เรื่องของตับ ที่อ้างว่าหนิดหนมกับเรา

ตับ (liver)
ตับ (liver)

หวัดดี…ฉันคือตับ ของคุณ
ให้ฉันเล่าให้คุณฟังว่า ฉันรักคุณมากเท่าใด 9 ข้อ

1. ฉันสะสมธาตุเหล็กสำรองรวมทั้งวิตามิน และ แร่ธาตุ ต่างๆ ที่คุณต้องการ
หากไม่มีฉัน คุณก็จะไม่มีเรี่ยวแรงที่อยู่ต่อไป

2. ฉันผลิตน้ำย่อย สำหรับย่อยอาหารให้คุณ
หากไม่มีฉัน คุณก็สูญเสียอาหาร จนไม่มีอะไรเหลืออยู่

3. ฉันทำหน้าที่ล้างพิษของพวกสารเคมีที่คุณมอบให้ฉัน
ไม่ว่าจะเป็น แอลกอฮอล์ เบียร์ ไวน์ ยาต่างๆ(ที่มีและไม่มีใบสั่งของแพทย์)
รวมทั้งบรรดาสิ่งผิดกฏหมายทั้งหลาย
หากไม่มีฉันแล้วนิสัยไม่ดีของคุณ ก็จะฆ่าคุณไปแล้ว

4. ฉันเก็บพลังงานเหมือนแบตเตอรี่ โดยสะสมน้ำตาล(คาร์โบไฮเดรท , กลูโคส และ ไขมัน)
ไว้ให้คุณเมื่อคุณต้องการมัน
หากไม่มีฉัน ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณจะลดลงต่ำมาก จนทำให้คุณล้มพับไป

5. ฉันสร้างเลือดให้ระบบต่างๆ ของคุณ ก่อนที่คุณจะเกิดเสียอีก
หากไม่มีฉันแล้วก็คงจะไม่มีคุณอยู่ที่นี่

6. ฉันผลิตโปรทีนใหม่ที่ร่างกายของคุณต้องการเพื่อการมี สุขภาพดีและเจริญเติบโต
หากไม่มีฉันแล้วคุณก็จะไม่เจริญเติบโตอย่างที่ควร

7. ฉันกลั่นกรองสารพิษจากอากาศ ไอเสียรถยนต์ และสารเคมี ที่คุณหายใจเข้าไป
หากไม่มีฉันแล้วคุณก็จะเหมือนถูกวางยาพิษโดยมลภาวะเหล่านั้น

8. ฉันผลิตสารทำให้เลือดแข็งตัว ถ้าคุณบังเอิญไปโดนอะไรบาด
หากไม่มีฉันแล้วคุณจะต้องตายเพราะเลือดไหลไม่หยุด

9. ฉันคอยต่อสู้ ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคต่างๆ โจมตีคุณ ไม่ว่าจะเชื้อหวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่
อะไรก็ตาม ฉันจะน็อคมันให้ตายหมด หรือ ไม่ก็ทำให้มันอ่อนแรงลง
หากไม่มีฉันแล้วคุณก็เหมือนเป้านิ่ง รอให้สารพัดโรคโจมตี

ดูซิว่า ฉันรักคุณแค่ไหน….
แล้วคุณล่ะ รักฉันบ้างไหม ?

ขอให้ฉันบอกวิธีง่ายๆ ที่จะ รัก ฉัน , ตับ ของคุณ

อย่ากดฉันให้ต้องจมลงในน้ำเบียร์ แอลกอฮอล์ หรือ ไวน์ เลย
สำหรับบางคนแล้วเพียงแก้วเดียว ก็ทำให้ฉันเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิต

ระวังบรรดา ” ยา ” ทั้งหลาย
ยาทุกอย่างมาจากสารเคมี
และเมื่อคุณเอามันมนผสมกันเข้า โดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์
มันก็กลายเป็นยาพิษที่สามารถทำลายฉันได้อย่างดีทีเดียวละ
ฉันเป็นแผลเป็นง่าย เมื่อเป็นแล้ว เป็นอย่างถาวรเสียด้วย
บางครั้งยาก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่ การกินยาเกินความจำ เป็น เป็นนิสัยไม่ดี
บรรดาสารเคมีเหล่านั้น สามารถทำลายตับได้

จงระวังบรรดากระป๋องสเปรย์ทั้งหลาย
จำไว้ว่า ฉันจะต้องล้างพิษทุกอย่างที่คุณหายใจเอาเข้าไปด้วย
ดังนั้นเวลาคุณทำความสะอาดอะไรด้วยพวกสเปรย์
ต้องให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือสวมหน้ากากด้วย
อันตรายเพิ่มเป็นสองเท่า สำหรับพวกสเปรย์ฆ่าแมลง ฆ่าเชื้อรา สี และสารเคมี
ระวังว่าคุณหายใจเอาอะไรเข้าไป

ระวังว่าอะไรโดนผิวหนังคุณด้วย ยาฆ่าแมลงที่คุณฉีดต้นไม้ พุ่มไม้นั้น
สามารถผ่านผิวหนังของคุณเข้ามาโจมตีฉันได้ด้วย
ป้องกันผิวหนังของคุณโดยการสวมถุงมือ ใส่เสื้อแขนยาว หมวก หน้ากากทุกครั้ง
ที่คุณฉีดยาฆ่าแมลง

คำเตือน
ฉันไม่สามารถ และ ไม่บอกคุณด้วยว่าฉันประสพกับปัญหา
จนกระทั่งเกือบจะถึงวาระสุดท้ายของทั้งฉันและคุณเสียแล้ว
จงจำไว้ว่า ฉันไม่ใช่ประเภทขี้บ่น
ให้ฉันทำงานหนักเกินไปโดยอัด ยา แอลกอฮล์ และ บรรดาอาหารขยะ
สามารถทำร้ายฉันได้!
นี่อาจเป็นการเตือนครั้งเดียวที่คุณจะได้รับ

โปรดฟังคำแนะนำฟรี
พาฉันไปให้คุณหมอตรวจ
การตรวจเลือด สามารถบอกปัญหาบางอย่างได้
ถ้าฉันยังอ่อนนุ่ม และไม่เป็นตะปุ่มตะป่ำ แสดงว่าฉันยังดีอยู่
ถ้าคุณหมอสงสัย การอัลตร้าเซาวนด์ หรือ ซีที แสกน ช่วยได้
อายุของฉัน กับอายุของคุณ ขึ้นอยู่กับว่า คุณดูแลฉันดีแค่ไหน

คราวนี้คุณรู้แล้วละซี ว่าฉันรักคุณแค่ไหน
ได้โปรดดูแลฉันหน่อยด้วยความรักและผูกพัน
จาก เพื่อนร่วมชีวิตผู้สงบเงียบ
และคู่รักนิรันดร
ของคุณ

ตับ

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=466394080045943&set=a.355484451136907.90716.320028258015860

ภาพ และรายละเอียดเรื่องตับ จาก
http://www.astellas.co.th/ltx_en.php
http://www.astellas.co.th/images/pic_ltx.gif

รู้วิธีรักอย่างมีกึ๋น… ของผู้หญิงฉลาด

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า

ถ้าคุณไม่เห็นคุณค่าในตัวเองก็อย่าหวังว่าใครอื่นจะมองเห็น การที่คุณหลงรักใครสักคนและต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเค้าคนนั้นอาจจะไม่ ใช่สิ่งที่ดีนัก เมื่อคุณเปลี่ยนเขาก็จะหมดความสนใจในตัวคุณ หากเทียบกับตอนที่เขาหลงรักคุณใหม่ๆ เขารักในตัวตนของคุณไม่ใช่คนที่เขาใฝ่ฝันอยากให้เป็น ซึ่งเป็นเพียงจินตนาการของผู้ชายเท่านั้น แต่คุณเป็นคนในโลกแห่งความจริง จงเป็นตัวของตัวเองและปรับเปลี่ยนเพียงพฤติกรรมบางอย่าง เพื่อตัวคุณเองนะ ไม่ใช่เพื่อเขา

เซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องง่าย

ก่อนที่ผู้หญิงฉลาดจะสนิทสนมกับใครสักคนทางกาย ควรรู้จักเขานานพอที่จะรู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร รักสุขภาพตัวเองแค่ไหน และควรให้แน่ใจว่าหากคุณมีสัมพันธ์กับเขาคุณจะปลอดภัยทั้งทางจิตใจและร่าง กาย และถึงแม้ว่าเขาจะดีพร้อมทุกอย่างก็ไม่จำเป็นว่า คุณจะต้องนอนกับ เขาหากคุณไม่พร้อม เสรีภาพทางเพศหรือฟรีเซ็กซ์ควรควบคู่ไปกับความรับผิดชอบด้วย เรารู้จักผู้ชายได้โดยไม่ต้องมีเซ็กซ์เลยด้วยซ้ำ หากเขาจริงจังกับคุณ

ผู้ชายแสนดีไม่จำเป็นต้องหล่อ

หากคนที่คุณคบอยู่เป็นคนดีและคุณชื่นชอบเขา ติดเพียงแค่เขาไม่ใช่หนุ่มหล่อในสเป็ค ให้คุณลองมองดูในจุดดีของเขา และลองมองดูถึงอนาคตว่า เขาจะสามารถใช้ชีวิตอยู่กับคุณได้ด้วยความสุขหรือไม่ ลองสังเกตแฟมิลี่แมนที่ไปเดินชอปปิ้งในซูเปอร์มาเก็ต หรือพาแฟนไปเดินเที่ยว หรือทานดินเนอร์ เขาเหล่านั้นใช่จะหน้าตาดีไปซะทุกคนซะหน่อย ลองมองที่จิตใจแล้วคุณจะเห็นความ (ดี) งาม

ความเป็นเพื่อนยาวนานกว่าความรัก

คู่รักคือมิตรภาพที่ยาวนาน นั่นคือคุณสามารถพูดคุยกับเขาได้ทุกเรื่องไม่เว้นเรื่องกระจุกกระจิกของ ผู้หญิง ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจแต่เขาจะตั้งใจฟังคุณและช่วยคุณแก้ปัญหา

ความรักมีปริมาณ 50-50

การที่ต่างฝ่ายต่างมอบความรู้สึกห่วงใยซึ่งกันและกันอยู่เสมอเป็นสิ่งที่ดี ทุกคู่ควรเป็นทั้งฝ่ายรับและฝ่ายให้ เพราะถ้าอีกฝ่ายเป็นคนให้มากเกินไปเขาอาจจะรู้สึกอึดอัดและรู้สึกผิด เพราะเหมือนเป็นการโดนหลอกใช้ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อความรักในระยะยาว การมอบสิ่งดีๆ ให้แก่กันเป็นสิ่งที่ไม่ยาก เพียงพยายามฟังและเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดหรือต้องการ

ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัว

การที่คบกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา คุณเองก็ต้องการจะไปไหนมาไหนกับเพื่อนผู้หญิงบ้าง พูดคุยกันในเรื่องที่คุยได้เฉพาะกับผู้หญิง เขาก็เช่นกันต้องการไปสังสรรค์กับเพื่อน หรือแม้แต่ใช้เวลาว่างเท่าที่เขาต้องการแต่ต้องไม่ใช่ละเลยคุณ แต่คุณอาจจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมกับเขาบ้าง แค่อย่าไปจุกจิกกับเขามากนักเลยนะ

เราไม่มีวันเปลี่ยนแปลงผู้ชายได้

ไม่มีใครจะเปลี่ยนแปลงเขาได้ นอกเสียจากเขาต้องการจะทำเช่นนั้นเอง ฉะนั้นอย่าเสียเวลาในการขอร้องให้เขาเปลี่ยนแปลง เอาเวลาที่มีค่านั้นมาปรับปรุงสถานการณ์บางอย่างของคุณและเขาให้มีแต่ความ สัมพันธ์ดีๆ ดีกว่านะ หรือคุณอาจจะเป็นฝ่ายปรับเปลี่ยนตัวเอง คุณสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่างเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น แต่อย่าลืมว่าอย่าเปลี่ยนไปซะหมดเพราะเขาคงไม่ชอบใจแน่ และหากเขาแสดงการกระทำที่ไม่ให้เกียรติคุณ เขาก็ไม่สมควรได้รับในสิ่งดีๆ ที่คุณพยายามหรือความห่วงใยจากคุณแล้วล่ะ อย่าปล่อยให้เขาทำตัวแย่กับคุณเพราะเขาจะยิ่งทำตัวแย่มากขึ้นเรื่อยๆ

งานบ้านไม่ใช่หน้าที่เฉพาะผู้หญิง

อย่ากลัวที่จะขอให้เขาช่วยเหลือ บางครั้งที่เขาไม่ช่วยเพราะเขาไม่สนใจมันจริงๆ หรือเขาคิดว่า คุณอยากจะทำเอง หรือเขาอาจจะขี้เกียจ แต่ในเมื่อคุณไม่ขอเขาก็ไม่ทำ และหากเขาช่วยงานคุณแล้ว อย่าอยู่ใกล้คอยชี้นิ้วสั่ง และอย่าเข้าไปทำเสียเองหากเขาทำไม่ได้ดั่งใจคุณ อย่าลืมว่าเขาต้องการการฝึกฝน คอยแนะนำการทำงานของเขาแต่อย่าตำหนิเมื่อเขาทำพลาด สิ่งที่สำคัญคือการที่เขารักคุณไม่ได้หมายความว่า คุณต้องรับใช้เขา ผู้ชายที่ทำงานบ้านเป็นผู้ชายที่แสนจะเซ็กซี่และน่ารักที่สุด

การแต่งงานไม่ใช่กระดาษแผ่นเดียว

ความผูกพันระหว่างคนสองคนต้องการเวลาและขั้นตอนในการพัฒนาตนเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีบ้านสวยหรูหรือแหวนเพชรวงโต และไม่ใชการมีเซ็กซ์เท่านั้น การแต่งงานคือการประนีประนอมเพื่อความเข้าใจในการใช้ชีวิตคู่ ชีวิตคู่ไม่ต้องโรแมนติกตลอดเวลาก็สามารถมีความหมายลึกซึ้งและเป็นรักที่แท้ และฉลาดได้

http://hot.ohozaa.com/002172-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B6%E0%B9%8B%E0%B8%99–%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94.html

แฟน 7 แบบที่ควรเขี่ยทิ้ง

ทิ้งไป
ทิ้งไป

1. แฟนประเภทชอบรื้อฟื้น เช่น คบกันอยู่ดีๆ แต่วันร้ายคืนสยองเขากลับ มักพูดถึงแต่แฟนเก่า ว่าเป็นคนอย่างงั้น อย่างโน้น นัยว่าหล่อนเป็นแม่พิมพ์ประจำใจเขานั่นแหละ แถมเล่าแล้วไม่เล่าเปล่าเสียด้วยนะ มีการจับทั้งแฟนปัจจุบันกับอดีตหวานใจมาเปรียบเทียบซะกระเจิด กระเจิง แล้วไอ้ที่ เขาพูดๆ พล่ามๆ เรื่องรักเก่าสมัย ม.3 อะไรเนี่ย มันเป็นสิ่งสร้างสรรค์ หรือทำให้รักปัจจุบัน เหนียวแน่นหรือก็เปล่าเลย ยิ่งเห่า เอ้ย ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้แฟนคนล่าสุดหมดกำลังใจไปเรื่อยๆ

