เสื้อสตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน

เสื้อสตีฟ จ็อบส์
เสื้อสตีฟ จ็อบส์

30 ก.ย.55 ได้เสื้อยืดคอกลม (T-Shirt) จากกิจการน.ศ.เป็นของกำนันการเป็นวิทยากรอบรมเรื่อง office 2010  ที่เสื้อมี tag ที่มีชื่อบริษัท Nine กับ Nation Books ซึ่งจัดทำประกอบหนังสือ สตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน ก่อนผมเก็บเข้าตู้ ก็ลองนำมาทำภาพซ้อนสักใบ แต่เพราะกล้อง lock แสงไม่ได้ ก็เลยได้ภาพที่แสดงไม่เท่ากัน ส่วนภาพสุดท้ายมีการขยับขากล้อง ทำให้ตำแหน่งของภาพไม่เท่ากับภาพอื่น ๆ .. ปีหน้าฟ้าใหม่ ถ้ามีโอกาสคงได้ถ่ายภาพแบบนี้อีก
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=526840820663387&set=a.526840783996724.132279.506818005999002

สร้างอีบุ๊คด้วย Flipalbum (362)

ebook by flipalbum for mcu students
ebook by flipalbum for mcu students

29 ก.ย. 2555 มีการอบรมการจัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) แก่พระนิสิต คณะครุศาสตร์สาขาวิชาการสอนพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตแพร่ ห้องเรียนวัดบุญวาทย์ ซึ่งเนื้อหาหลักสูตรเสริมบทบาทของพระสงฆ์ในการเป็นผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปสู่นักเรียน เพื่อนพุทธศาสนิกชน และผู้สนใจทั่วไปได้อย่างน่าสนใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในยุคสมัยใดมาก่อน

กลุ่มอาชีพครูพระ คือ กลุ่มอริยบุคคลที่มีโอกาสสร้างอีบุ๊คได้มากกว่าหลายอาชีพ เพราะมีเนื้อหามากมาย ลักษณะของเนื้อหาเป็นได้ทั้งภาพ เสียง หรือคลิ๊ปวีดีโอ ผู้เรียนที่เข้าถึงสื่อมีได้ทุกกลุ่มอายุทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ไปถึงคนชรา เนื้อหาที่นำเสนอจะไม่หมดอายุเหมือนศาสตร์ด้านอื่น อาทิ คอมพิวเตอร์ก็จะเปลี่ยนไปตามพัฒนา การแพทย์ที่เคยใช้ยาต้มก็เปลี่ยนเป็นยาเม็ดหรือยาฉีด แต่คำสอนทางศาสนาเป็นเรื่องที่เป็นอมตะ และเป็นจริงเช่นนั้นมาแต่พุทธกาล โดยมีการสนับสนุนจากหน่วยงานทุกสาย ทุกระดับไม่ว่าจะเป็นตำบล อำเภอ จังหวัดหรือประเทศ รวมถึงภาครัฐ และเอกชนก็เข้าไปมีส่วนร่วมชัดเจน เดิมนั้นบทบาทของการศึกษามีอยู่แต่ในโรงเรียนแต่ปัจจุบันมีการบูรณาการที่เรียกว่า “บวร” ซึ่งประกอบด้วย บ้าน วัด และโรงเรียน ต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาเยาวชนของชาติ ตามเงื่อนไขของหลักสูตรที่พัฒนาตลอดเวลาโดยกระทรวงศึกษาธิการ

การจัดทำอีบุ๊คมีหลายเทคนิค ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และอุปกรณ์ที่จะใช้เปิดอ่าน ซึ่งผู้จัดทำสามารถสร้างต้นฉบับในสื่อหนึ่ง แล้วเผยแพร่ในสื่ออื่นได้อีกหลายประเภท อาทิ PDF, Flash View, Video หรือแบบที่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะของบริษัท อาทิ Flip Album, Desktop Author, Plakat e-book, Diji Album ซึ่งแสดงผลแบบภาพสามมิติ ทำให้น่าอ่านกว่าสื่อดั้งเดิม ทำสำเนาได้ง่าย สามารถแสดงผลผ่านสื่อมัลติมีเดีย และเชื่อมโยงไปยังสื่ออื่นผ่านการคลิ๊กได้อย่างยืดหยุ่น ดังนั้นเนื้อหาก็จะไม่หยุดอยู่บนหนังสือเพียงเล่มเดียวเหมือนในอดีตอีกต่อไป


