http://www.thaiall.com/blog/burin/5257/
ต้นเดือนมิถุนายน 2556 มีข่าวใหญ่สำหรับกลุ่มผู้ใช้อุปกรณ์ของบริษัทแอปเปิ้ล ว่ามีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS7 ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์แต่ละเครื่อง ที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือหน้าตาที่ดูเรียบง่าย และการติดต่อกับผู้ใช้ รองรับระบบมัลติทาสกิ้งที่ประหยัดไฟฟ้ากว่าเดิม การส่งแฟ้มระหว่างเครื่องทำได้ง่าย หรือการสนทนาผ่าน SIRI ที่ฉลาดขึ้น หมายถึงให้คำตอบที่ตรงกับความต้องการกว่าเดิม ถ่ายภาพพาโนรามาได้ง่าย และมีฟิลเตอร์คล้ายกับอินสตาแกรมให้เลือกปรับโทนสีของภาพ มีระบบแกลอรี่ภาพที่แสดงผลเป็นภาพขนาดเล็กได้นับร้อยภาพในจอภาพเดียว ช่วยให้ค้นหา และจัดหมวดหมู่ได้ง่ายขึ้น
ระบบไอคลาว (iCloud) ช่วยในการแบ่งปันภาพและเรื่องราวกับเพื่อนเราที่ใช้อุปกรณ์ของแอปเปิ้ลได้ง่าย มีบริการแอร์ดร็อป (AirDrop) สำหรับส่งแฟ้มหรือภาพให้เพื่อนที่อยู่ใกล้เราได้ง่าย สามารถฟังวิทยุไอทูน (iTunes Radio) ได้ฟรี และมี iOS สำหรับรถยนต์ทำให้เชื่อมต่อกับ iOS บนอุปกรณ์ได้ง่าย จะฟังเพลง ฟังวิทยุ ส่งข้อความ โทรศัพท์ บอกตำแหน่ง แนะนำเส้นทางก็ง่ายไปหมด สำหรับอุปกรณ์ที่สามารถอัพเกรดเป็น iOS7 ได้ คือ iPhone 4, iPhone 4S, iPhone 5, iPad 2, iPad mini, iPod Touch
http://www.youtube.com/watch?v=rT_OmTMwvZI
การพัฒนาด้านเทคโนโลยีดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง มีทั้งผู้พัฒนาและผู้ใช้ ในภาพที่มองเห็นว่าโลกกว้างใหญ่น่าจะมีที่ยืนให้กับบริษัทผู้พัฒนาทุกราย แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ผู้นำด้านอุปกรณ์สื่อสารมีเพียงไม่กี่ราย ได้แก่ แอปเปิ้ล และซัมซุง ที่เข้ามายืนเกือบเต็มพื้นที่ ส่วนบริษัทที่เคยยิ่งใหญ่กลับต้องปรับตัวจนแทบหาที่ยืนไม่ได้ อาทิ Nokia, RIM, Sony Ericsson, Motorola แต่ผลที่เกิดขึ้นผู้ใช้ หรือผู้บริโภคเป็นผู้ตัดสิน สำหรับสงครามระหว่าง Apple และ Samsung ยังต้องดำเนินต่อไป เราเหล่าผู้ชมก็คงได้แต่เป็นกำลังใจ เพราะไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ ผลประโยชน์ล้วนตกกับผู้ใช้ที่โหยหาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเสมอ ในอนาคตอุปกรณ์ที่ต้องใช้มือถืออาจเปลี่ยนเป็นเกาะติดกับร่างกายอย่างที่ google glass ได้นำเสนอไว้เมื่อปี 2555 ก็ต้องมาติดตามว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ใช่สำหรับยุคการสื่อสารไร้พรมแดนของมนุษย์หรือไม่
http://www.apple.com/ios/ios7/features/
