แค่หน้า 177 “เขี่ยเท้าเล่น” ก็รู้สึกคุ้มกับหนังสือเล่มนี้แล้ว

จอห์น สคัลลีย์
จอห์น สคัลลีย์

9 ก.พ.55 อ่านหนังสือหน้า 177 steve jobs by walter isaacson ทำให้อาการเจ็บคอเจียนตายของผมทุเราลงในฉับพลัน จนคิดว่าน่าจะไปทำงานได้ (อาจเป็นเพราะร่างกายรักษาตนเอง หรือยาแก้ปวดสองเม็ดเมื่อคืนช่วยไว้) .. อ่านหน้านี้ในบทที่ 14 เรื่องจอห์น สคัลลีย์ (John Sculley อดีต CEO Pepsi) ทำให้ผมรู้สึกว่า แค่หน้านี้หน้าเดียวก็คุ้มแล้วที่จะซื้อหนังสือเล่มนี้ อ่านไปได้เพียงค่อนหน้าก็ทำให้ผมน้ำตาเล็ด อาจเป็น เพราะขำขำในใจ หรือผลข้างเคียงจากการเจ็บคอที่ตกค้างมาจากกลางคืน

เนื้อหาเป็นเรื่องการเข้าทำงานวันแรกของประธานกรรมการบริหาร แล้วพบความอลหม่านในการประชุม มีคนเคยบอกสคัลลีย์ว่า “ทายสิว่า Apple กับลูกเสือต่างกันตรงไหน คำตอบคือ ลูกเสือมีผู้ใหญ่คอยควบคุม” ผมไปจบการอ่านวันนี้ในประโยคที่สคัลย์บอกว่า “คำสั่งที่สับสน การไม่ตัดสินใจ และภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในวันนั้น เป็นลางบอกเหตุว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา

แล้วถ้าท่านผู้อ่านเป็นประธานการประชุม พบผู้ร่วมประชุมนั่งอยู่ที่พื้นหน้าห้องประชุมใจลอยเอามือเขี่ยเท้าเล่น .. ท่านจะทำอย่างไร (ลองไปนั่งในใจของสคัลลีย์แล้ว สุดบรรยายจริง ๆ)

คิดต่อว่า ถ้าเป็นคุณครูสอนภาษาไทย ระหว่างสอนนักเรียนป.1 นั่งเล่นเกมผ่าน tablet pc หรือ เจ้าของบริษัทกำลังแถลงนโยบาย แล้วพนักงานก็นั่ง ปลูกผัก .. ผมว่าบรรยากาศเหมือนการประชุมครั้งแรกใน apple ที่สคัลลีย์เป็นประธานเลย .. ผมว่าการศึกษาไม่ได้พัฒนาจิตใจของมนุษย์ไปสักเท่าไรเลย

http://kokoyadi.com/2012/01/06/stevejobsthaiedition/

กรณี Lisa กับ Mac ใน Apple

lisa computer
lisa computer

8 ก.พ.55 อ่านหนังสือ Steve Jobs by Walter Isaacson ที่แปลโดยคุณณงลักษณ์ จารุวัฒน์ บทที่ 13 พบประเด็นเชื่อมโยงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 รุ่น ที่เปิดตัวในมกราคม ค.ศ.1983 และมกราคม ค.ศ.1984 ถูกผลิตโดยบริษัท Apple เป็นบทเรียนที่น่าสนใจ ทำให้ได้เราเรียนรู้ถึงวิธีคิดของมนุษย์ท่ามกลางการแข่งขันในอีกชุมชนหนึ่ง จากการฟังคุณสุทธิชัย หยุ่น ที่พูดคุยเกี่ยวกับสตีฟ จ็อบส์หลายครั้ง ทำให้ทราบว่าหนังสือเล่มนี้มิได้นำเสนอเฉพาะด้านบวก แต่ตีแผ่ชีวิตครบรสของมนุษย์ที่หาอ่านได้ยาก มีทั้งพฤติกรรมที่น่าชื่นชม และน่ารังเกียจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ผ่านการสัมภาษณ์ของผู้คนรอบกายสตีฟหลายสิบคนที่มีทั้งรักและไม่รักเขา