http://www.youtube.com/watch?v=eB85vHyRi_U

http://www.thaiall.com/flip/indexo.html

http://www.facebook.com/groups/thaiebook/

iphone5 คาดว่าออกตัวแรงตามเคย

iphone5 ขำขำ
iphone5 ขำขำ

21 ก.ย.55 เวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ของบริษัทแอปเปิล ที่เคยมีบุรุษในตำนานที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในนวัตกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกา Steve Jobs เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และพลิกสถานการณ์จากบริษัทที่กำลังมีปัญหาสู่บริษัทเข้มแข็งที่สุดบริษัทหนึ่งของโลกในต้นศตวรรษที่ 21 ปัจจุบันโทรศัพท์เป็นมากกว่าใช้รับสายและโทรออก ถูกเรียกใหม่ว่าสมาร์ทโฟน (Smart Phone) ในปีนี้ได้ออกสมาร์ทโฟน iPhone 5 สู่ตลาด เปิดตัวในสหรัฐ 4 ตุลาคม 2555 หลังจากนั้นก็จะมีสถิติมาให้เราได้เรียนรู้กันต่อไป

ในอดีตโทรศัพท์รุ่นพี่อย่าง iPhone4 ประสบความสำเร็จจนเป็นตำนานด้วยยอดขาย 3 วันแรกได้มากกว่า 1.7 ล้านเครื่อง กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้รางวัลมือถือยอดเยี่ยมจาก Global Mobile Awards ในงาน Mobile World Congress 2011 ที่ บาร์เซโลนา ประเทศสเปน ปัจจุบัน iPhone ครองส่วนแบ่งตลาด 5% จากตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก หากรวมทั้ง iPhone, iPod และ iPad ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ได้ขายไปแล้วมากกว่า 250 ล้านเครื่อง

สมาร์ทโฟนและ Social Media ต่างสนับสนุนกันและกัน เพราะผู้ใช้ที่มีเครื่องมือ และเว็บไซต์เครือข่ายสังคมต่างเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว ผู้คนเชื่อมต่อเข้าสู่โลกเสมือนจริงได้ง่าย จากทุกที่ทุกเวลา และทุกวัย แต่ที่น่าเป็นห่วง คือความสัมพันธ์ในครอบครัวจะหลวมไปกว่าเดิม จากโฆษณาของ DTAC  เรื่อง Disconnect to connect ที่แสดงความห่วงใยต่อการใช้อุปกรณ์เหล่านี้จนเกินพอดี ซึ่งสื่อว่าความสัมพันธ์กับคนรอบตัวอาจบกพร่องได้ อาทิ การชมนกชมไม้ร่วมกัน การประชุม การร่วมกันทำอาหาร การเล่นกับสัตว์เลี้ยง การทำงานศิลปะ หรือการพูดคุยหยอกล้อในครอบครัวหายไป แต่การทัดทานกระแสของเทคโนโลยีที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อก็คงเป็นไปได้ยาก การทำความเข้าใจ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตระหนักว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรในโลกมนุษย์และโลกเสมือนจริงให้สมดุล

คำสอนของขงจื้อ

คำสอนของขงจื้อ
คำสอนของขงจื้อ

20 ก.ย.55 มีผู้ใหญ่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง 2 รอบ มารอบหลัง จึงมีโอกาสค้นจากเน็ต และได้รายละเอียดมาชวนแลกเปลี่ยนดังนี้

คำสอนของขงจื๊อ (confucius) สะท้อนให้เห็นถึง อุดมคติของปัญญาชน เช่นเขาเอง
คือ คำสอนที่ว่าด้วย ความประพฤติของชาว “หยู” (ผู้ที่เชื่อในวิถีของวิญญูชน)
ซึ่งไม่ล้าสมัยเลย แม้มองจากมุมของคนในยุคปัจจุบัน ขงจื๊อกล่าวว่า ชาวหยูที่แท้
จะต้องแสวงหา ความรู้ สร้างเสริม คุณธรรม ความสามารถอย่างไม่เหนื่อยหน่ายท้อแท้
เขาจะต้องพยายามทำสิ่งที่ตนศึกษาเล่าเรียนมาให้ปรากฏเป็นจริง และพร้อมที่จะรับใช้บ้านเมืองเมื่อมีโอกาส