แถมดีไม่ดี เขาอาจเก็บภาพสมัยที่เคยระเริงรักกับแฟนเก่า ซึ่งซุกไว้ในเอ็กซ์ไฟล์ ส่วนตัวมาเปิดดูบ่อยๆ โดยที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้ แล้วอย่างนี้จะให้รักกันไหวไหมล่ะ

2. แฟนชอบโกหกจนเป็นสันดาน ข้อนี้คงไม่ต้องอาศัยคำอธิบายอะไรให้มาก เพราะ ใครบ้าง ที่ไม่รู้อยู่แก่ใจว่า การโกหก คือยาพิษที่ บ่อนทำลายความรักได้ง่ายและฉับไวที่สุดบ้างนะ เหตุนี้ ถ้ามีแฟนจัดเข้าข่ายเป็นพวกโก-Six หรือมุสาวาจา เป็นกิจวัตร หรือพวกชอบโชว์มาด “มือถือสาก ปากถือศีล” ล่ะก็ ถ้าไม่เลิกกันวันนี้ พรุ่งนี้ ก็คงมะรืนนี้แหละ สักวันนึงย่อมทนกันไม่ได้อยู่ดี

3. แฟนเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า แบบว่าเผลอเป็นไม่ได้ ต้องสะเหร่อแบ่งกายไปเบียด คนอื่นอยู่เรื่อย แต่ใช้ข้ออ้างเดิมๆ ว่า เพราะเด็กมันยั่ว เลยหลวมตัวนอตหลุด งั้นเชิญไปไขก๊อกกันทุกคืนเลยแล้วกัน เราอย่าลดตัว เป็นมารคอหอยเขาหน่อยเลย

4. แฟนที่ไม่สนว่า จำเป็นต้องเอาใจคนรักอะไร กันนักหนา

ถ้าไม่รู้จักเอาใจสวีตฮาร์ท แล้วจะให้อีกฝ่ายคอย แต่เอาใจใส่เขาหรือยังไง หากรักกันจริงก็ควรเทกแคร์กันสิเพ่

เทกแคร์น่ะแปลว่า ดูแลเอาใจใส่ไม่ ใช่ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเหลียวแล เค้าว่า ความรักคือการแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่กันไม่ใช่หรือ? แล้วเคยให้กันบ้างไหม?

5. แฟนไม่เคยมีเวลาให้ รวมไปถึงชอบผิดนัด นิยมบอกปัด อ้างงานเยอะ แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่รู้หายหัวไปไหน ขืน เป็นงี้ แล้วจะเป็นแฟนกันไปทำไม? จะเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนก็ไม่เห็นมีอะไรต่าง นอกจากอยากเป็นแฟนเฉพาะทางโทรศัพท์ก็ว่าไปอย่าง

6. แฟนไม่เคยทำตามสัญญา ให้ความหวังด้วยลมปากเป็นอย่างเดียว แต่ทำให้หวังเป็นจริง ไม่ได้ก็แย่

7. แฟนที่ชอบตอกย้ำซ้ำเติมปมด้อยให้น้อยเนื้อต่ำใจได้ตลอดเวลา ถ้าไม่เห็นเรามีดีแล้วตกลงมารักกันให้เจ็บๆคันๆ ทำไมเหรอ ถ้ารักแล้ว พูดจาภาษาดอกไม้ หาเรื่องดีๆ เป็นสิริมงคลมาคุยกันไม่ได้ งั้นหันมาเป็นศัตรูกันยังเก๋ซะกว่า นี่ล่ะหนา ถึงอยากถามใครต่อใคร ว่าก่อนจะรัก หล่อนพร้อมจะเจ็บกระดองใจหรือยังจ๊ะ

http://hot.ohozaa.com/003824-%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%99-7-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87.html

วิธีป้องกันภัยร้ายบนโลกออนไลน์

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

เมื่อโลกอินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น ภัยร้ายก็มาเยือนถึงตัวได้แบบไม่เว้นวัน SRAN จึงขอนำเสนอเทคนิคป้องกันภัยคุกคามออนไลน์ ที่ใครก็ทำได้ มาให้รับทราบกัน ดังนี้

1. ตั้งสติก่อนเปิดเครื่อง ก่อนเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้รู้ตัวเสมอว่าเราอยู่ที่ไหน – ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่สาธารณะ – และระมัดระวังการใช้งานคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่เริ่มเปิดเครื่อง ดังนี้

ก่อน Login เข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ ต้องมั่นใจว่าไม่มีใครแอบดู Password ของเราได้

เมื่อไม่ได้อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ควรล็อคหน้าจอให้อยู่ในสถานะที่ต้องใส่ค่า Login ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้อย่างสะดวก

อย่าประมาทในการใช้งานอินเตอร์เน็ต ตระหนักไว้ว่าข้อมูลความลับและความเป็นส่วนตัวของเราอาจถูกเปิดเผยได้เสมอใน โลกออนไลน์ แม้เราจะระมัดระวังมากเพียงใดก็ตาม

2. กำหนด Password ที่ยากแก่การคาดเดา ควรมีความยาวไม่ต่ำกว่า 8 ตัวอักษร และใช้อักขระพิเศษ ไม่ตรงกับความหมายในพจนานุกรม เพื่อให้เดาได้ยากมากขึ้น และการใช้งานอินเตอร์เน็ตทั่วไป เช่น การ Login ระบบ e-mail , ระบบสนทนาออนไลน์ (chat) ระบบเว็บไซต์ที่เราเป็นสมาชิกอยู่ ทางที่ดีควรใช้ password ที่ต่างกันบ้างพอให้จำได้ หรือมีเครื่องมือช่วยจำ password เข้ามาช่วย

3. สังเกตขณะเปิดเครื่อง ว่ามีโปรแกรมไม่พึงประสงค์รันมาพร้อมๆ กับการเปิดเครื่องหรือไม่ ถ้าดูไม่ทัน ให้สังเกตระยะเวลาบูตเครื่อง หากนานผิดปกติ อาจเป็นไปได้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ติดปัญหาจากไวรัส หรืออื่นๆได้

4. หมั่นตรวจสอบและอัพเดต OS หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ ให้เป็นเวอร์ชั่นปัจจุบัน โดยเฉพาะโปรแกรมป้องกันภัยในเครื่อง และควรใช้ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฏหมาย นอกจากนี้ควรอัพเดตอินเตอร์เน็ตบราวเซอร์ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ เนื่องจาก Application Software สมัยใหม่มักพึ่งพาอินเตอร์เน็ตบราวเซอร์ ก่อให้เกิดช่องโหว่ใหม่ๆ ให้ภัยคุกคามเจาะผ่านบราวเซอร์ สร้างปัญหาให้เราได้

5. ไม่ลงซอฟต์แวร์มากเกินจำเป็น จนเกินศักยภาพการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ที่จำเป็นต้องลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้แก่

อินเตอร์เน็ตบราวเซอร์ เพื่อใช้เปิดเว็บไซต์ต่างๆ

E-mail เพื่อใช้รับส่งข้อมูลและติดต่อสื่อสาร

โปรแกรมสำหรับงานด้านเอกสาร, โปรแกรมตกแต่งภาพ เสียง วิดีโอ

โปรแกรมป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์

หากจำเป็นต้องใช้โปรแกรมอื่น ควรพิจารณาใช้โปรแกรมที่ผ่าน Web Application เช่น Chat, VoIP เป็นต้น หรือบันทึกโปรแกรมลงบน Thumb Drive เพื่อรันจากภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์

