึกษาปฐมวัย 1 ต่อ 216. สาขาอาหารและโภชนาการ 1 ต่อ 17
Author: เก๋กับนก
นโยบาย soundcloud จำกัด 2 ชั่วโมง
เคยแนะนำใคร ๆ ต่อใครว่าเก็บแฟ้มเสียงต้องที่ soundcloud.com เพราะ play ได้ง่าย เพราะถ้าเป็น 4shared.com ก็ต้อง login ส่วน dropbox.com ก็ต้อง download แล้วจำกัด transfer ด้วย ส่วนแฟ้มภาพหรือคลิ๊ปเรามีที่เก็บกันเยอะอยู่แล้ว
หลายวันก่อนส่งชุดแฟ้มเสียงเป็นซีรี่จำนวน 2 ชุดเข้าไปที่ soundcloud.com ราว ชั่วโมงเศษ กำลังจะ up ชุดที่ 3 ก็ได้รับอีเมลแจ้งว่า แฟ้มเก่า ๆ เขายังไม่ได้ลบ แต่เขาเก็บเอาไว้ เพราะพื้นที่เกินโควตาที่เขามีให้ หากต้องการก็ต้องอัพเกรดบัญชี เดิมมีให้ 120 นาที หากใช้แบบเบื้องต้น ก็จะได้เพิ่มเป็น 240 นาที
สรุปได้ว่าแฟ้มของผม 11 แฟ้ม ไม่สามารถหาพบอีกต่อไป เพราะไม่ตรวจสอบนโยบายของเขาให้ดี หากต้องการแฟ้มทั้ง 11 แฟ้มคืน ก็ต้องสมัครสมาชิกประเภทเสียตัง ตอนนี้แฟ้มเสียงชุดที่ 3 นอนรออยู่ที่บ้าน ว่าจะอัพอย่างไรดี สงสัยต้องใช้ fb account อื่นซะแล้ว เพราะผมสมัคร soundcloud.com โดยผูกบัญชี fb เข้าไป แล้วปกติก็มี fb อยู่หลายบัญชี ก็คงไม่ใช่ปัญหาหากขยายพื้นที่ด้วย account ใหม่ แต่ของเดิมนี่สิครับ ต้องไปตามหาที่ backup ไว้
เลื่อนแจกแท็บเล็ตปี 2556
นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการศึกษาของไทยเปลี่ยนแปลงในปีการศึกษา 2555 อีกครั้ง เมื่อนักเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในประเทศไทยได้รับแจกแท็บเล็ตพีซีเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอน แล้วปีการศึกษา 2556 เป็นปีที่ 2 ที่จะแจกให้กับนักเรียน 2 ระดับชั้น คือ เพิ่มชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งกระทรวงศึกษาออกมาให้ข่าวในต้นเดือนมี.ค.56 ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างทำรายละเอียดความต้องการ หากกำหนดการไม่เปลี่ยนก็จะมีการส่งในช่วงปลายพ.ค. ถึงก.ค.56 ซึ่งไม่ทันส่งมอบในวันเปิดเรียน คือ 16 พ.ค.56 เพราะมียอดรวมที่จะซื้อกว่า 1.8 ล้านเครื่อง ใช้งบหลายพันล้านบาท
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000027890
ไม่ทราบว่าทำไมในปี 2555 ถึงต้นปี 2556 ถึงมีข่าวการศึกษาเชิงลบออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งผลการจัดอันดับในเวทีโลกด้านการศึกษาที่มีแนวโน้มอยู่ในอันดับท้าย ข่าวสอบครูผู้ช่วยที่คาดว่า 1000 จาก 2000 คนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ข่าวทุจริตสอบตำรวจ ข่าวปิดสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภาคอีสาน และข่าวผลประเมินโรงเรียนโดยสมศ.