ในเส้นทางการพัฒนาตัวเองตามทัศนะของขงจื๊อ

จำแนกคนออกเป็น 5 ระดับ คือ สามัญชน บัณฑิต ปราชญ์ วิญญูชน และอริยบุคคล โดยเรียงลำดับจากขั้นต่ำไปขั้นสูง

ระดับที่ 1 สามัญชน คือ บุคคลที่ไม่ค่อยเคารพปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่สามารถกล่าวเขียนวาจาที่สะท้อนความมีสติปัญญา ไม่เคยคิดที่จะคบนักปราชญ์ ชีวิตไม่มีเป้าหมาย รู้แต่เรื่องเฉพาะหน้า ไม่มีอุดมคติที่ลึกซึ้งกว้างไกล ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองในเชิงปณิธาน ชอบเปลี่ยนความคิดไปตามกระแส ที่เข้ามากระทบ และไม่ยืนหยัดในหลักการ
ระดับที่ 2 บัณฑิต คือ บุคคลที่แม้ไม่เข้าใจเหตุผลที่ลึกซึ้ง ไม่สามารถบำเพ็ญคุณธรรมอย่างหมดจด แต่ก็มีความรู้และความเชื่อบางอย่าง ทำงานและประพฤติตัวตามหลักการบางอย่าง เพราะฉะนั้น ถึงระดับความรู้ความเข้าใจจะมีข้อจำกัดก็ยึดกุมความรู้ความเข้าใจได้ในระดับจำกัดนั้นอย่างแม่นยำ ถึงระดับความสามารถในการพูดจะมีข้อจำกัด ก็เข้าใจเหตุผลที่กำลังพูดอย่างแท้จริง ถึงระดับความสามารถในการสื่อด้วยความประพฤติจะมีจำกัด ก็ระมัดระวังความประพฤติของตัวเองเสมอ พวกเขาจึงสามารถเผชิญความจริงภายใต้ข้อจำกัดของตัวเอง
ระดับที่ 3 ปราชญ์ คือ บุคคลที่ประพฤติตัวอยู่ในทำนองคลองธรรมมีวาจาเที่ยงแท้เป็นที่น่าเชื่อถือ มีความรู้และคุณธรรมมากพอที่จะเป็นแบบอย่างแก่ราษฎรทั่วแผ่นดินได้
ระดับที่ 4 วิญญูชน คือ บุคคลที่ศึกษาความรู้บ่มเพาะคุณธรรมอย่างทุ่มเท พูดจริงทำจริง ไม่บ่นโทษ ไม่นินทา ไม่พยาบาท มีคุณธรรมสูงส่ง แต่ไม่เย่อหยิ่งทะนงตน มีสติปัญญาเลิศล้ำ แต่กลับมีท่าทีอบอุ่น นอบน้อม จนดูคล้ายไร้สติปัญญา ทั้งที่แท้ที่จริงแล้วมีความสามารถอันลึกล้ำหาผู้ใดเสมอยาก
ระดับที่ 5 อริยบุคคล คือ บุคคลที่มีจิตใจสูงส่งน่าบูชาดุจฟ้าดิน แต่สามารถปรับตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม มีสติปัญญาแจ่มจ้าดุจแสงแห่งสุริยันจันทรา สามารถหยั่งรู้รากเหง้าของสรรพสิ่ง ยามดำเนินมรรคธรรมจะประหนึ่งฟ้าดินหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตโดยไม่ลำเลิก และเหล่าราษฎรทั้งปวงก็หารู้ไม่ว่ารับบุญคุณท่านแล้ว คนทั่วไปจึงไม่ทราบว่า ท่านได้ทำอะไรบ้าง ไม่ทราบว่าท่านมีคุณธรรมสูงส่งเพียงใด ดุจเดียวกับที่ไม่เข้าใจความลับของฟ้าดิน

http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=13083

31 นโยบายหลักด้านการศึกษา

ศ.ดร.สุชาติ  ธาดาธำรงเวช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการสู่การปฏิบัติ ระหว่างวันที่ 9 – 10 สิงหาคม 2555 ณ โรงแรมรามา การ์เด้นส์  กรุงเทพมหานคร