ซอฟต์แวร์ที่ไม่ควรมีบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งาน ได้แก่

ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการ Crack โปรแกรม

ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่ใช้ในการโจมตีระบบ, เจาะระบบ (Hacking Tools)

โปรแกรมที่เกี่ยวกับการสแกนข้อมูล ดักรับข้อมูล (Sniffer) และอื่นๆ ที่อยู่ในรูปซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ที่ไม่เป็นที่รู้จัก แม้ค้นหาข้อมูลก็ไม่พบรายละเอียด ซึ่งหากเป็นเช่นนี้เราควรระมัดระวังหากจำเป็นต้องใช้ชุดซอฟต์แวร์ดังกล่าว

ซอฟต์แวร์ที่ใช้หลบหลีกการป้องกัน เช่น โปรแกรมซ่อน IP address เพื่อป้องกันคนไม่ให้เห็น IP ที่แท้จริงนั้น มักใช้เส้นทางระบบเครือข่ายของอาสาสมัครต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนี้อาจเป็นเครื่องของผู้ไม่ประสงค์ดีที่ต้องการดักข้อมูลของผู้ใช้งานบริสุทธิ์ก็ได้

6. ไม่ควรเข้าเว็บไซต์เสี่ยงภัย เว็บไซต์ประเภทนี้ ได้แก่

เว็บไซต์ลามกอนาจาร

เว็บไซต์การพนัน

เว็บไซต์ที่มีหัวเรื่อง “Free” แม้กระทั่ง Free Wi-Fi ที่เราคิดว่าได้เล่นอินเตอร์เน็ตฟรี แต่อาจเป็นแผนของ Hacker ให้เรามาใช้ระบบ Wi-Fi ก็เป็นได้ ให้คิดเสมอว่า “ไม่มีของฟรีในโลก” หากมีการให้ฟรีก็ต้องของต่างตอบแทน เช่น โฆษณาแฝง เป็นต้น

เว็บไซต์ที่ให้โหลดโปรแกรม ซึ่งมีการแนบ file พร้อมทำงานในเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ไฟล์นามสกุล .exe .dll .vbs เป็นต้น

เว็บไซต์ที่แจก Serial Number เพื่อใช้ crack โปรแกรม

เว็บไซต์ที่ให้ download เครื่องมือในการเจาะระบบ (Hacking Tools)

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

เว็บไซต์ที่มี Link ไม่ตรงกับชื่อ โดย Redirect ไปอีกหน้าเพจหนึ่งที่ชื่อไม่ตรงกับ domain ที่ต้องการใช้งาน

เว็บไซต์ที่มีหน้าต่าง pop-up ขึ้นหลายเพจ

เว็บไซต์ที่มีชื่อ domain ยาวและมีเครื่องหมายมากเกินปกติ ไม่ใช่ชื่อที่เหมาะแก่การตั้ง เช่น www.abc-xyz-xxx.com มีเครื่องหมาย “–” มากเกินไป

เว็บที่ทำตัวเองเป็น Proxy อนุญาตให้เราใช้งานแบบไม่ระบุชื่อ (anonymous) เนื่องจากผู้ใช้ Free proxy มักประมาทและคิดถึงแต่ผลประโยชน์ จนลืมคิดไปว่าการได้ IP Address ปลอม จากการใช้ Anonymous Proxy อาจจะถูกสร้างมาเพื่อดักข้อมูลของเราเสียเองก็ได้

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นข้อสังเกตเว็บไซต์เสี่ยงภัย หากหลีกเลี่ยงการเข้าเว็บที่มีลักษณะดังกล่าวไม่ได้ ก็ควรตั้งสติ รอบคอบ และระมัดระวังในการใช้งานเว็บไซต์ข้างต้นเป็นพิเศษ

7. สังเกตความปลอดภัยของเว็บไซต์ที่ให้บริการธุรกรรมออนไลน์ เว็บไซต์ e-Commerce ที่ปลอดภัยควรมีลักษณะดังนี้

มีการทำ HTTPS เนื่องจาก HTTPS จะมีการเข้ารหัสข้อมูล เพื่อป้องกันการดัก User name และ Password ในเวลาที่เราทำการ Login เข้าใช้บริการ e-commerce

มีใบรับรองทางอิเล็กทรอนิกส์ (Certificate Authority : CA) เพื่อช่วยในการยืนยันตัวบุคคลและรักษาความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่ใช้บนเครื่องให้บริการนั้น

มีมาตรฐาน (Compliance) รองรับ เช่น ผ่านมาตรฐาน PCI/DSS สำหรับเว็บไซต์ E-commerce เป็นต้น

8. ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวลงบนเว็บ Social Network ชื่อที่ใช้ควรเป็นชื่อเล่นหรือฉายาที่กลุ่มเพื่อนรู้จัก และไม่ควรเปิดเผยข้อมูลดังต่อไปนี้

เลขที่บัตรประชาชน
เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว
หมายเลขหนังสือเดินทาง
ข้อมูลทางการแพทย์
ประวัติการทำงาน

หากจำเป็นต้องกรอกข้อมูลดังกล่าว ให้สังเกตว่าเว็บไซต์นั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ พิจารณาจากเนื้อหาในเว็บไซต์ที่ควรบ่งบอกความตั้งใจในการให้บริการ และควรเป็นเว็บไซต์ที่รู้จักกันแพร่หลาย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาถูกดักข้อมูลส่วนตัวจากการสร้างเว็บไซต์หลอกลวง (Phishing) และป้องกันข้อมูลปรากฏในระบบค้นหา (Search Engine) ที่ตนเองไม่ประสงค์จะให้สาธารณชนได้รับรู้

9. ศึกษาถึงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการใช้สื่ออินเตอร์เน็ต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการ กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฯ โดยมีหลักการง่ายๆ ที่จะช่วยให้สังคมออนไลน์สงบสุข คือ ให้คิดถึงใจเขาใจเรา – หากเราไม่ชอบสิ่งใด ก็ไม่ควรทำสิ่งนั้นกับผู้อื่น – เวลาแสดงความคิดเห็นบนกระดานแสดงความคิดเห็น (Web board), การรับส่ง e-mail, หรือการกระทำใดๆ กับข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต

10. ไม่หลงเชื่อโดยง่าย อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น และงมงายกับข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต ควรหมั่นศึกษาหาความรู้จากเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต และศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนปักใจเชื่อในสิ่งที่ได้รับรู้

10 วิธีข้างต้นถือเป็นคาถาสำหรับนักท่องเน็ต เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานอินเตอร์เน็ตให้มากขึ้น เพราะภัยคุกคามจากการใช้อินเตอร์เน็ตมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้งานของเราเอง การมีชุดซอฟต์แวร์ป้องกันในเครื่องมิใช่คำตอบสุดท้าย ความปลอดภัยจะเกิดขึ้นได้ล้วนแล้วแต่พึ่งพาสติและความรู้เท่าทันของเราเองระลึกไว้เสมอว่า ความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลจะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มต้นจากตัวเองเสียก่อน หากผู้ใช้งานปลอดภัย ระบบเครือข่ายภายในองค์กรนั้นก็จะปลอดภัย เครือข่ายองค์กรอื่นๆที่มาร่วมใช้งานระบบก็ปลอดภัย เกิดเป็นห่วงโซ่แห่งความปลอดภัย จากระดับเล็กสู่ระดับใหญ่ ไปถึงระดับชาติ ช่วยให้ประเทศของเราปลอดภัยจากการใช้ระบบสารสนเทศได้

http://nut-memo.blogspot.com/

อันตรายต่อสุขภาพกับการอยู่หน้าจอเป็นเวลานานๆ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ในชีวิตคนทำงานปัจจุบันเราจำเป็นต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลาหลายพันชั่วโมงต่อปี คนทำงานโดยเฉพาะหนุ่มสาวออฟฟิศ จึงไม่ควรนิ่งนอนใจกับอันตรายที่อยู่ใกล้กว่าที่คิด ทั้งอาจเกิดอาการไหลตาย และเป็นโรคร้ายสะสม ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นกับคนที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน รวมถึงเด็กและวัยรุ่นที่ติดเกมคอมพิวเตอร์ด้วย

1. การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ถ้าเล่นจนเกินขอบเขต เกินความพอดี อาจเป็นอย่างที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ามีนักศึกษา เล่นเกมจนช็อกตายหรือ ไหลตายคาร้านเกม

2. กลุ่มคนที่มีโอกาสพบปัญหาไหลตายในอนาคต คือ เด็กวัยรุ่นที่เล่นเกมโดยไม่นอนทั้งคืน หรือคนทำงานที่เสพข้อมูลทาง

3. อินเทอร์เน็ตแบบหามรุ่งหามค่ำบ่อย ๆ ในทางการแพทย์เชื่อว่ามันเป็นโรคทางพันธุกรรม และเกิดจากการขาดวิตามินบางตัว และส่วนหนึ่งเกิดจากร่างกายทำงานหนักเกินจะรับไม่ไหว จากสถิติพบว่าคนในวัยกลางคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้มีความเสี่ยงมากที่สุด การไหลตายหน้าจอคอมพิวเตอร์ เกิดด้วยสาเหตุรวมของการอดนอนมาก ๆ ขาดวิตามินบางตัวหรือสารอาหารบางตัว มีปัญหาโรคโดยไม่ทราบ สาเหตุ ติดคอมพิวเตอร์คล้ายติดสิ่งเสพติดจนต้องเพิ่มขนาดปริมาณ เดี๋ยวอีก 10 นาทีจะนอน กลายเป็นตีสาม และ 6 โมงเช้าต้องตื่นกลางวันต้องทำงาน ก็ดื่มกาแฟไปมาก ๆ บางครั้งต้องใช้ยากระตุ้นประสาทเพื่อไม่ให้ง่วง ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้ คุณต้องคิดใหม่ทำใหม่ ด่วน!!!!

4. ผลกระทบทางตรงของคอมพิวเตอร์ คือ ดวงตา อาจเกิดอาการเบลอ ๆ มองภาพไม่ชัดเจนซึ่งเกิดชั่วคราวจากรังสีที่แผ่ออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ อาการที่เกิดขึ้นจากการมองจอภาพเป็นเวลานาน ๆ นี้เรียกว่า Computer Vision Syndrome (CVS) และเมื่อเราใช้คอมพิวเตอร์ไปนาน ๆ หรือเพ่งจอมาก ๆ จะทำให้รู้สึกว่าปวดตา อาจทำให้สายตา มีปัญหา เช่น สายตาสั้น จึงควรพักสายตา เมื่อใช้มันจ้องหน้าจอนาน ๆ จนเริ่มปวดตา ควรหยุด โดยละสายตามองทางอื่น หรือลุกขึ้นไปเพื่อผ่อนคลายก่อนแล้วจึงลงมานั่งทำงานต่อ อย่าฝืนมากเกินไปอาจจะเป็นผลเสียต่อตัวเอง

5. เกิดอาการ Repetitive Strain Injury หรือ RSI ซึ่งสามารถเป็นได้กับทุกส่วนของร่างกายจากการนั่งทำงานหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์แบบไม่ถูกสุขลักษณะ ตั้งแต่แขน, ข้อมือ, ข้อนิ้ว, แผ่นหลัง, ต้นคอ, หัวไหล่ และสายตา เนื่องจากอวัยวะส่วนที่มีปัญหาถูกวางค้าง ถูกทิ้งน้ำหนัก หรือกดทับนาน ๆ จนอักเสบ หากปล่อยไว้นาน ๆ อาจต้องผ่าตัดเอ็น ปัจจุบันมีบริษัทที่ได้พยายามผลิตเครื่องป้องกันอันตราย จากคอมพิวเตอร์ที่มีผลต่อร่างกาย เช่น ทำให้เมาส์มีรูปทรงการใช้งานในแบบขนานเหมาะมือ ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นเพื่อสร้างโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ และเก้าอี้นั่งพิมพ์ให้เหมาะสมกับร่างกาย ของใหม่อาจจะมีราคาแพงกว่าของทั่วไป แต่ก็คุ้มกว่าค่ารักษาพยาบาล และสุขภาพที่เสื่อมโทรม

6. ในอเมริกาอาการของโรค RSI เป็นโรคที่เกิดจากการทำงานที่ มีตัวเลขสูงเป็นอันดับหนึ่ง มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีประมาณ 300,000 คน อัตราการเจริญเติบโตเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี ประมาณ 20% พนักงานต้องขาดงานโดยเฉลี่ย 30 วันทำงานต่อปี แม้ขณะนี้ RSI จะยังไม่ใช่ปัญหาของสังคมไทย แต่คาดว่าอนาคตอันใกล้ คนไทยจะมีเปอร์เซ็นต์จาก อาการเจ็บป่วยเมื่อใช้คอมพิวเตอร์นาน ๆ มากขึ้น เพระมีการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นจนน่ากลัวในทุกกลุ่มคน เภทภัยที่น่ากลัวและอันตรายที่สุดมักมากับความเงียบในรูปแบบของความเพลิดเพลิน ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับใครไม่อยากมีอันตรายผ่อนส่ง คือการรู้จักสำรวจตัวเองเป็นระยะด้วยการตรวจสุขภาพ และใช้เวลากับทุกอย่างรอบตัวอย่างสมดุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำจัดนิสัยเสีย ๆ จากความสุขที่ส่งผลต่อร่างกาย

7. ระวังจะเป็น Qwerty Tummy โรคที่ตั้งชื่อตามตัวอักษร ชุดแรกบนแป้นคีย์บอร์ด ซึ่งอาจระบาดในที่ทำงานได้ หากว่าแป้นคีย์บอร์ดมีแบคทีเรีย สาเหตุเกิดจากอาหารเป็นพิษ โดยผู้ใช้รับประทานอาหารไปพร้อมกับใช้งานคีย์บอร์ด การศึกษาแสดงว่าคีย์บอร์ด เป็นแหล่งเพาะแบคทีเรียที่น่ากลัวด้วยคนทำงาน 1 ใน 10 ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ด และ 20% ไม่เคยทำความสะอาดเมาส์ ขณะที่ 50%ไม่เคยทำความสะอาดคีย์บอร์ดภายในเวลาหนึ่งเดือนดังนั้นจึงควรทำความสะอาดคีย์บอร์ดเป็นประจำไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ด้วยผ้าเนื้อนุ่มชุบน้ำหมาด ๆ อย่างน้อยเดือนละครั้งเสมอ

8. จัดระเบียบเพื่อระบบสุขภาพที่ดี ด้วยการสำรวจท่านั่งเวลาทำงานของตัวเอง ควรนั่งตัวตรง ห่างจากจอคอมพิวเตอร์ ประมาณ 18-24 นิ้ว เก้าอี้ที่ดีควรจะมีล้อ สามารถปรับพนักพิงได้ และต้องมีที่วางแขน โต๊ะควรจะมีพื้นที่ว่างสำหรับวางเครื่องมืออื่น ๆ ในการทำงาน