ไม่ได้คุณภาพถึง 1 ใน 3 จากที่รับการประเมินคุณภาพ 7,985 แห่ง แต่มีผลไม่รับรอง 2,295 แห่ง ซึ่งล้วนแต่เป็นข่าวเชิงลบต่อการใช้เทคโนโลยีของเยาวชน แม้สถิติที่กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงที่ใช้เฟสบุ๊ค (Facebook) มากที่สุด หรือใช้แอพไลน์ (Line) ต่อเนื่องนานที่สุด ก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าเกิดการพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับเทคโนโลยีที่เด่นชัด แต่จะเป็นคำถามว่าแทนที่จะเอาเวลาไปอยู่ในเฟสบุ๊ค หรือใช้สื่อสารในหลายรูปแบบ น่าจะหันไปสนใจการศึกษา และตัวบ่งชี้ที่จะทำให้การศึกษาของไทยมีคุณภาพเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นำผลวิจัยมาแบ่งปันพบว่า ความเห็นของผู้ปกครองในภาพรวมมีความพอใจ และ ครูมีการใช้งานแท็บเล็ตเพื่อการเรียนการสอนเฉลี่ยสัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 55 นาที และได้ใช้แท็บเล็ตในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาหลักมากที่สุด คือ วิชาภาษาไทย ร้อยละ 56.05 สังคมศึกษา ร้อยละ 44.5 คณิตศาสตร์ ร้อยละ 42.7 วิทยศาสตร์ ร้อยละ 38.1 และภาษาอังกฤษ ร้อยละ 35.5 ปัจจุบันแท็บเล็ตสำหรับเด็กมีราคาไม่ถึง 5,000 บาท ซึ่งเชื่อได้ว่าผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยซื้อหามาใช้ที่บ้าน แล้วใช้งานนานกว่าที่โรงเรียนโดยการดูแลใกล้ชิดจากผู้ปกครอง เป็นอีกกลไกหนึ่งที่สนับสนุนนโยบายการศึกษาของภาครัฐที่จะส่งเสริมให้เด็กรู้จักประยุกต์ใช้อุปกรณ์อย่างถูกต้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด
http://www.thaiall.com/blogacla/admin/2392/
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000029487
พงษ์เทพ บอกว่า ซุปเปอร์ฮีโร่มีแต่ในนิยาย
พงษ์เทพชี้ รธน.ปี2540 คิดผิด สร้างองค์กรอิสระบ้าอำนาจ
มีกฎที่เล่าต่อกันมาว่า
กฎข้อ 1 รธน. คือ กฎหมายสูงสุด
กฎข้อ 2 ถ้ามีอะไรขัดกับกฎข้อ 1 ให้ย้อนกลับไปดูกฎข้อ 1
1 มี.ค.56 องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา (USAID) ร่วมกับเว็บไซต์ประชาไท จัดสัมมนา 15 ปี องค์กรอิสระฯ สำรวจธรรมาภิบาลไทย สำรวจประชาธิปไตย โดยมีนางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประเทศไทย พร้อมด้วยนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะอดีตสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2540 (ส.ส.ร. 40) กล่าวในหัวข้อ “พัฒนาการองค์กรอิสระฯกับประชาธิปไตยไทย”
http://www.naewna.com/politic/43322