ศ.ดร.สุชาติ  ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  กล่าวให้นโยบายถึงการทำงานในช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้ประสบผลสำเร็จและมีความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ  โดยได้ขับเคลื่อนการทำงานตาม  “31 นโยบายหลักด้านการศึกษา” ๑) ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง  ๒) ปฏิรูปการศึกษารอบใหม่  ๓) ปรับเลื่อนวิทยฐานะโยกย้ายครูด้วยความเป็นธรรม  ๔) สอบ O-Net ป.๖ ม.๓ ม.๖ ทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา  ๕) กระทรวงศึกษาธิการไทยใสสะอาด   ๖) ปฏิบัติธรรม นำการศึกษา   ๗) แท็บเล็ตพีซี เพื่อการศึกษา  ๘) เรียน ม.๖ จบได้ใน ๘ เดือน   ๙) กองทุนตั้งตัวได้   ๑๐) ๑ อำเภอ ๑ ทุน   ๑๑) สื่อสารภาษาอังกฤษได้ พร้อมเข้าสู่ประชาคม ASEAN  ๑๒) เรียนดีอย่างมีคุณภาพ ตั้งแต่อนุบาลจนจบ ม.๖  ๑๓) สร้างผู้นำอาเซียน ASEAN Leaders Scholarship  ๑๔) ทุนการศึกษาเพื่ออนาคต (กรอ.) Income Contingency Loan  ๑๕) ครูมืออาชีพ  ๑๖) ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix-it Center   ๑๗) การศึกษาดับไฟใต้   ๑๘) ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน OTOP Mini MBA   ๑๙) กระทรวงศึกษาไทย ปลอดภัย ไร้บุหรี่   ๒๐) ศูนย์กลางการศึกษานานาชาติ   ๒๑) อัจฉริยะสร้างได้   ๒๒) อินเทอร์เน็ตตำบลและหมู่บ้าน  ๒๓) คูปองสร้างเสริมอัจฉริยะ   ๒๔) โรงเรียนในโรงงาน   ๒๕) อาชีวะไทย ก้าวไกล ใช้เทคโนโลยี   ๒๖) สร้างพลังครู  ๒๗) หลักสูตรคิดเป็น ทำเป็น   ๒๘) โรงเรียนร่วมพัฒนา   ๒๙) ศูนย์อบรมอาชีวศึกษา  ๓๐) ตั้งสถาบันอาชีวศึกษาเพื่อความเป็นเลิศในการเรียนสายอาชีพ   ๓๑) เทียบโอนประสบการณ์สายอาชีพ จบ ปวช.ได้ใน ๘ เดือน

http://www.vec.go.th/portals/0/tabid/103/ArticleId/477/477.aspx

นอกจากนั้นยังได้เน้นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการอาชีวศึกษา อาทิ ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน Fix-it Center ,  ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน , โรงเรียนในโรงงาน , การตั้งสถาบันอาชีวศึกษาเพื่อความเป็นเลิศในการเรียนสายอาชีพ รวมทั้งนโยบายเทียบโอนประสบการณ์สายอาชีพ จบ ปวช.ได้ใน ๘ เดือนแล้ว ได้กล่าวถึงเป้าหมายของกระทรวงศึกษาธิการที่จะดูแลลูกหลานของพี่น้องประชาชนเหมือนลูกหลานของเราเอง ซึ่งก็คือการ “ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง” โดยอธิบายว่าหากเป็นลูกของคุณ คุณจะทำอย่างไร คือให้มองเด็กๆ ให้เป็นลูกหลานของเรา ขณะเดียวกันครูอาจารย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของผู้บริหารก็ควรมองให้เป็นเหมือนน้องชายน้องสาว  เพราะว่าผู้บริหารก็เหมือนครูรุ่นพี่ ซึ่งต้องมาช่วยเราสอนลูกของเราให้มีอนาคตมีการศึกษา

นายศักดา  คงเพชร  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า  ตนต้องการให้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา  สร้างบุคลากรคุณภาพ  ครูและนักศึกษาต้องมีความรู้ความสามารถ  แต่มีความเป็นห่วงว่าเงินงบประมาณ ปี2556  ซึ่งได้น้อยลงจะทำให้การพัฒนาอาชีวศึกษาที่เข้มแข็งทั้งคุณภาพ และประมาณได้มากน้อยเพียงใด ฝากให้ส่วนกลางจัดทำฐานข้อมูลของสถานศึกษาให้ชัดเจนเพื่อช่วยให้การจัดสรรเงินงบประมาณมีความเป็นธรรม  และตรงกับความต้องการมากที่สุด

