แทนคำขอบคุณ

“แทนคำขอบคุณ”

ต้องขอบคุณท่านผู้บริหารหลายสิบบริษัท
ที่มาร่วมในโครงการสหกิจศึกษากับมหาวิทยาลัยเนชั่น
ที่จะเปิดโอกาสอันมโหฬารให้กับนักศึกษา
และต้องการที่จะทำกิจกรรมสหกิจศึกษา
กับบริษัทดัง ๆ ระดับต้น ๆ ของประเทศ
วันนี้ผมมีข้อเสนอพิเศษสำหรับบริษัท
ที่มาร่วมโครงการสหกิจศึกษากับมหาวิทยาลัยเนชั่น
นั่นก็คือว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานท่าน พนักงานท่าน ผู้ที่สนใจทั้งหลาย
ที่ท่านเห็นว่าจะได้ประโยชน์ จากการมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเนชั่น
ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรบริหารธุรกิจ บัญชี นิเทศศาสตร์
เทคโนโลยีสารสนเทศ ท่องเที่ยว หรือหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์
มาที่มหาวิทยาลัยเนชั่นครับ
และเนื่องจากท่านมาร่วมกิจกรรมกับเรา ได้ประโยชน์อย่างยิ่ง
ผมขอเสนอลดค่าเล่าเรียน 20% ให้กับทุกท่าน
ที่ผ่านการแนะนำของท่านผู้บริหาร
บริษัทต่าง ๆ เหล่านี้ครับ
มาสมัครเรียนกับ มหาวิทยาลัยเนชั่น ที่กรุงเทพก็ได้ ที่ลำปางก็ได้
สมัครที่ไหน เรียนที่ไหน ได้ทั้งนั้นครับ
หวังว่านี่จะเป็นข้อเสนอที่กระตุ้นให้ท่านสามารถที่จะ
ไปบอกกล่าวกับพนักงาน ญาติพี่น้อง ลูกหลาน
มาเรียนมหาวิทยาลัยเนชั่น ที่สอนโดยมืออาชีพ จบอย่างมืออาชีพครับ
ขอบคุณมากครับ