นายพงศ์เทพ กล่าวว่า องค์กรอิสระกับธรรมาภิบาล ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ประเทศไทยต้องระดมความคิด เพื่อให้เกิดกลไกลการใช้อำนาจอย่างโปร่งใส องค์ที่น่าเชื่อถือที่สุด คือองค์กรตุลาการ แต่ที่ผ่านมาจะเห็นตัวอย่างต่างๆ มากมาย ทำให้มั่นใจว่าไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป ตนเองถือเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำให้องค์กรอิสระเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นหนึ่งในการร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ในขณะนั้น ส.ส.ร.40 คิดกันว่า จะทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดองค์กรในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างโปร่งใส โดยมีผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานในองค์กรอิสระ
“แต่ตอนนี้เชื่อว่า ส.ส.ร.ปี 40 คงคิดว่า การร่างรัฐธรรมนูญให้มีองค์กรอิสระเกิดขึ้น เป็นความคิดที่ผิดมาก ที่ทำให้เกิดองค์กรอิสระขึ้น เนื่องจากคนที่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ มีแต่ในนิยาย เพราะจะเห็นได้ว่า เมื่อคนเหล่านี้มีอำนาจอย่างล้นมือ จะใช้อำนาจฉ้อฉลแบบเบ็ดเสร็จ จนทำให้ไม่สามารถมีองค์กรใดเข้ามาตรวจสอบได้ เพราะรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ได้สร้างกลไกอย่างประหลาด โดยการที่รัฐสภา ไม่สามารถเรียกฝ่ายตุลาการ เข้ามาสอบถามการใช้อำนาจได้ ดังนั้น ต้องมาระดมความคิดกันว่า จะทำอย่างไรให้องค์กรอิสระ ยึดโยงกับประชาชนและสามารถตรวจสอบได้มากที่สุด”
โค้ชสู่ผู้เล่น .. นิเทศศาสตร์บน Digital TV Field
ห้วงเวลาของการประมูลคลื่นความถี่ 3G เพิ่งผ่านไปไม่นาน
คณะกรรมการ กสทช. ขยับเร็ว เร่งแก้ปัญหาที่คาราคาซัง
ฝันที่รอวันเป็นจริงของใครหลายคน
ในแวดวงทีวี “ดิจิทัลทีวี” ต่างประเทศออกอากาศไปนานแล้ว เมืองไทยเพิ่งจะเริ่มเข้าสู่ช่วงการประมูลและขอใบอนุญาตการออกใบอนุญาตให้ออกอากาศในระบบดิจิทัลครั้งนี้มีทั้งหมด 48 ช่อง นอกเหนือจากการออกอากาศในรูปแบบอื่นที่มีอยู่แล้ว อย่าง ฟรีทีวี ในระบบอะนาล็อกแบบเดิม ทีวีดาวเทียม และเคเบิ้ลท้องถิ่นโดยเปิดให้ขอใบอนุญาตตามคุณสมบัติ (Beauty Contest) สำหรับประเภทช่องบริการสาธารณะ 12 ช่อง และบริการชุมชน 12 ช่องส่วนอีกกลุ่มจะเป็นช่องบริการธุรกิจ 24 ช่อง ใช้ลักษณะรูปแบบการประมูล ประกอบด้วย ช่องทั่วไป 20 ช่องและช่องเอชดี 4 ช่อง