และสุดท้ายที่อยากตระหนักกันให้มากคือ อันตรายคลื่นลูกใหม่ที่มาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและหลอดภาพของจอคอมพิวเตอร์ เมื่อเราเปิดเครื่องใช้ก็จะมีรังสีแผ่ออกมา จึงไม่ควรนั่งใกล้จอเกินไป โดยเฉพาะเวลาใช้แล็ปท็อปซึ่งทำให้เราต้อง นั่งใกล้เครื่องมากกว่าพีซี ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้แผ่นป้องกันรังสี หรือเลือกใช้จอคอมพิวเตอร์ที่ไม่แผ่พลังรังสีไฟฟ้าออกมา แม้ราคาจะแพงกว่า แต่ปลอดภัยกว่า หากไม่ใช้เครื่องก็ควรปิด โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในห้องนอน

http://brightlives.th.88db.com/health/monitor.htm

กินทุเรียน…อย่างไรให้สุขภาพดี

ทุเรียน
ทุเรียน

แนะกินทุเรียน เพื่อให้สุขภาพดี ควรกินไม่เกินครั้งละ 2 เม็ด เนื่องจากให้พลังงานสูง แต่คนเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจต้องกินอย่างระวัง และห้ามกินทุเรียนแกล้มเหล้าเพราะทำให้เมาเร็ว และเสี่ยงเสียชีวิต หรือเกิดอาการร้อนใน เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

เนื่องจากทุเรียนได้รับการยอมรับว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ไทย เป็นผลไม้ที่มีความอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ และได้รับความนิยมสูง มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ถ้ากินพอดีและกินให้ถูกจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย

กินทุเรียนเพื่อสุขภาพ โดยกินครั้งละไม่เกิน 2 เม็ดขนาดกลาง น้ำหนักเฉพาะเนื้อประมาณ 100 กรัม จะให้พลังงานสูงถึง 187 กิโลแคลอรี ให้ไขมัน 4.1 กรัม โปรตีน 2.5 กรัม และให้แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามินเอ ประมาณ 18 มก. 36 มก. 1 มก. และ 22 มก.ตามลำดับ

แต่ถ้าหากกินครั้งละ 2-3 พู เท่ากับ 4-6 เม็ด หรือเกือบครึ่งลูก ก็จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากความหวานของทุเรียนมากเกินไปถึงประมาณ 400 กิโลแคลอรี ซึ่งพอๆ กับกินข้าว 5 ทัพพี หรือกินน้ำอัดลมเกือบ 2 กระป๋อง หรือก๋วยเตี๋ยวหมู 1 ชาม

สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ให้ระมัดระวังในการกินทุเรียน กินได้แต่ในปริมาณที่น้อยกว่าคนปกติ นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการกินทุเรียน คือ ต้องไม่กินร่วมกับการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เพราะในทุเรียนมีสารกำมะถันหรือซัลเฟอร์อยู่มาก ซึ่งจะละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ ทำให้แอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ทำให้เมาเร็วและเมาหนักขึ้น ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบหายใจ เสี่ยงเสียชีวิตหรือเกิดอาการร้อนใน เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ส่วนความเชื่อที่ว่า กินทุเรียนแล้วให้กินมังคุดตามเพื่อแก้ร้อนใน ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้จะไม่มีงานวิจัยรองรับ แต่คิดว่าเป็นกุศโลบายของคนรุ่นเก่า ที่คิดว่าทุเรียนเป็นของร้อน แล้วให้กินมังคุดเป็นของเย็นแก้กัน และคงต้องการให้คนกินผลไม้ที่หลายหลากชนิดด้วย

http://www.chiantavee.com/index.php?mo=3&art=195011

วิธีที่ทำให้อายุยืนถึง 100 ปี

ปัจจุบันคนไทยมีอายุเฉลี่ยยืนยาวขึ้น โดยดูตัวเลขจากหน่วยงานของรัฐที่เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ปี พ.ศ.2546  ซึ่งนับว่าเร็วกว่าอีกหลายประเทศในเอเชีย จำนวนผู้สูงอายุไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 10% ของจำนวนประชากรในวัยทำงาน เป็น 23% ในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ไทยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ใน ปี พ.ศ. 2575 แม้ว่าการมีอายุยืนมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ แต่วิถีการดำรงชีวิตก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน   ดังนั้น การจะอยู่ให้ถึง 100 ปี จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากคุณลองทำตามคำแนะนำ 10 วิธีที่ทำให้ตัวเองอายุยืน ดังต่อไปนี้

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

1. กินอาหารทะเล
ประเทศไทยนับว่าโชคดีที่มีอาหารทะเลให้รับประทานตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา อาหารทะเลอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา-3 ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง รวมถึงสุขภาพองค์รวมในทุกๆ วัย

2. ดื่มน้ำเยอะๆ
บางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย น้ำมีประโยชน์ต่อร่างกาย คุณควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรหรือ 8 แก้ว และจะยิ่งดีหากคุณเลือกดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ คาเฟอีน หรือน้ำตาล เพราะน้ำจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีอายุยืนถึง 100 ปีได้อย่างสบายๆ

3. ทำอาหารทานเอง
การทำอาหารรับประทานเอง ทำให้เราเลือกวัตถุดิบที่นำมาปรุงได้ ต้องปราศจากสารกันบูด และไม่มีน้ำตาลหรือเกลือมากเกินควร จะดีไปกว่านั้นหากเป็นพืชผักที่คุณปลูกไว้ทานเอง เพราะเมื่อเก็บมาสดๆ จะอุดมด้วยธาตุอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน คืนความเยาว์วัยให้สมองและร่างกาย

4. ออกกำลังกายอยู่เสมอ
มีงานวิจัยระบุว่า คนที่ออกกำลังกายพื้นฐานเป็นประจำ เช่น เดินสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง จะมีชีวิตยืนยาวกว่าผู้ที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเฉพาะในคนสูงอายุที่ไม่ยอมขยับเขยื้อน หากคุณยังคงกระฉับกระเฉง ควบคุมน้ำหนักให้พอดีกับเพศ อายุ และความสูง ก็จะทำให้อวัยวะต่างๆทำงานได้ดี ไม่ต้องกินยารักษาโรค และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะปัญหาสุขภาพของคนยุคนี้ ส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับวิถีการดำเนินชีวิต การมีสุขภาพดี จะทำให้บุคคลนั้นเกิดความรู้สึกดีไปด้วย และยิ่งรู้สึกดีมากเท่าไหร่ จะทำให้อายุยืนมากขึ้นเท่านั้น

5. โยนความเครียดทิ้งไป
อย่าเก็บความรู้สึกเครียดวิตกกังวลไว้กับตัวเองตลอดเวลา ต้องหาทางระบายออกเสียบ้าง เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้จักจัดการกับความเครียดซึ่งมีผลกระทบต่อ หัวใจ เมื่อเร็วๆ นี้มีงานวิจัยชี้ว่า ผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 50 ปีและผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ที่มีปัญหาเรื่องความวิตกกังวล มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจเพิ่มมากขึ้น

6. ทำสมาธิ
ความเครียดเป็นสิ่งที่สะสมได้ เช่นเดียวกับความสงบในจิตใจ การใช้ชีวิตของคนเรา ก็เหมือนการขับขี่รถยนต์ หากคุณไม่แวะเติมน้ำมันบ้างตลอดเส้นทาง เมื่อน้ำมันในถังหมด รถก็จะวิ่งไม่ได้ ชีวิตก็เช่นกันที่นอกจากจะต้องกินอาหารเพื่อให้มีเรี่ยวแรงแล้ว ยังต้องดูแลจิตใจให้อยู่ในสภาพที่ดีด้วย ลอง หาเวลาสวดมนต์ ทำสมาธิ ฝึกหายใจ หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกสงบและเกิดภาวะสมดุลของร่างกายและจิตใจ คุณจะรู้สึกได้ถึงความเครียดที่เริ่มจางหายไป ความสงบจะเข้ามาแทนที่ ซึ่งเมื่อทำเป็นประจำทุกวัน ไม่เพียงทำให้มีความสุขสงบ หากแต่อายุจะยืนยาวขึ้นด้วย

