ผู้ผลิตแบล็คเบอร์รี่ปลดห้าพัน

heavyweight กับ lightweight ศึกสมาร์ทโฟน
heavyweight กับ lightweight ศึกสมาร์ทโฟน

ศึกสมาร์ทโฟน

30 มิ.ย.55 สองปีก่อนมีลูกศิษย์นำโทรศัทพ์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ประธานาธิบดีสหรัฐใช้ คือ โทรศัพท์แบล็คเบอร์รี่ (BB = Black Berry) ของบริษัทริม (RIM = Research in motion) มีความสามารถเด่นกว่าทุกรุ่นในขณะนั้น และตอนนั้นผู้เขียนก็ตอบไปว่ามีโทรศัพท์เครื่องละพันอยู่ในกระเป๋ากางเกงยังใช้ไม่คุ้มพันเลย ส่วนในใจก็แอบคิดว่า ถ้าโทรศัพท์ที่มีอยู่เสียเมื่อใดจะนำแบล็คเบอร์รี่เข้าไปอยู่ในตัวเลือก แล้วเข้าตารางการตัดสินใจ (Decision Table) เพื่อพิจารณาว่าจะซื้อแบบใด แต่ถึงวันนี้โทรศัพท์เครื่องละพันก็ยังไม่เสีย แต่ผู้ผลิตโทรศัพท์แบล็คเบอร์รี่กลับส่งสัญญาณการปราชัยในสงครามโทรศัพท์ซะแล้ว

มีข่าวปลายเดือนมิถุนายน 2555 ว่า Thorsten Heins ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทริมให้ข่าวเลื่อนเปิดตัวแบล็คเบอร์รี่ 10 ไปต้นปี 2556 เนื่องจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามแผน และคาดว่าจะขาดทุนสูงกว่าที่ทำนายไว้ ทำให้มีแผนปลดพนักงานเพิ่มอีก 5000 ตำแหน่งหรือร้อยละ 30 ของที่มีอยู่ หลังจากกลางปีที่แล้วเคยปลดไปแล้ว 2000 ตำแหน่ง แล้วข่าวเชิงลบเช่นนี้ก็ทำให้หุ้นของบริษัทลดลงทันทีร้อยละ 14 โดยแนวทางแก้ปัญหาด้วยการลดพนักงานนั้น เป็นกลไกที่ทรงประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน ซึ่งบริษัทโนเกียก็ประสบปัญหาคล้ายกัน แล้วมีแผนจะปลดคนงานกว่า 10000 คนเช่นกัน

การร่วมมือกับบริษัทไมโครซอฟท์เป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ตามข่าวพบว่าจะเปลี่ยนบริการสืบค้นข้อมูลในบีบี (BB) จาก google.com ไปเป็น bing.com ซึ่งเป็นอีกความพยายามของไมโครซอฟท์ที่จะเข้าสู่ตลาดโมบายล์เสิร์ช ซึ่งมีคู่แข่งสำคัญคือ google.com นั้นเอง ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์ประกาศความร่วมมือกับบริษัทโนเกีย และลงทุนไปกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่า ทั้งบริษัทโนเกีย และบริษัทริม จะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไร หลังประกาศปลดพนักงานหลายพันคน แล้วจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พอจะเข้ามาแข่งขันในตลาดโทรศัพท์ระดับสมาร์ทโฟนได้หรือไม่ รายงานต้นปี 2555 พบว่า บริษัทซัมซุงเป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่ง เมื่อรวมยอดขายกับบริษัทแอ็พเปิ้ลกินส่วนแบ่งตลาดไปมากกว่า 50% และ 2 ค่ายนี้รวมกันก็มีกำไรกว่า 90% ของตลาดแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกับการชกมวยก็เหมือนกับนำนักมวยรุ่น heavy weight ไปชกกับ light weight ที่ผลการชกไม่น่าเปลี่ยนไปจากที่ทำนายไว้ ก็หวังแต่ปาฎิหาริย์ของนวัตกรรมเท่านั้นที่จะช่วยกู้วิกฤตของทั้งสองบริษัทไว้ได้

ต่อไป (next)

29 มิ.ย.55 พระเอกของเรา มีความสามารถในการมองเห็นอนาคต และเขาก็เป็นทุกข์ที่ต้องมองเห็นอนาคต เป็นผลให้เขาต้องคิด ต้องวางแผน ก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไป คิดหน้า คิดหลัง และสุดท้ายเขาก็ต้องเลือกไปอยู่กับตำรวจ เพราะถ้าไม่ไปเขาอาจหยุดยั้งปัญหาที่เขามองเห็นว่าน่าจะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ได้

เหมือนกับที่เรารู้ว่า มีไขมันในเส้นเลือด แล้วก็มองเห็นว่า ถ้ากินหมูติดมันก็จะเป็นภัยต่อชีวิต เมื่อเห็นเช่นนั้น ก็เลิกกินมันหมู หรือการมองเห็นแก้วสุรา แล้วก็รู้ว่าการดื่มสุราเป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งสุขภาพและอุบัติเหตุ คนที่มองเห็นอนาคตก็จะไม่ดื่มสุรา

มีงานถ่ายคลิ๊ปเป็นซีรี่ ถ้าต้องถ่ายคลิ๊ปหลายสิบตอน สิ่งที่ผมทำเป็นอันดับแรกคือ รวบรวมข้อมูล เตรียมเนื้อหา กำหนดรายละเอียดในแต่ละคลิ๊ป และการดำเนินการถ่ายคลิ๊ปก็จะเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะมองเห็นว่าถ้ารีบร้อนถ่ายคลิ๊ปโดยไม่วางแผน อาจต้องเริ่มต้นถ่ายใหม่ และเสียเวลา เสียทรัพยากรไปโดยใช่เหตุ ดังโบราณว่า “ช้า ช้า ได้พร้า เล่มงาน”

A Las Vegas magician who can see into the future is pursued by FBI agents seeking to use his abilities to prevent a nuclear terrorist attack.