โครงการ Lisa (Local Integrated Systems Architecture) เคยเป็นของสตีฟ แต่เขาถูกถอดจากโครงการนี้ แล้วไปทำโครงการ Macintosh ที่เคยเป็นโปรเจ็กต์ง่อนแง่น การแข่งขันชิงเด่นระหว่างโครงการต่าง ๆ ในบริษัทเดียวกันสามารถพบได้ในบริษัทขนาดใหญ่ทั่วไป เพราะธรรมชาติของมนุษย์ย่อมต้องการเอาชนะ เหยียบคนอื่นขึ้นไปให้สูงขึ้น สตีฟเองก็เป็นเพียงปุถุชนธรรมดาคนหนึ่ง ผลการแข่งขันของ 2 โครงการ สรุปได้ว่าโครงการ Lisa ล้มเหลว แต่ต่อมาเป็นความสำเร็จของเครื่อง Mac ที่สตีฟดูแลอยู่ ที่มาของชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ Lisa นั้นถูกตั้งขึ้นตามชื่อลูกสาวที่สตีฟเคยปฏิเสธการเป็นพ่อ ถึงขั้นขึ้นศาลพิสูจน์ดีเอ็นเอมาแล้ว

เหตุผลหนึ่งที่น่าเชื่อว่าเครื่อง Lisa ต้องหยุดการผลิตหลังเปิดตัวได้ 2 ปี เพราะสตีฟในฐานะ CEO ของบริษัทให้สัมภาษณ์กับนิตยสารหลายฉบับในการเปิดตัวเครื่อง Lisa และผลจากการให้สัมภาษณ์ นิตยสาร Fortune ตีพิมพ์ว่า “ปลายปีนี้ Apple จะวางตลาดคอมพิวเตอร์อีกรุ่นหนึ่งที่มีสมรรถนะน้อยกว่า ราคาถูกกว่า Lisa ชื่อ Macintosh จ็อบส์เป็นผู้ควบคุมโปรเจ็กต์เองทั้งหมด” จากข้อความทำนองนี้ในนิตยสารหลายฉบับ ทำให้เชื่อได้ว่าผู้มีกำลังซื้อส่วนหนึ่งตัดสินในชะลอการซื้อคอมพิวเตอร์ออกไป  แล้วรอการมาของเครื่อง Mac ทำให้เชื่อว่าการที่ Lisa สูญเสียลูกค้าและหยุดการผลิตในเวลาเพียง 2 ปีนั้น กลับส่งผลดีต่อเครื่อง Mac จนกลายเป็นความสำเร็จก้าวใหญ่ของเทคโนโลยีที่น้อยคนจะไม่รู้จักเครื่อง Macintosh ของบริษัท Apple

สวมหมวกกันคนละใบ คิดต่าง ย่อมธรรมดา

law
law

ตาชั่งนี้ ของ อ.กิ .. ทำให้นึกถึง
ความสัมพันธ์ของ สตีฟ จ็อบส์ กับ แดเนียล ค็อตเค หน้า 117
ในหนังสือ สตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน

หรือที่ อ.ส เคยสอนไว้ว่า
คุณนั่งตรงนู้น ก็ต้องพูดอย่างนู้น .. ผมนั่งตรงนี้ ก็ต้องพูดอย่างนี้
ก็เพราะเราสวมหมวกที่แตกต่างกัน ฐานคิดจึงแตกต่างกัน


หรือเหตุการณ์หลังมหาอุทกภัย
คนเหนือเขื่อน กับคนใต้เขื่อน
ปล่อยน้ำมาก คนเหนือเขื่อนก็เดือนร้อน
แต่คนใต้เขื่อนต้องใช้นำเพื่อเพาะปลูก

พอดีเห็นน้ำในแม่น้ำวังกำลังเอ่อ
ก็คิดว่า ถ้าน้ำมาปลาก็คงกินมดไปหมดแน่
ถ้าน้ำลด มดก็คงกินปลา เป็นธรรมชาติแล

น่าแปลกครับ ที่ มนุษย์รู้จักใช้อดีต ให้เป็นประโยชน์
แต่ยิ่งแปลกไปกว่า ถ้ามนุษย์ไม่รู้จักใช้อดีต ให้เป็นประโยชน์

มีจริงหรือ .. กับมนุษย์อย่างสตีฟ

reality distortion field
reality distortion field

สนามความจริงที่ถูกบิดเบือน (reality distortion field)
คือ การสร้างพื้นที่ที่ไม่มีจริงบนความ เชื่อว่าเป็นจริง