สำหรับนักนิเทศฯแล้ว ครั้งนี้น่าจะเป็นมากกว่าการเป็นผู้ติดตามความเคลื่อนไหว วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น ด้วยผมได้มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมหารือร่างสถานีโทรทัศน์สาธารณะ (Campus TV) ที่กลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเอกชนชั้นนำ 7 แห่ง จัดขึ้นอันได้แก่ ม.หอการค้า ม.กรุงเทพ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ม.ศรีปทุม ม.อัสสัมชัญ ม.เนชั่น และ ม.หัวเฉียวฯ ถึงแนวทางการยื่นขอจัดตั้งสถานีโทรทัศน์สาธารณะเพื่อการศึกษา ฟังแนวความคิดที่แต่ละสถาบันร่วมถกประเด็นต่างๆ มีความน่าสนใจมาก แนวคิด “ร่วมทุน ร่วมสร้าง ร่วมเผยแพร่สู่สังคม” การร่วมกันผลิตรายการครอบคลุมเนื้อหารายการตั้งแต่ ข่าว เศรษฐกิจ สารคดี บันเทิง และกีฬา เรียกว่าครบทุกอรรถรสของเนื้อหารายการทีวีทีเดียว และสอดคล้องกับลักษณะสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ที่กำหนด ด้วยความมุ่งหวังที่จะเป็นคลังปัญญา นำความรู้สู่สังคมวงกว้าง เป็นเวทีสร้างคนสู่สนามมืออาชีพ ทำให้รู้สึกอยากกระตุ้นต่อให้หลายภาคส่วนการศึกษา โดยเฉพาะสถาบันอุดมศึกษารัฐ เอกชน น้อยใหญ่ช่วยกันให้เกิดขึ้นจริง
65 ปีที่สังคมไทยมีรายการโทรทัศน์ดูและมากกว่า 40 ปีที่มีการเรียนการสอนนิเทศศาสตร์นิเทศฯ แต่ละมหาวิทยาลัยมีภารกิจที่สำคัญหลายด้าน อาทิเช่น บทบาทด้านงานวิจัยวิเคราะห์ปรากฏสื่อในสังคมไทยศิลปวัฒนธรรม และอื่นๆ แต่ภาพที่ฉายออกมาอย่างเด่นชัด คือ ตักศิลาทางนิเทศฯ ผู้ทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตสร้างนักสื่อสารมวลชนรุ่นใหม่เข้าสู่แวดวงงานสื่อสารมวลชน บ่อยครั้งที่นักนิเทศศาสตร์ แสดงบทบาทของการเป็นผู้ทำหน้าที่ ตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์สื่อในหลากมิติ โครงสร้าง บทบาทหน้าที่ เนื้อหาของสื่อจนคนในแวดวงสื่อเอง คงเกิดคำถามในใจ อยากถามกลับเหมือนกันว่า “ลองมาทำดูไหม อยากเห็นเหมือนกัน ว่ารายการที่ดีควรเป็นเช่นไรเมื่อคนสอนสื่อ ลงมากำกับเอง ทำเอง” อันนี้เป็นคำพูด มุมมองเล็กๆ ที่เพื่อนๆ ในแวดวงสื่อเคยพูดกับผมไว้
“พื้นที่…โอกาส…การลงทุน” ครั้งนี้จึงเป็นอีกครั้งที่สถาบันอุดมศึกษาน่าจะลองนำเสนอร่วมกัน ร่วมมือกันในการทำรายการ ให้พื้นที่นักศึกษาในการแสดงความสามารถจากการเรียนการสอนเดิมๆ ที่สอนให้เรียนรู้ในห้องเรียน สตูดิโอ นักศึกษาสร้างผลงาน เผยแพร่ทางสื่อใหม่ หรือส่งเข้าประกวดตามแต่โอกาส งานที่ชนะเลิศที่ถึงจะมีโอกาสออกสื่อกระแสหลักอย่างทีวี หนังสือพิมพ์ มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ที่มีทุนทรัพย์ก็มีโอกาสดีหน่อย ที่จะมีช่องรายการของตัวเอง อย่าง RSU Wisdom แชนเนล ม.รังสิตหรือ ABAC Channel ม.