มหาวิทยาลัยเนชั่นร่วมกับ 36 บริษัท ส่งนศ.ฝึกงาน ตั้งแต่ชั้นปีที่หนึ่ง

MOU for practicum at Nation University
MOU for practicum at Nation University
มหาวิทยาลัยเนชั่น ลงนาม 36 บริษัทเอกชน จัดสหกิจศึกษา ส่งนศ.ไปฝึกงานตั้งแต่ปี 1 – 4 พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญร่วมสอน ส่งวิทยากรมืออาชีพ ม.เนชั่น จัดอบรมถึงที่ หวังแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกัน ผลิตบุคลากรคุณภาพสู่ตลาดงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 55  ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 27 อาคารเนชั่นทาวเวอร์ บางนา กม.4.5 มหาวิทยาลัยเนชั่น จับมือ บริษัทเอกชนไทย 36 แห่ง ลงนามความร่วมมือสหกิจศึกษา ในโครงการ “ความร่วมมือการบูรณาการการเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติงานและสหกิจระหว่างมหาวิทยาลัยกับสถานประกอบการ” โดยมีนายสุทธิชัย  หยุ่น  ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป นางสาวดวงกมล  โชตะนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป  นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น ผศ.ดร.พงษ์อินทร์   รักอริยะธรรม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเนชั่น ดำเนินรายการโดย นายอุดม ไพรเกษตร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเนชั่น ร่วมแถลงข่าวกับตัวแทนสถานประกอบการกว่า 30 แห่งในโครงการ
นายสุทธิชัย เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถานศึกษากับภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญสาขาเฉพาะด้าน ตรงวัตุประสงค์ในการผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพส่งออกสู่ตลาดงาน โดยภาพที่จะเกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงเป็นมติใหม่ของการฝึกปฏิบัติงาน จากเดิมมหาวิทยาลัยจะส่งนักศึกษาไปฝึกปฏิบัติงานประมาณ 3-4 เดือนในช่วงที่ศึกษาอยู่ชั้นปี 3 หรือปี 4 แต่มหาวิทยาลัยจะทำรูปแบบใหม่ โดยการส่งนักศึกษาไปฝึกปฏิบัติงานตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นปี 1 ในช่วงปิดภาคเรียนจนกระทั้งถึงชั้นปี 4 เพราะเชื่อว่าการได้ลงมือปฏิบัติจริงในระยะเวลาที่นานพอสมควรจะช่วยเพิ่มคุณภาพตัวนักศึกษาเอง นอกจากนี้ ยังถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างบริษัทสหกิจ และมีความใกล้ชิดอีกด้วย
“ผมมองว่าการที่ส่งเด็กไปฝึกงาน 3-4 เดือนช่วงก่อนจบไม่สามารถทำให้เด็กเก่งหรือได้คุณภาพตามที่บริษัทต้องการ ดังนั้นเชื่อว่าการทำโครงการนี้ขึ้นจะช่วยให้พัฒนาศักยภาพเด็กอย่างเต็มที่ แทนที่จะไปฝึกแค่ 3-4 เดือน ม.เนชั่นให้ไปตั้งแต่ปี 1 เลย อย่างน้อยเด็กต้องได้เรียนรู้ประสบการณ์จากที่ฝึกงานมากมาย ถามว่าฝึกเสร็จแล้วบริษัทจะรับเข้าทำงานหรือไม่ เป็นอีกเรื่องนึง แต่การจะให้นักศึกษามีคุณภาพตรงตามความต้องการของบริษัทที่รับเข้าทำงาน บริษัทจะต้องมีบทบาทในการกำหนดการเรียนการสอนช่วยกันกับทางมหาวิทยาลัย ท่านต้องฉีดยาให้กับมหาวิทยาลัยด้วย” ประธานกรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป กล่าว
นางสาวดวงกมล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเนชั่นตระหนักว่า ต้องเรียนรู้กับผู้ที่มีฝีมือ มีความสามารถ มีประสบการณ์ตรงจากสาขานั้นๆจริง เพื่อคุณภาพของนักศึกษา โดยระหว่างช่วงที่ศึกษาอยู่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยอาจต้องรบกวนเชิญวิทยากรที่มีประสบการณ์เข้ามาสอน ก่อนออกสนามจริง ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องออกนอกสถานที่ก็ต่อเมื่อถึงเวลาฝึกปฏิบัติงานเท่านั้น และเชื่อว่าการได้เรียนรู้และเรียนกับผู้มีฝีมือจริงๆ จะเป็นการเพิ่มคุณภาพการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งในการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพสู่ตลาดงานต่อไป
ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ กล่าวว่า บทบาทการป้อนบุคลากรเข้าสู่ตลาดงาน ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันจะพบปัญหาที่ว่าจบแล้วทำงานไม่เป็น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนเมื่อรับเข้าทำงานแล้ว ต้องฝึกงานให้ใหม่เกือบทั้งหมด ยิ่งกระแสเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น กระบวนการจัดการเรียนการสอนในขั้นตอนการฝึกงานจำเป็นต้องมีฝึกปฏิบัติงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และเพื่แเป็นกาสนองต่อนโยบายการศึกษา มหาวิทยาลัยเนชั่นจึงให้ความสำคัญต่อการฝึกปฏิบัติงาน และให้เห็นผลสัมฤทธิ์มากที่สุด เช่น ประเทศฝั่งยุโรปมี เคเอฟซียูนิเวอร์ซิตี้ ประเทศไทยก็มีวิทยาลัยดุสิตธานีของโรงแรมดุสิตธานี ซึ่งอยากให้เกิดภาพแบบนี้เกิดขึ้นต่อจากนี้ไป
ผศ.ดร.พงษ์อินทร์ กล่าวต่อว่า อยากให้เกิดการแลกเปลี่ยนมากขึ้น โดยมีการแลกเปลี่ยนกับบริษัทสหกิจที่ร่วมลงนามคือ มหาวิทยาลัยเนชั่นยินดีจะจัดบริการวิชาการให้กับบริษัท โดยดำเนินการจัดการส่งคณาจารย์ เพื่อเป็นวิทยากรฝึกอบรม ให้แก่สถานประกอบการ 6 ชั่วโมง สนับสนุนให้คณาจารย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่สถานประกอบการ อาทิ การวิจัย การให้คำปรึกษาทางวิชาการ ลดค่าธรรมเนียมร้อยละ 20 ในหลักสูตรปริญญาตรีและโท รวมถึงหลักสูตรประกาศนียบัตรหรือหลักสูตรระยะสั้นที่ทางมหาวิทยาลักำหนดจัดขึ้น และนอกจากนี้ ในอนาคตข้างหน้ามหาวิทยาลัยจะพยายามให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศ
นายธาดา เศวตศิลา ผู้อำนวยการกลุ่มด้านลูกค้าสถาบันการศึกษา บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะการได้เรียนรู้กับมืออาชีพบริษัทที่มีฝีมือ ย่อมได้ทักษะที่มีคุณภาพอยู่แล้ว ซึ่งใครก็สามารถทำได้ แต่ตนฝากถึงนายสุทธิชัย ในเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม ความถูกต้อง ความชอบทำ ซึ่งมีส่วนสำคัญในชีวิตการทำงาน ส่วนการรับนักศึกษาเข้าฝึกปฏิบัติงาน ทางบมจ.ทรู ได้ทำเป็นนโยบายอยู่แล้ว แต่จะพิเศษตรงที่ว่านักศึกษาจะมาฝึกปฏิบัติตั้งแต่อยู่ชั้นปี 1 และมีความเป็นสหกิจ
36 บริษัทสหกิจ ประกอบด้วย บริษัท เอ็นโซโก้ จำกัด, บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท อเด็คโก้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ทีม กรุ๊ป ออฟ คัมปานีส์ จำกัด, บริษัท เทคโทนิศส์ ดีซายน์ คอนซัลแตนท์ จำกัด, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรูมูฟ จำกัด, บริษัท เวสเทริ์นดิจิตอล (ประเทศไทย) จำกัด ,บริษัท ไอโทรามา คอนซัลติ้ง จำกัด, บริษัท ไอบีเอ็ม (ประทศไทย) จำกัด, บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด, บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต, บริษัท ป.ต.ท. จำกัด (มหาชน), บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท พรีเมียร์โพรดักส์ จำกัด, บริษัท พรีเมียร์โพรดักส์ จำกัด, บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จํากัด, บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน),  บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท มุ่งพัฒนาอินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), บริษัท ศารายา เอ็มเอฟจี (ไทยแลนด์) จำกัด พรีเมียร์ กรุ๊ป, บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท จีเอฟ เอ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท ซินโนวา ฟู้ดส์ จำกัด, บริษัท มาลี สามพราน จำกัด (มหาชน), บริษัท แม่ประยูร อาหาร จำกัด, บริษัท สรุพล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท โอลีน จำกัด,  บริษัท สีฟ้าลุมพินี จำกัด, บริษัท แสงชัย กรุ๊ป จำกัด, บริษัท ดาน่า สไปเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ยูนิค อุตสาหกรรมพลาสติก จำกัด, บริษัท ฮูทามากิ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ทีชเทค จำกัด, บริษัท GlaxoSmithkline (Thailand) Limited
———-