… พบในบทที่ 11 หนังสือสตีฟ จ็อบส์ โดยวอลเตอร์ ไอแซคสัน
เพราะสตีฟพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน
โดยเขาคิดบนฐานความไม่เป็นจริง อาศัยความเชื่อของตนเองเป็นใหญ่
จนทำให้คนอื่นคล้อยตาม
คำนี้พบในละครทีวีเรื่อง Star Trek
ข้อดีของความคิดแบบนี้ ทำให้เกิดนวัตกรรมโดดเด่นที่โลกต้องชื่นชม

ทำให้ผมนึกคำว่า
ถ้าจะหลอกศัตรู ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันให้ได้ก่อน โดยเฉพาะตนเอง
หรือ
ตอบไม่ตรงคำถาม เพราะน้ำเต็มแก้ว จึงไม่สามารถรับเพิ่ม
http://elemris.com/reality-distortion-field-for-android/

มีจริงหรือ .. กับมนุษย์แบบนี้

สนามความจริงที่ถูกบิดเบือน (reality distortion field)
คือ การสร้างพื้นที่ที่ไม่มีจริงบนความ เชื่อว่าเป็นจริง

พบในบทที่ 11 หนังสือสตีฟ จ็อบส์ เพราะสตีฟพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน
โดยเขาคิดบนฐานความไม่เป็นจริง อาศัยความเชื่อของตนเองเป็นใหญ่
แล้วทำให้คนอื่นคล้อยตาม
คำนี้พบในละครทีวีเรื่อง Star Trek
ข้อดีของความคิดแบบนี้ ทำให้เกิดนวัตกรรมโดดเด่นที่โลกต้องชื่นชม

ทำให้ผมนึกคำว่า
“ถ้าจะหลอกศัตรู ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันให้ได้ก่อน โดยเฉพาะตนเอง”
หรือที่เขาพูดว่า
“ตอบไม่ตรงคำถาม เพราะมีอะไรในใจแล้ว จึงไม่สนใจสิ่งที่เข้ามา”
หรือ
“การคิดว่าตนถูก บนสถานการณ์ที่คิดว่าใช่ โดยไม่ฟังความจริงที่เกิดขึ้น”

ความคิดเรื่องญาณหยั่งรู้ของสตีฟ จ็อบส์

จากหนังสือ steve jobs by walter isaacson
บทที่ 4 หน้า 54 “Atari และ อินเดีย”
“วิธีคิดแบบใช้เหตุผล ไม่ใช่สิ่งที่มีติดตัวมากับมนุษย์ มันเกิดจากการเรียนรู้ และเป็นความสำคัญอันยิ่งใหญ่ของอารยธรรมตะวันตก คนในหมู่บ้านชนบทอันห่างไกลในอินเดีย ไม่มีใครเรียนเรื่องแบบนี้ เขาเรียนเรื่องอื่น ซึ่งบางทีก็มีค่ามาก แต่บางทีก็ไม่มีประโยชน์เลย นั่นคือพลังแห่งสัญชาตญาณและปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติ”

“The people in the Indian countryside (ชนบท) don’t use their intellect (ปัญญา) like we do, they use their intuition (ญาณหยั่งรู้) instead, and their intuition is far more developed than in the rest of the world. Intuition is a very powerful thing, more powerful than intellect, in my opinion. That’s had a big impact on my work.”

จากประโยคข้างต้น
ผมว่า สตีฟ จ็อบส์ เห็นการพัฒนาญาณหยั่งรู้ของคนตะวันออก มากกว่าแค่ปัญญา หรือการใช้เหตุผลอย่างที่คนตะวันตกใช้

intuition
intuition

http://articles.economictimes.indiatimes.com/2011-10-25/news/30320340_1_delhi-belly-intuition-indian-villages