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประสานงานขอรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเป็นของกลางที่ไม่สามารถใช้งานได้มาเป็นวัสดุฝึก  หรือนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อมาใช้ประโยชน์ การสนับสนุนให้ครูและนักเรียนมีรายได้โดยแปลงทักษะวิชาชีพให้เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ รวมทั้งต้องเตรียมพร้อมการแข่งขันในประชาคมอาเซียน  โดยเน้นให้เด็กสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ  และภาษาอาเซียน

โดย กลุ่มประชาสัมพันธ์ 10 สิงหาคม 2555

นักพนันสอนเกม (The Gambler)

gambler teach boy
gambler teach boy

The Gambler .. by Kenny Rogers
ผู้ใหญ่เล่าเรื่องนักพนันให้ฟัง ผมว่ามีหลายประเด็นน่าสนใจนะครับ
ชอบตรงมองตา แล้วรู้ใจนี่สิครับ ต่อไปเวลาซื้อหวย ต้องมองตาคนขายซะแล้ว

The Gambler .. by Kenny Rogers

On a warm summer’s evenin’ on a train bound for nowhere,
ตอนเย็นในฤดูร้อน บนรถไฟที่ไม่รู้ที่หมาย

I met up with the gambler; we were both too tired to sleep.
ฉันได้พบกับนักพนัน เราทั้งสองเหนื่อยล้าเกินกว่าจะหลับลง

So we took turns a starin’ out the window at the darkness
เราต่างจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างในความมืด

‘Til boredom overtook us, and he began to speak.
จนกระทั่ง เราเริ่มเบื่อ และเขาก็เริ่มพูด

He said, “Son, I’ve made my life out of readin’ people’s faces,
เขาพูด “ไอ้หนู ฉันใช้ชีวิตของฉันกับการอ่านสีหน้าของคน

And knowin’ what their cards were by the way they held their eyes.
และรู้ว่าไพ่ในมือของพวกเขาคืออะไร ผ่านสายตาของพวกเขานั่นหละ

So if you don’t mind my sayin’, I can see you’re out of aces.
นี่นะ ถ้าคุณไม่ใส่ใจที่จะฟังผม ผมสามารถเห็นได้เลยว่าคุณกำลังจะเสีย A ไปแล้ว

For a taste of your whiskey I’ll give you some advice.”
อ้อ ขอลิ้มรสวิสกี้สักแก้ว แล้วฉันจะบอกเคล็ดลับให้”

So I handed him my bottle and he drank down my last swallow.
ดังนั้น ฉันยืนขวดวิสกี้ให้เขา และเขาก็กระดกลงคอไปหมด

Then he bummed a cigarette and asked me for a light.
จากนั้นเขาก็คาบบุหรี่ และถามขอไฟแช็คจุดบุหรี่

And the night got deathly quiet, and his face lost all expression.
กลางคืนเขามาเยือนแล้ว และหน้าของเขาก็ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ

Said, “If you’re gonna play the game, boy, ya gotta learn to play it right.
เขาพูด “ถ้าฉันเล่นเกมนะไอ้หนู ฉันจะเรียนรู้วิธีเล่นที่ถูกต้องก่อนเลย

You got to know when to hold ’em, know when to fold ’em,
เอ็งต้องรู้ว่าเมื่อไร ควรถือไว้ เมื่อไรควรทิ้งไพ่

Know when to walk away and know when to run.
รู้ด้วยว่าเมื่อไรควรเดินออกมา และรู้ว่าต้องวิ่ง

You never count your money when you’re sittin’ at the table.
แล้วอย่าไปนับเงิน ตอนนั่งอยู่ในโต๊ะนะ

There’ll be time enough for countin’ when the dealin’s done.
มีเวลาถมเถที่จะนับ หลังเกมพนันจบลง

Now Ev’ry gambler knows that the secret to survivin’
เดี๋ยวนี้ นักพนันทุกคนรู้เคล็ดลับที่จะเอาตัวรอด

Is knowin’ what to throw away and knowing what to keep.
รู้ว่าอะไรควรโยนทิ้ง อะไรควรเก็บไว้

‘Cause ev’ry hand’s a winner and ev’ry hand’s a loser,
เพราะทุกมือเคยชนะ และทุกมือก็เคยแพ้ มีโอกาสแพ้ได้ชนะได้

And the best that you can hope for is to die in your sleep.”
และที่ดีที่สุด ก็หวังว่าได้ตายตอนหลับ

So when he’d finished speakin’, he turned back towards the window,
เมื่อเขาพูดเสร็จ ก็หันหน้าไปทางหน้าต่าง