สร้างแบรนด์ผ่านการแชร์ภาพ

kfc egg tart
kfc egg tart

คุณฮัน share บทความเรื่อง “เคล็บลับการสร้างแบรนด์ผ่านการแชร์ภาพถ่ายสินค้า

ที่คุณ charathBank สรุปไว้ 5 ประเด็น
1. เริ่มเปิดการสนทนาด้วยการแชร์รูป
(Open up to a dialogue of sharing)
– ภาพสินค้าที่ถูกแชร์ขึ้นไปนั้นโดยเจ้าของแบรนด์หรือผู้ดูแลจะถูกจินตนาการและตีความหมายโดยผู้ที่ได้เห็นเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นแล้วการเลือกรูปเพื่อที่จะสื่อสารกับลูกค้าที่ติดตามและสนใจเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งจะต้องทำให้ครอบคลุมกับสิ่งที่เราต้องการสื่อให้ลูกค้าได้เหมือนกับที่เราต้องการ รวมทั้งสร้างความอยากให้ลูกค้าซื้อสินค้าจากรูปที่เราแชร์
2. สร้างบทสนทนาขึ้นมาจากภาพที่ลูกค้าเป็นคนมาโพสต์ภาพไว้
(Let that dialogue spark conversations)
– นอกจากการโพสต์รูปจากทางเจ้าของแบรนด์แล้ว ลูกค้าก็สามารถมาโพสต์รูปส่งมาหาเราได้เช่นกัน เช่นทาง Facebok Page หรือ Twitter ดังนั้นแล้วผู้ดูแลแบรนด์จะต้องพยายามสร้างการสนทนากับลูกค้ที่โพสต์รูปขึ้นมา เพราะนอกจากลูกค้าเองที่จะแฮปปี้แล้ว ยังมีลูกค้าคนอื่นๆ ที่ติดตามหน้าเว็บที่จะคอยดูและติดตามการสนทนาอีกด้วย ซึ่งจะมีผลกระทบโดยอ้อมกับคนที่อ่าน
3. อย่าจงใจขายสินค้าโดยตรง
(Stop trying to sell something)
– เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าทุกวันนี้กลุ่มลูกค้าผู้บริโภคฉลาดที่จะเลือกซื้อสินค้ามากขึ้นและรู้ทางเจ้าของแบรนด์มากขึ้นว่าจะทำอะไร 1 ในสิ่งที่รับรู้ได้โดยง่ายในปัจจุบันนั่นคือการยัดเยียดขายสินค้าโดยตรง ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าอึดอัดโดยตรงและจะทำให้เราเสียลูกค้าไปแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นแล้วการทำ 2 ขั้นตอนแรกเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และสินค้าได้โดยอ้อมซึ่งจะมีผลในระยะยาวในการมัดใจลูกค้านั่นเอง
4. เปิดใจให้ลูกค้าแชร์ข้อมูล
(Validate consumers to boost their ego)
– ทุกวันนี้เรามักจะเห็นการแชร์ข้อมูลผ่านออนไลน์เพื่อบรรยายการใช้งานให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้ รวมไปถึงสอบถามว่าใช่หรือไม่ในสิ่งที่เขาสงสัย ดังนั้น สิ่งที่เราจะทำได้นั่นคือการแชร์รูปนั้นซ้ำ เพื่อเป็นการกระตุ้นและให้ได้รับรู้ว่าเราไม่ได้นิ่งเฉยต่อการส่งข้อมูลมา และอย่าลืมที่จะตอบข้อสงสัยของลูกค้านั้นด้วยนะครับ
5. ช่วย 1 คนเหมือนได้ช่วยหลายคน
(Help people help each other)
– อีก 1 ในเหตุผลในการแชร์รูปบนโซเชียลเน็ตเวิร์คนั่นคือ การขอความช่วยเหลือ ดังนั้น เพื่อเพิ่มมูลค่าของข้อมูลที่เอามาแชร์ จงกระตุ้นให้ลูกค้าของคุณทำการแชร์รูปกับผลิตภัณฑ์ของเรา ตัวอย่างเช่น หากขายเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ เจ้าของแบรนด์อาจมีการขอให้ลูกค้าที่ได้ซื้อสินค้าไปแล้วทำการแชร์รูปสินค้าที่ถูกสวมใส่หรือใช้งานจริง เพื่อให้คนอื่นได้เห็นและเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากนั้นเรายังสามารถที่จะแนะนำแนวทางการเพิ่มเติมได้ ในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์จากทางเราทั้งหมด (แต่อย่าลืมข้อ 3 ด้วยนะครับ)
จะเห็นได้ว่า ภาพถ่ายมีส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าและแบรนด์ สามารถสร้างสังคม (Community) ของคนที่ชอบสินค้าเดียวกัน และสร้างให้ผู้ใช้ผลิตภัณฆ์มีความจงรักภักดี (Loyalty) กับแบรนด์ที่เราดูแลได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่จะทำให้แบรนด์อยู่ในใจกับลูกค้าไปได้ตลอดนั้น ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้นๆ ว่าจะมีความสม่ำเสมอในการเข้าไปดูแลจัดการ รวมทั้งสร้างความแปลกใหม่ให้ลูกค้าได้เห็น เพื่อที่จะให้ลูกค้ายังคงใช้งานกับเราไปอีกนานๆ แถมเพิ่มลูกค้าหน้าใหม่ๆ ได้อีกด้วย
บทความจาก

ลิงในห้องแคบ ลิงต่อโต๊ะ หรือ วัฒนธรรมของกลุ่มลิง

ลิงในห้องแคบ ลิงต่อโต๊ะ หรือ วัฒนธรรมของกลุ่มลิง
ลิงในห้องแคบ ลิงต่อโต๊ะ หรือ วัฒนธรรมของกลุ่มลิง

ในการทดลองครั้งหนึ่ง .. ผู้ทดลองเลิง 5 ตัวไว้ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีกล้วยหอม 1 ใบ แขวนไว้ที่เพดานกลางห้อง วิธีเดียวที่จะไปถึงกล้วยหอม อันยั่วยวนใจนั้นได้ก็โดยการปีนบันไดที่ตั้งไว้กลางห้อง แต่เมื่อใดก็ตามที่ลิงตัวใดตัวหนึ่งเหยียบบันไดขั้นแรกก็จะมีท่อฉีดน้ำเย็นฉีดไปทั่วห้อง จนลิงทุกตัวหนาวสั่นแทบขาดใจ ซึ่งไม่มีลิงตัวใดอยากปีนบันไดอีก หรือแม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้า