เสื้อคอเต่า ของสตีฟ จ็อบส์

เสื้อคอเต่า
เสื้อคอเต่า

ง่าย ๆ สบาย ๆ สวมยีน และเสื้อคอเต่าแบบ steve jobs

การแต่งตัวของสตีฟ จ็อบส์ มีความเป็นเอกลักษณ์ (สังเกตเสื้อตัวนี้ จากการฟังบรรยายของ คุณสุทธิชัย หยุ่น) โดยเสื้อที่สวมเป็นเสื้อยืดสีดำแขนยาว คอเต่า และกางเกงยีนสีน้ำเงิน ในงานเปิดตัวสินค้าก็จะแต่งตัวแบบนี้ ดังที่พบได้จากคลิ๊ปเปิดตัว iPod ในปี 2001 (2544)

คุณสุทธิชัย หยุ่น บรรยายเรื่อง Steve Jobs


1 ก.พ.55 มีโอกาสฟัง คุณสุทธิชัย หยุ่น และ คุณณงลักษณ์ จารุวัฒน์ บรรยายเรื่อง Steve Jobs สุดยอดนักนวัตกรรม โดยเปิดคลิ๊ปที่เกี่ยวข้องให้ดูหลายเรื่อง สำหรับประเด็นสำคัญ ที่น่าสนใจทั้งด้านการบริหาร และการเป็นนักนิเทศศาสตร์ มีดังนี้
1. think different
2. ให้ความสำคัญกับรายละเอียด
3. ให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมงาน (แต่ปากร้าย)
4. connecting the dots
5. simplicity
6. walter isaacson
7. 1984 Apple’s Macintosh
8. การคัดตัวอักษร (calligraphy)
9. speech at stanford university
.. etcetera

การใช้จิตของ Steve Jobs

steve jobs by walter isaacson
steve jobs by walter isaacson

จากหนังสือภาษาไทย  Steve Jobs by Walter Isaacson
ทั้งหมด 668 หน้าใน 41 บท สำหรับผมจำแนกได้ 3 ส่วนหลัก คือ ตัวเขา ครอบครัว และงาน ซึ่งเชื่อได้ว่าผู้อ่านส่วนใหญ่สนใจในความเป็นนักนวัตกรรมของเขา อันเป็นผลงานที่โดดเด่นมากมาย แต่หนังสือเล่มนี้สื่อเรื่องตัวเขาได้อย่างละเอียดเหลือเชื่อ โดยเฉพาะเรื่องการต่อสู้กับมะเร็ง ในฐานะผู้ป่วย

หน้า 555 ตอนมะเร็งกลับมา
จากที่แคธรีน สมิธ เล่า ผมว่าจ็อบเป็นคนที่เข้าใจธรรมมะ เพราะเขาศึกษา ศาสนาพุทธนิกายเซน ค่อนข้างลึก ซึ่งการลดความเจ็บปวดด้วยจิตที่เขาทำ น่าสนใจ  เขาก็ใช้จิตคุมจิต แก้ปัญหาแบบไม่ใช้ยาในบางเวลา

แคธรีน สมิธ เล่าว่า
สตีฟบอกว่า เวลาที่เขารู้สึกแย่มาก ๆ
เขาจะทำสมาธิกำหนดจิตไปที่ความเจ็บปวด
เข้าไปให้ถึงมัน ซึ่งดูเหมือนะทำให้เขารู้สึกค่อยยังชั่วขึ้น

Kathryn Smith เล่าว่า
He told me that when he feels really bad,
he just concentrates on the pain, goes into the pain,
and that seems to dissipate it

ชีวิตของ steve jobs น่าสนใจ
เขา คือ นักนวัตกรรม ที่มีชีวิตหลายมุมให้เรียนรู้
ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งถึง 8 ปี และเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 56 ปีเท่านั้น

Steve Jobs- Walter Isaacson

steve jobs
steve jobs

29 ม.ค.55 ทดสอบค้นหาอีบุ๊คของ Steve Jobs รุ่น english
ดูว่าเข้าข่ายลิขสิทธิ์หนังสือของ Walter Isaacson บ้างไหม
ค้นเจอใน bit ใน rapidshare ลอง download ก็ไม่ได้
แต่ไปพบใน scribd.com เมื่อทดสอบ download พบว่าได้ครับ .. ไม่น่าเชื่อ
มีหลายภาษาโดยหลายคน  สำหรับภาษาอังกฤษโดย Amber Chen
http://www.scribd.com/amber_chen_17

http://www.oknation.net/blog/SteveJobsBookClub

ปล.ไม่พบใน edocr.com หรือ slideshare.net หรือ authorstream.com หรือ docstoc.com