7. ทำงานที่รักและถนัด
ถ้าเลือกได้ จงทำงานที่รักและมีความถนัด เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้ดูแก่เร็วไปกว่าการต้องทนทำงานที่ไม่ได้ชอบ หรือไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานที่ทำอยู่ เพียงแค่หาหนทางนำจุดแข็งที่มีมาใช้และกำจัดจุดอ่อน แล้วจะเห็นว่า ยิ่งเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์มากเท่านั้น

8. ลองทำสิ่งใหม่ๆ
ความหลากหลายเป็นตัวเพิ่มรสชาติให้ชีวิต และเมื่อคุณให้โอกาสตัวเอง สมองก็สามารถเรียนรู้ไปเรื่อยๆ แม้จะมีอายุ 100 ปีแล้วก็ตาม หาก เปิดรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต จะทำให้สมองตื่นตัว เช่น ปกติถนัดมือขวา ให้ลองเปลี่ยนเป็นใช้มือซ้ายหยิบจับสิ่งของหรือทำภารกิจประจำวันเป็นครั้ง คราว วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นสมองให้เตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพราะเมื่อทำแต่สิ่งเดิมๆ สมองจะเชื่อยชา และหากปล่อยไปเรื่อยๆ ก็ยากที่จะกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง

9. อารมณ์ดีเสมอ
สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้มีชีวิตยืนยาวได้ถึง 100 ปี คือ ต้องตระหนักรู้ว่าสิ่งภายนอกมีผลกระทบต่อจิตใจ อารมณ์ขณะนั้นเป็นตัวสร้างสถานการณ์ คนที่เข้าใจตรรกะนี้จะดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่น ปราศจากความเครียด และไม่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์กดดันภายนอก

10.  คิดบวก
พลังความคิดด้านบวกจะช่วยเยียวยา กระตุ้นให้เกิดพลังกายพลังใจ มีความคิดสร้างสรรค์ ส่งผลให้มีความสุขในชีวิต สิ่งที่เราบอกกับตัวเองและได้ฟังจากคนอื่น ล้วนมีผลต่อการดำเนินชีวิตของเรา ทั้งทางด้านร่างกาย ความคิด และจิตวิญญาณ

เมื่อถามคนทั่วไปที่อายุยืนและสุขภาพร่างกายแข็งแรงว่า อยากมีอายุยืนยาวแค่ไหน พวกเขามักตอบว่า “ตราบเท่าที่ยังมีความสุขใจ”  นี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอยู่กับการมีสุขภาพทางความคิดที่ดี ซึ่งจะทำให้อายุยืนยาวถึง 100 ปีเลยทีเดียว

http://www.toptenthailand.com/449-top.html

ประโยชน์จากการดื่มน้ำเปล่า

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

น้ำเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่บางคนเห็นความสำคัญและประโยชน์จากการดื่มน้ำมากน้อยแตกต่างกันไป และหลายๆ คนชอบทานน้ำอัดลม ชาเขียว น้ำหวาน แทนน้ำเปล่า

วันนี้เราเลยจะนำเสนอประโยชน์จากการดื่มน้ำเปล่ากันค่ะ

1. น้ำเปล่าทำให้ผิวพรรณดี นอกจากการพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวันแล้ว การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวันยังมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณดี เพราะน้ำเปล่าจะช่วยให้มีการไหลเวียนของเลือดในร่างกายได้ดีขึ้น ทำให้หน้าตาดูไม่หมองคล้ำ บ่งบอกว่าเป็นคนสุขภาพดี

2. น้ำเปล่าช่วยลดอาการปวดศรีษะได้ การดื่มน้ำนอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง มีใครทราบมั้ยว่าน้ำช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ด้วยนะครับ หากเราดื่มน้ำเปล่าเฉลี่ยในหนึ่งวันได้ประมาณ 8-14 แก้ว น้ำจะช่วยบรรเทาอาการปวดศรีษะได้ และมีการวิจัยแล้วว่าคนที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้อาการปวดศรีษะรุนแรงยิ่งขึ้น ฉนั้นใครที่ปวดไมเกรนบ่อยๆ ลองหันมาดูว่าตัวเองดื่มน้ำเพียงพอหรือไม่นะครับ

3. น้ำเปล่ามีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร บางท่านยังไม่ทราบว่าในทุกเช้าที่เราตื่นมาจากเตียง สิ่งแรกที่เราควรทำคือการดื่มน้ำเปล่า 1 แก้วเพื่อเป็นการปรับสมดุลน้ำในร่างกาย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการย่อยอาหารที่เราจะทานในมื้อเช้าให้ดียิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นน้ำเปล่ายังช่วยกันหรือลดอาการกรดไหลย้อนได้ด้วยนะครับผม

4. น้ำเปล่าช่วยในการระบบขับถ่าย ระบบขับถ่ายของเราจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากเราดื่มน้ำเพียงพอในแต่ละวัน น้ำสามารถช่วยไม่ให้ท้องผูก หากร่างกายได้รับน้ำน้อย ทำให้ขับถ่ายลำบากและจะทำให้เกิดอาการท้องผูก แต่สามารถช่วยให้หายได้ โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอ ซึ่งหากเราปล่อยให้ท้องผูกแล้วจะมีผลเสียแก่ร่างกายเช่น หน้าตาดูหมองคล้ำเพราะร่างกายนำของเสียกลับไปร่างกายอีกครั้ง ทำให้ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น และอาจทำให้เกิดอาการร้อนในได้อีกด้วยครับ

ระยะเวลาที่ดื่มน้ำ ในวันหนึ่ง (อาจเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยตามความสะดวก)

ดื่มนอนตอนเช้า ดื่มน้ำ 1 แก้ว (แก้วบรรจุ 400 ซี.ซี.)

ตอนสาย ดื่มน้ำ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9.00 – 10.00 น.)

ตอนบ่าย ดื่มน้ำ 3 แก้ว (เวลาประมาณ 13.00 – 14.00 น.)

ตอนเย็น ดื่มน้ำ 3 แก้ว (เวลาประมาณ 19.00 – 20.00 น.)

ใครที่เริ่มอยากจะดูแลสุขภาพตัวเอง เราลองมาเริ่มจากเรื่องใกล้ตัวจากการดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนนะคะ (น้ำเปล่านะค่ะ ไม่ใช่น้ำอัดลม หรือน้ำหวาน) ไม่เพียงเท่านั้นหากเราได้ทานอาหารที่มีประโยชน์สารอาหารครบถ้วน 5 หมู่ในแต่ละวัน แล้วยังออกกำลังอีกด้วย รับรองเลยว่าสุขภาพร่างกายของเราจะดีขึ้นกว่าเก่าแน่นอน เผลอๆ น้ำหนักอาจจะลดลงอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เราดูดีขึ้นอีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องพึ่งอาหารเสริมหรือเสียเงินไปกับบริการฟิตเนสแพงเลย