อัสสัมชัญ ยังไม่นับรวมมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งที่จัดการสอนทางไกลผ่านทางโทรทัศน์ หรือภาคเอกชนที่ทำช่องรายการเพื่อการศึกษา แม้จะมีงบประมาณในการดำเนินการ แต่เนื้อหารายการดึงดูด น่าสนใจต่างหากที่จะตรึงกลุ่มผู้ชมให้เป็นแฟนช่องรายการ นับว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการ หลายแห่งเลือกที่จะผลิตรายการเองบางส่วน และมีบริษัทเอกชนร่วมผลิต ยังไม่นับรวมค่าเช่าโครงข่าย ค่าเช่าช่องสัญญาณดาวเทียม โอกาสสำหรับสถาบันการศึกษาขนาดเล็กจึงเกิดขึ้นได้ยาก ขณะเดียวกันหากเป็นช่องดิจิทัลทีวีเหมือนที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษานิเทศฯ เล็กหรือใหญ่ ก็มีโอกาสร่วมกันในการใช้พื้นที่ร่วมกัน กระจายความเสี่ยงในแง่การลงทุน
“สร้างสรรค์…มืออาชีพ” นิเทศฯแต่ละมหาวิทยาลัย มีจุดเด่นที่ต่างกันออกไป การสร้างสรรค์ นำเสนอรูปแบบรายการตามความถนัด สร้างบรรทัดฐานใหม่ของการทำรายการทีวี ในฐานะที่นักนิเทศศาสตร์ผู้ทำการศึกษาผู้ที่เข้าใจปรากฏการณ์สื่อ เข้าใจเทคโนโลยี ดังนั้น ก็ควรที่จะเป็นแบบอย่างในการผลิตรายการที่ดี นักศึกษาแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะโอกาสใช้เวทีตรงนี้ประชันความสามารถผ่านรูปแบบการบริหารงานจริงที่นักศึกษาทุกสถาบัน จะต้องคิดรูปแบบ เนื้อหารายการ จัดทำงบประมาณการผลิต นำเสนอรายการไปยังสถานีหากรายการได้รับการอนุมัติ จึงจะได้ผลิตออกอากาศ เกิดการแข่งขันกันสร้างประสบการณ์ทำงานควบคู่กันไปกับประสบการณ์เรียนรู้
ยุคสมัยหนึ่ง นักวิชาการนิเทศฯ เรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปสื่อ เรียกร้องเสรีภาพในการแสดงออก เวลาเหล่านั้นเดินทางมาถึงแล้ว พร้อมหรือยัง ? เหล่าโค้ช ผู้ที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยง ผู้ปลุกปั้นนักสื่อสารมวลชน คนรุ่นใหม่ ที่จะลงสนามในฐานะผู้เล่นและโค้ชไปพร้อมกัน แวดวงกีฬามีปรากฏให้เห็น แล้วแวดวงวิชาการหล่ะ ?
เรียบเรียงโดย ชินกฤต อุดมลาภไพศาล
บทความจากกรุงเทพธุรกิจ
ทีวีดิจิตอล 48 ช่อง จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นจริงหรือ
ว่า “ทีวีดิจิตอล 48 ช่อง จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นจริงหรือ…”
เป็นคำถามที่ดูเหมือนง่ายแต่ตอบยาก
เรียบเรียงโดย อัญญาวีร์ อุนสวัสดิ์อาภา
บทความจากกรุงเทพธุรกิจ
ยอดพีซีอินเดียขึ้น 3% สวนกระแสทั่วโลกตก
3 มี.ค.56 เข้า zdnet.com อ่านข่าวไอที ซึ่งทั่วโลกทราบว่า อินเดียเก่งเรื่องไอทีด้วยหลายปัจจัย ข้อมูลมากมายก็สนับสนุนไปทางนั้น มาดูข่าวหนึ่งบอกว่า “PCs enjoy revival in India as global sales dip” เข้าไปดูถึงรู้ว่าปัจจัยหนึ่งคือการแจก OLPC แก่เด็ก ๆ ในอินเดีย ต่างกับไทยที่แจก tabletpc แต่ก็มีโรงเรียนนำร่อง อย่างโรงเรียนบ้านสามขาที่ลำปาง ได้ OLPC ไปใช้มาหลายปีแล้ว