Crushed out his cigarette and faded off to sleep.
ดับบุหรี่ แล้วเบือนหน้าไปหลับ

And somewhere in the darkness the gambler, he broke even.
และบางแห่งในความมืดของนักพนัน เขาก็ทำสำเร็จเช่นเคย

But in his final words I found an ace that I could keep.
แต่ในคำสุดท้ายของเขา เด็กน้อยพบ A และเก็บเอาไว้ได้

You got to know when to hold ’em, know when to fold ’em,
เอ็งต้องรู้ว่าเมื่อไร ควรถือไว้ เมื่อไรควรทิ้งไพ่

Know when to walk away and know when to run.
รู้ด้วยว่าเมื่อไรควรเดินออกมา และรู้ว่าต้องวิ่ง

You never count your money when you’re sittin’ at the table.
แล้วอย่าไปนับเงิน ตอนนั่งอยู่ในโต๊ะนะ

There’ll be time enough for countin’ when the dealin’s done.
มีเวลาถมเถที่จะนับ หลังเกมพนันจบลง

————


http://www.lyricsfreak.com/k/kenny+rogers/the+gambler_20077886.html

play game
play game

จอผ้า จอแอล และจอแท็บ (itinlife 360)

multi monitor
multi monitor

8 ก.ย.55 จอผ้า หมายถึง จอภาพแบบแขวนขนาดใหญ่ (Screen) ประมาณ 100 นิ้วที่ใช้เป็นฉากให้เครื่องโปรเจคเตอร์ (Projector) ฉายแสงออกไปกระทบ นิยมใช้งานในสถาบันการศึกษา งานประชุม  บริษัท หรืองานนำเสนอขายสินค้าแบบเคลื่อนที่ ส่วนจอแอล หมายถึง จอแอลซีดี (LCD = Liquid Crystal Display) หรือจอเลด (LED = Light-Emitting Diode) ที่นิยมใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องโน๊ตบุ๊ค หรือทีวี ปัจจุบันจอแอลเป็นที่นิยมที่สุด แต่กำลังจะถูกท้าทายด้วยจอแทบ หมายถึง จอแท็บเล็ตพีซี รวมถึงอุปกรณ์กลุ่มสมาร์ทโฟน ที่มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน และเป็นไปได้ว่าในอนาคตยอดจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์จะต่ำกว่าแท็บเล็ตพีซี

โดยปกติการใช้จอภาพในการประชุมสัมมนามักใช้แบบจอผ้าขนาดใหญ่ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานสัมมนาที่มีจำนวนมากมองเห็น และรับรู้ข้อมูลข่าวสารตามหัวข้อประกอบการบรรยายพร้อมกัน ส่วนผู้นำเสนอจะใช้จอแอลซีดีของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ หรือโน๊ตบุ๊ค ซึ่งปกติภาพที่ปรากฎในจอทั้ง 2 แบบนี้จะเป็นภาพเดียวกัน และโปรแกรมที่นิยมใช้ที่สุดสำหรับการนำเสนอคือโปรแกรม Powerpoint จากการพัฒนาเทคโนโลยีและความต้องการในการสื่อสาร ทำให้เกิดการสื่อสารแบบประชุมทางไกล (Conference) ที่มีกลุ่มผู้ฟัง 2 กลุ่มสื่อสารกัน แต่อยู่ในพื้นที่แยกกัน

ปัจจุบันผู้ใช้เทคโนโลยีไม่จำกัดด้วยวัยวุฒิ หรือคุณวุฒิ ทุกคนมีสิทธิพกพาเครื่องแท็บเล็ตพีซีติดตัว ในประเทศไทยเด็กนักเรียนเริ่มตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 1 เมื่อกลางปีพ.ศ. 2555  ดังนั้นหากมีการประชุมทางไกลทั้งผู้ร่วมสัมมนา ผู้ดูแลการสื่อสาร หรือผู้นำเสนอข้อมูล ย่อมสามารถมีจอภาพที่ใช้สื่อสารกับอีกกลุ่มหนึ่งได้หลายจอภาพพร้อมกันโดยง่าย เหมือนศูนย์รวมกล้องวงจรปิดในภาพยนตร์หรือของหน่วยงานรักษาความปลอดภัยของอาคารขนาดใหญ่ ที่ช่วยสนับสนุนให้การสื่อสาร และแลกเปลี่ยนข้อมูลเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การพัฒนาต้องควบคู่ไปกับความเข้าใจของผู้เกี่ยวข้อง แต่ดูทีท่าว่าการพัฒนาทางเทคโนโลยีจะมุ่งไปข้างหน้าแซงการพัฒนาทางจิตใจไปหลายก้าวแล้ว