http://volunteerconnex.com/2012/drinking_water

นิสิตแพทย์หญิง เสียชีวิตหลังกินแตงโม

แตงโม (water melon)
แตงโม (water melon)
นิสิตแพทย์หญิง เสียชีวิตหลังกินแตงโม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2556 09:07 น.
เรื่องแตงโมมีพิษตกค้าง ผมก็ทราบมาหลายสิบปี
แต่หลายปีหลังมานี่ ลืมเลือนไปหลายครั้ง ลืมตอนร้อน ๆ ครับ
ต่อไปต้องคอยเตือนตนเองว่า .. อย่านะ น่ากลัว ๆ
แตงโมเป็นเหตุ
แตงโมเป็นเหตุ
ศูนย์ข่าวศรีราชา – นิสิตแพทย์ ปี 3 ม.บูรพา นอนเสียชีวิตปริศนาภายในหอพักของ ม.บูรพา แม่มาเห็นแทบเป็นลมไม่เชื่อลูกสาวจะเสียชีวิตเพราะเป็นคนแข็งแรง ด้าน ผอ.รพ.ม.บูรพา ยันไม่ใช่เหตุฆาตกรรม แต่ต้องรอผลการผ่าศพพิสูจน์ในวันจันทร์นี้ ขณะที่ตำรวจตั้งประเด็นเสียชีวิต 3 ประเด็น ทั้งหัวใจล้มเหลว สำลักเนื้อแตงโม และอาจเกิดจากการกินสารพิษ ติดค้างในแตงโม
เมื่อเวลา 01.00 น. (20 เม.ย.2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแสนสุข พร้อมหน่วยกู้ชีพ จ.ชลบุรี ได้เข้าตรวจสอบห้องพักเลขที่ 309 ชั้น 3 อาคารหอพักนิสิตแพทย์หญิง ภายในมหาวิทยาลัยบูรพา ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจาก น.ส.ชนากานต์ ศรีบางพลีน้อย หรือน้ำตาล นิสิตแพทย์หญิง ปี 3 ว่า น.ส.วิสุดา ตามระภาพ หรือน้องแอล อายุ 20 ปี นิสิตแพทย์หญิง ปี 3 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องเสียชีวิตสภาพนอนหงายห่มผ้าห่ม อยู่บนเตียงนอน ซึ่งจากการตรวจสอบในห้องไม่พบความผิดปกติ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรืองัดแงะหรือถูกรื้อค้น โดยคาดว่า น.ส.วิสุดา เสียชีวิตมานานกว่า 2 วันแล้ว และที่ปลายเตียงพบเพียงแตงโมผ่าครึ่งมีร่องรอยการใช้ช้อนเฉาะกินเกือบหมด
จากการสอบสวน ทราบว่า ผู้ตายไม่มีเพื่อนชาย และมีเพื่อนร่วมห้องคือ น.ส.ชนากานต์ ศรีบางพลีน้อย หรือน้ำตาล แต่เนื่องจากระหว่างเกิดเหตุ น.ส.ชนากานต์ ได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น และมารดาของผู้ตายไม่สามารถติดต่อผู้ตายได้ จึงขอร้องให้ น.ส.ชนากานต์ เดินทางจากบ้านที่กรุงเทพฯ มาเปิดประตูห้องพักให้ สุดท้ายพบกลายเป็นศพดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของหอพักพบว่า เมื่อเวลา 22.40 น.ของวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ตายได้เดินทางกลับเข้าไปในหอพักเพียงคนเดียว แต่เมื่อเข้าห้องไปแล้วได้เปิดประตูห้องทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที โดยไม่มีใครเข้าออก หรือต้องสงสัยว่าจะเข้าไปก่อเหตุฆาตกรรม
เบื้องต้นแพทย์ชันสูตรว่า เสียชีวิตมากว่า 2 วัน โดยจะนำศพไปที่โรงพยาบาลชลบุรี เพื่อให้แพทย์ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้อีกครั้ง
ด้านนางจินตนา โชคจรรยาภรณ์ อายุ 45 ปี มารดาของผู้ตายซึ่งได้เดินทางมาจากอำเภอสัตหีบ เพื่อเข้าพบนายแพทย์พิสิต พิริยาพรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ม.บูรพา ซึ่งเป็นผู้ดูแลนิสิตแพทย์พร้อมร่วมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดกล่าวว่า ลูกสาวเป็นคนตั้งใจเรียน และไม่เคยเกเร ไม่มีเพื่อนชาย เป็นคนแข็งแรง และชอบกินแตงโม แต่ยังไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวจะเสียชีวิตโดยจะรอผลการผ่าพิสูจน์ต่อไป
ส่วน นายแพทย์พิสิต พิริยาพรรณ กล่าวว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันว่าไม่ใช่การฆาตกรรม เพราะไม่มีใครต้องสงสัยเข้าออก หรือติดตามเข้าไปในห้องผู้ตาย ซึ่งการเสียชีวิตในลักษณะนี้เรียกว่า การเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ และต้องรอผลการผ่าพิสูจน์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นการเสียชีวิตไว้ 3 ประเด็ คือ
1. อาจจะเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
2. สำลักเนื้อเม็ดแตงโม
3. อาจเกิดจากการกินสารพิษที่ติดค้างอยู่ในแตงโม

ซึ่งจะต้องรอผลการผ่าพิสูจน์จากโรพยาบาลชลบุรีในวันจันทร์อีกครั้ง

นิสัยดีๆ ที่คู่รักควรทำ

อย่ารอจนถึงโอกาสพิเศษถึงจะแสดงออกซึ่งความรักของคุณแต่บำรุงเลี้ยงชีวิตรักของคุณอย่างสม่ำเสมอในทุกวันด้วยวิธีการต่อไปนี้

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

บอก “รัก” กันอย่างน้อยวันละครั้ง : คู่รักของคุณต้องการได้ยินคำนี้
อย่าหงุดหงิดไปกับเรื่องเล็กๆ : คุณจะปล่อยให้นิสัยไม่ดีของเขารบกวนคุณให้วอกแวก หรือจะยอมรับมันและหาทางเลี่ยงมันซะล่ะ ถ้าเขาชอบเปิดฝาหลอดยาสีฟันทิ้งไว้ ก็ซื้อแยกกันคนละหลอด เขาชอบทิ้งเสื้อผ้าเกลื่อนเหรอ เก็บมันซะ หรือไม่ก็ไม่ใส่ใจมัน

หายใจลึกๆ เวลาโกรธ : อย่าพยายามพูดกันเวลาที่อารมณ์ไม่ดี หลบกันไปสักพักเพื่อจะได้ตั้งสติ คุณจะได้พูดคุยกันได้ว่าอะไรรบกวนจิตใจคุณ แทนการชี้หน้าด่าว่ากันที่จะเสียใจในภายหลัง

อย่าใช้จุดอ่อนของเขาหรือเธอโจมตีกัน…เด็ดขาด : สิ่งที่อาจดูไม่สลักสำคัญ จิ๊บจ๊อย หรือน่ารักในสายตาคุณอาจเป็นเรื่องซีเรียสสำหรับเขา รับรู้ว่าอะไรสำคัญสำหรับเขา และอย่าเอาไปพูดกับเพื่อน พ่อแม่ หรือใครเด็ดขาด และอย่าได้เอามันมาโจมตีเขาในภายหลังด้วย
นับถือคู่ของคุณ : อย่าพูดถึงเขาในทางไม่ดี เมื่อพูดถึงเขา ให้ความรักและนับถือเปล่งประกายออกมา

หาหนทางที่จะใช้เวลาด้วยกันทุกวัน : กินอาหารเย็นด้วยกัน ดื่มกันตอนค่ำ เดินเล่นกัน ประเด็นก็คือใช้เวลาด้วยกันทุกวัน พูดคุยหรือแม้แต่อยู่ด้วยกันเงียบๆ มันจะยิ่งสร้างความใกล้ชิดสนิทแน่นระหว่างกัน

http://www.lisaguru.com/sexlovemoney/sex-v12no31-01