หลังจากนั้น ผู้ทดลองก็ปิดท่อฉีดน้ำและเอาลิงตัวที่ 6 เข้าไปในห้องแทนลิงตัวหนึ่งที่หนาวสั่นจนทนไม่ไหว  วินาทีแรกที่มันเห็นกล้วยหอมมันก็รีบถลาเข้าหาบันได แต่ก็ถูกสกัดกั้นอย่างโหดร้ายบ้าเลือดจากลิงรุ่นพี่ทั้ง 4 ตัว จนลิงน้องใหม่ไม่กล้าเข้าไปใกล้บันไดอีกด้วยความงุนงงและประหลาดในยิ่งนัก .. จากนั้นผู้ทดลองก็ได้ทำเช่นเดิมคือเอาลิงตัวที่ 7 เข้าไปแทนลิงเก่าอีกตัวหนึ่ง และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอีก เมื่อลิงน้องใหม่ล่าสุดถลาเข้าหาบันได ก็จะถูกรุมกัดอย่างเอาเป็นเอาตายจากรุ่นพี่ทุกตัวรวมทั้งลิงตัวที่ 6 ที่เพิ่งเข้าไปอยู่ใหม่ด้วย  แถมยังเกรี้ยวกราดมากกว่าตัวอื่น  ทั้งที่ตัวมันเองยังไม่รู้เหตุผล ว่าทำไมการปีนบันไดเป็นสิ่งต้องห้าม  และทำไมลิงชุดเก่าจึงต้องกลัวการขึ้นบันไดในขณะนั้น แต่มันก็ยินดีผสมโรงไปกับเขาด้วย
เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อไปอีกนานแสนนาน  จนแม้ลิงเก่าชุดแรกจะครบเกษียณอายุ และถูกทดแทนด้วยลิงชุดใหม่ทั้งหมดแล้ว แต่ลิงรุ่นหลังก็พร้อมใจกันปกป้องบันไดกายสิทธิ์กันอย่างเหนียวแน่น

นี่ คือ ที่มาของนโยบายหรือวัฒนธรรม (Corporate  Culture) ที่พนักงานยึดถือปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดและพร้อมที่จะปกป้องอย่างรุนแรง แม้จะไม่สามารถอธิบายเหตุผลหรือที่มาที่ไปของการประพฤติ (Norms) และการปฏิบัติ (Standard) ก็ตาม วัฒนธรรมเกิดจากคนและหน่วยงานภายในกิจการตั้งข้อสมมติ (Assumption) ทัศนคติ (Attitude) ค่านิยม  (Value)  และความคาดหวัง  (Expectation)  ที่แตกต่างกัน เมือคนเข้าไปทำงานในหน่วยงานใด ก็จะได้รับการปลูกฝังให้ยึดถือแนวปฏิบัติของหน่อยงาน เช่น นิสัย (Habit)  หลักปฏิบัติ  (Practices)  และวิธีการทำงาน (Style)  ที่เป็นลักษณะเฉพาะของหน่วยงาน เช่น  ฝ่ายบัญชีการเงิน  ฝ่ายขาย  ฝ่ายโรงงาน  เป็นต้น  ในที่สุดแล้วก็จะผสมผสานกันเป็นวัฒนธรรม  ที่มีรากฐานมาจากการปฏิบัติ ในอดีต  (Past Practices)  ประเพณี  (Tradition)  กฏระเบียบทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร  (Rule)  และจารีตประเพณี  (Ritual) ซึ่งรากฐานบางเรื่องนั้นก็ยาวนานจนคนรุ่นหลังไม่สามารถ อธิบายที่มาได้

จึงขอฝากให้ทุกคน คิดถึงวัฒนธรรมที่สั่งสมกันมายาวนานนั้น บางสิ่งบางอย่างยังใช้ได้หรือไม่  อันไหนบ้างที่กีดขวางความมีประสิทธิภาพของกิจการและสมควรได้รับการแก้ไขปรับปรุงอย่างเร่งด่วนในยุคคิดใหม่ทำใหม่  มิฉะนั้นเราก็ไม่ต่างอะรกับ  “ลิงในห้องแคบ

นำเสนอบทความดีๆ โดย คุณดารณี มธุรพจน์วจนะ

http://www.mena2003.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538695212