http://www.fxrebategurus.com/blog/

พออ่านน้อยยอดซื้อแท็บเล็ตก็น้อย (itinlife 359)

library
library

6 ก.ย.55 จากสถิติข้อมูลการอ่านหนังสือของคนไทยของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าคนไทยอ่านหนังสือประมาณ 2 – 5 เล่มต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศสิงคโปร์ที่อ่านหนังสือ 50 – 60 เล่มต่อปี ซึ่งมากกว่าประเทศไทยสิบเท่าทำให้ก็อดใจหายไม่ได้ เมื่อสังเกตพฤติกรรมของชาวลำปางก็พบว่าร้านหนังสือหลายแห่งปิดตัวไป ส่วนที่มีอยู่ก็มีคนเข้าไปใช้บริการไม่หนาแน่น รายการหนังสือก็ลดลงเปลี่ยนเป็นสินค้าประเภทอื่นเข้าไปแทน ส่วนนักวิชาการระดับประเทศได้ให้ความเห็นว่าประเทศไทยลงทุนทางการศึกษามาก (ปีละกว่า 4 แสนล้านบาท หรือ 25% ของงบทั้งหมด) แต่ล้มเหลวในด้านการจัดการศึกษาให้ทั่วถึง ครูอาจารย์คุณภาพปานกลาง สอนและสอบแบบท่องตามตำรา ทั้งครู อาจารย์ และนักเรียน นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่รักการอ่าน อ่านจับใจความไม่เก่ง คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ไม่ค่อยเป็น

มาร์ค ไอนสไตน์ ผู้จัดการฝ่ายอุตสาหกรรม เอเชีย-แปซิฟิก บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน มีความเห็นว่า นิสัยการอ่านของคนไทยรั้งการเติบโตของแท็บเล็ต หมายความว่า คนไทยไม่นิยมซื้อแท็บเล็ตเนื่องจากอ่านน้อย เพราะเชื่อว่าแท็บเล็ตที่คนไทยตัดสินใจซื้อก็เพื่อใช้อ่านหนังสือโดยเลือกซื้ออีบุ๊ค (e-book) ที่มีขายอยู่ในอินเทอร์เน็ต แทนการซื้อหนังสือในรูปของสิ่งพิมพ์ แต่ปลายปี 2555 สถิติการอ่านหนังสือจากอีบุ๊คจะเพิ่มขึ้น เพราะนักเรียน ป.1 กำลังจะมีแท็บเล็ตถ้วนทั่ว และรัฐบาลกำลังพัฒนาสื่อการสอนที่ใช้สนับสนุนการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนให้มีประสิทธิภาพ

เคยฟังกูรูท่านหนึ่งให้ทัศนะต่อการพัฒนาของเทคโนโลยีที่มีผลต่อการศึกษาว่า ยุคสื่อสิ่งพิมพ์จะเปลี่ยนเป็นยุคคลิ๊ก (Click) เพราะอะไรก็เข้าถึงได้ง่ายเพียงผ่านปลายนิ้วสัมผัสด้วยการคลิ๊ก ต้องการอะไรก็เพียงแต่คลิ๊ก ต่อไปเวลาถามนักเรียน เขาก็คงจะหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาใช้หาข้อมูลมาตอบคำถามเป็นแน่ ซึ่งบางคนคิดว่าเรากำลังข้ามผ่านจากยุค Read เป็นยุค Click เพราะนักเรียนบางคนทำรายงานด้วย 3 ขั้นตอน คือ Click, Copy และ Paste ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ต้องเข้าห้องสมุด ไปค้นบัตรรายการ ไปหยิบหนังสือมาอ่านหลายเล่มกว่าจะวิเคราะห์ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นต่อการทำรายงาน แล้วต้องสังเคราะห์เนื้อหาไปเขียนด้วยมือลงกระดาษรายงาน รวบรวมนำไปเข้าเล่มส่งครู แต่ปัจจุบันทุกอย่างเสร็จได้ด้วยการคลิ๊กไม่กี่ครั้ง

http://www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=413359489

http://www.m-culture.go.th/it/detail_page.php?sub_id=266

http://witayakornclub.wordpress.com/