เมื่อค้นข้อมูลเพิ่มเติมก็ไปพบรายละเอียดใน wikipedia ให้รายละเอียดไว้ดีมาก แต่ส่วนหัวของ wiki บอกว่า เว็บไซต์เขาติดอันดับ 5 ของโลก มีบุคลากร 150 บริการคน 450 ล้านคน แต่ตังไม่มี เพราะไม่ติดโฆษณา ไม่รับเงินรัฐบาลไหน รับบริจาคอย่างเดียว สรุปว่าขอรับความช่วยเหลือเป็นเงินบริจาค ผมว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจนะครับ แล้วนึกถึงเพลง “รอพี่ก่อน” ของ shade
http://en.wikipedia.org/wiki/One_laptop_per_child
http://www.zdnet.com/in/pcs-enjoy-revival-in-india-as-global-sales-dip-7000012011/
เชื่อหรือไม่ .. โรงเรียนไทย 1 ใน 3 สอนเด็กอย่างไม่มีคุณภาพ
28 มิ.ย.2555 ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ สมศ. ได้จัดทำการประเมินภายนอกสถานศึกษาในรอบ 3 ประจำปี 2554 พบว่า โรงเรียนที่สอนเด็กระดับประถม และมัธยม
1. มีผ่านเกณฑ์คุณภาพ ร้อยละ 71
2. ไม่ผ่านเกณฑ์คุณภาพ ร้อยละ 29
http://www.thaiall.com/blog/admin/4884/
ถ้าตีความแบบชาวบ้าน
ก็ต้องบอกว่าเด็กไทย 1 ใน 3
เรียนอยู่ในโรงเรียนที่ไม่มีคุณภาพ
เมื่อเชื่อว่าโรงเรียน คือ กลไกสำคัญในการพัฒนาเยาวชน
มีคำว่าเอกลักษณ์เป็นของโรงเรียน และอัตลักษณ์เป็นของเด็ก
—
ถ้าโรงเรียนมีคุณภาพ ก็ย่อมสอนให้เยาวชนมีคุณภาพ
ถ้าเชื่อกราฟ ก็ย่อมหมายความว่า
โรงเรียนในไทยผลิตเด็กที่ไม่มีคุณภาพ ออกมา 1 ใน 3 ของประเทศ
โดยส่วนตัว .. ผมไม่เชื่ออย่างนั้นนะครับ
.. บ่อยครั้งที่ตัวเลขไม่อาจสะท้อนความจริงได้ทั้งหมด
“ไม่เป็นไร” ไม่ใช่วิสัยของใครทั้งสิ้น ยิ่งปราชญ์ก็ห้ามพูด
ตอนสองในบทความเรื่อง “พลาดอย่างมีเครดิต”
นักปราชญ์ตั้งแต่ยุคโบราณกาลท่านหนึ่งกล่าวไว้ในทำนองที่ว่า
คุณภาพของงานของใครสักคนหนึ่ง
มาจากนิสัยที่คนนั้นแสดงออกให้ผู้คนได้ประจักษ์
ถ้าเชื่อนักปราชญ์ที่ได้กล่าวถ้อยคำนี้ไว้
ใครก็ตามที่อยากให้คนเชื่อเวลาที่งานการผิดพลาดไปนั้น
ต้องสร้างนิสัยการทำงานที่ส่อให้เห็นคุณภาพให้คนอื่นได้เห็นเป็นประจำให้ได้
ต้องทำเป็นนิสัยไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็แล้วแต่
ถ้าแสร้งทำไม่นานวันก็หลุดอาการไร้คุณภาพมาให้เห็น
คนเห็นความไม่มีคุณภาพในงานของเราสักครั้งสองครั้ง
เครดิตในด้านคุณภาพของเราก็หดหายไปหมด
เครดิตด้านคุณภาพสร้างให้คนอื่นเชื่อได้ยาก แต่ทำลายให้หมดไปได้ง่าย
หนทางเดียวที่จะรักษาเครดิตความน่าเชื่อถือว่าเราทำงานโดยเน้นคุณภาพไว้ได้
คือทำให้เป็นนิสัย โดยเริ่มต้นจากการลดนิสัย “ไม่เป็นไร” ในการทำงานให้มากที่สุด
(2/3)
จากเรื่อง “พลาดอย่างมีเครดิต” โดย ดร.บวร ปภัสราทร
http://bit.ly/WtjtXG
new drawing of swot graph
บริการที่ http://www.thaiall.com/swot