โหนกระแส 3G สร้างนิยามใหม่ (itinlife366)

3g
3g

27 ต.ค.55 ข่าว 3G ที่เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารที่ประเทศเพื่อนบ้านใช้มาหลายปี แต่เรายังไปไม่ถึงนั้น ระยะนี้มีข่าวออกมาค่อนข้างบ่อย และส่อไปในแนวว่าการประมูลที่จัดโดย กสทช. อาจถูกยกเลิกด้วยเหตุผลนานาประการ บริษัทที่ได้ไปประกอบด้วย เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ เรามารู้จัก 3G ในแบบของผมดีกว่า โดยเกาะกระแสคำว่า KM (Knowledge Management) คือการจัดการความรู้ ซึ่ง 3G ในที่นี้มาจากอักษรนำ 3 ตัวที่ขึ้นต้นด้วยตัว G ประกอบด้วย Gallery, Garbage และ Gross ซึ่งรวมกันให้ความหมายในเชิงให้คำแนะนำถึงประเด็นสำคัญในรูปของกระบวนการที่คอยย้ำเตือนว่าอย่าลืมสิ่งสำคัญเหล่านี้ หากลืมไปก็อาจมีความเสียหายตามมาได้

คำแรก Gallery คือ การสะสม เพราะมนุษย์เราทุกคนเกิดมาต้องมีการสะสม ร้อยละ 99 ก็จะสะสมเงินทอง ในอดีตเราจะสะสมอาหาร คนมีฐานะก็สะสมเสื้อผ้า รองเท้า เพชร งานศิลปะ เครื่องลายคราม หรือวัตถุโบราณ นักเรียนสะสมความรู้ นักศึกษาสะสมประสบการณ์ก่อนออกไปทำงาน คนทำงานก็จะสมผลงาน ในรูปของพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) การมีของสะสมมากมักถูกมองว่าเป็นคนมีฐานะ เพราะมองเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่ามีอะไรให้ชม อาทิ สะสมรถยุโรป สะสมภาพเขียน สะสมของโบราณ ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ก็จะสะสมความรู้ ยิ่งรู้มากก็ยิ่งตัดสินใจอะไรได้ดี ถูกต้อง และมีคุณภาพ แล้วคนเหล่านี้ก็มักถูกบริษัทขนาดใหญ่ซื้อตัว แย่งชิงผู้บริหารไปบริหารบริษัทของตน อาทิ Steve Jobs หรือ John Sculley เป็นต้น

คำที่สอง Garbage คือ ขยะ เพราะหลังสะสมไประยะหนึ่ง ก็ต้องมีการจัดหมวดหมู่ วิเคราะห์ คัดกรอง แยกประเภท นำไปใช้ แล้วก็จะพบกับสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถใช้ประโยชน์ แล้วก็ต้องจำหน่ายขยะเหล่านั้นออกไป หากเข้าใจเรื่องนี้เหมือนร้านรับซื้อของเก่า ก็อาจทำธุรกิจใหม่ หรือสร้างมูลค่าจากขยะขึ้นมาได้ อาทิ การแปลงขี้ช้างไปเป็นกระดาษขี้ช้างเป็นต้น เรียกว่าเห็นขยะมีมูลค่าขึ้นมา คำที่สาม Gross คือ การสรุปผล หรือหาผลรวม ที่ต้องเข้าใจจังหวะเวลา รอบคอบ และความเหมาะสม เพราะมีคำเตือนจากสุภาษิตว่า สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพ หรือ เกมยังไม่จบ อย่าพึ่งนับเงิน หมายถึง การปิดกิจกรรม/โครงการอย่างรอบคอบรัดกุม และประเมินผลทั้งหมดรอบด้านแล้ว ถ้าทำกิจกรรมใดแล้วห่วงหน้าพะวงหลัง คอยประเมินผลตลอดเวลาโดยใช้ข้อมูลไม่ครบ ก็อาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดี

อึ้งผลสำรวจเด็กไทยพร้อมลอกข้อสอบ ขี้โกงถ้ามีโอกาส


มีโอกาสไปโรงเรียนสอนพิเศษของครู alex เห็นนิตยสารดาราสาวสวยวางบนโต๊ะ ระหว่างรอ 5 นาที พลิกอ่านไปมาจนจบพอดี ก็เลยมาค้นจาก net เพราะเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ทำให้ทราบสาเหตุของการสอบตกของเด็กไทย โบราณว่า “เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า”

เด็กไทยลอกข้อสอบ ขี้โกงถ้ามีโอกาส

วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 19:06 น. ข่าวสดออนไลน์
น.พ.วิชัย เอกพลากร คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี นักวิจัยโครงการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย เครือข่ายการวิจัยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(สวรส.) เปิดเผยผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ครั้งที่ 4 พ.ศ.2551–2552 ในส่วนของพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ สังคมและจริยธรรม(อีคิว) ของเด็กไทย ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างอายุ 1-14 ปี จำนวน 9,035 คน ใน 20 จังหวัด ด้วยการใช้แบบทดสอบพ่อแม่ และเด็ก โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มอายุ คือ อายุ 1-5 ปี  6-9 ปีและ 10-14 ปี เนื่องจากเด็กแต่ละช่วงวัยมีพัฒนาการต่างกัน เปรียบเทียบเมื่อปี 2544 พบว่า กลุ่มเด็กอายุ 6-9 ปี สำรวจ 8 ด้าน คือ วินัย สติ-สมาธิ เมตตา อดทน ซื่อสัตย์ ประหยัด การควบคุมอารมณ์และพัฒนาสังคม พบว่า ผลการทดสอบพัฒนาการด้านสังคม ได้คะแนนสูงกว่าด้านอื่นๆ ส่วนด้านที่ได้คะแนนต่ำ คือ ความมีวินัย ความมีสติ-สมาธิ ความอดทนและความประหยัด โดยพัฒนาการด้านที่เด็กได้คะแนนน้อยซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ได้แก่ พัฒนาการด้านความมีวินัยในเด็กชาย การมีสมาธิในเด็กหญิง ด้านความเมตตาและการควบคุมอารมณ์ทั้งเด็กชายและหญิง
ด้านกลุ่มเด็กอายุ 10-14 ปี สำรวจ 14 ด้าน ได้แก่ ความตระหนักรู้ในตน ความภาคภูมิใจในตนเอง ความเห็นใจผู้อื่น ความรับผิดชอบต่อสังคม การจัดการกับอารมณ์ การจัดการกับความเครียด การสื่อสาร สัมพันธภาพระหว่างบุคคล ความคิดสร้างสรรค์ค์ ความคิดวิเคราะห์วิจารณ์ การตัดสินใจ การแก้ปัญหา การควบคุมอารมณ์และคุณธรรมจริยธรรม พบว่า ในภาพรวมแม้ว่าเด็กจะมีคะแนนดีขึ้น แต่มีหลายด้านที่พบว่าคะแนนการสำรวจยังไม่ดีขึ้นกว่าปี 2544 ได้แก่ ด้านความคิดสร้างสรรค์ ความคิดวิเคราะห์วิจารณ์ การแก้ปัญหา และการควบคุมอารมณ์ ซึ่งเป็นจุดที่ได้คะแนนค่อนข้างต่ำ เมื่อแยกย่อยในส่วนของด้านจริยธรรม เด็กกลุ่มนี้ เห็นว่า “การเล่นขี้โกงเมื่อมีโอกาส” และ “การลอกข้อสอบถ้าจำเป็น เป็นพฤติกรรมที่เด็กยอมรับได้มากขึ้น
“ปัจจัยที่ส่งผลให้เด็กมีปัญหาจริยธรรม พบว่า ตัวแปรสำคัญคือระดับการศึกษาของพ่อแม่ และผู้เลี้ยงดู พ่อแม่ที่มีการศึกษาสูงขึ้น เด็กจะมีจริยธรรมและพฤติกรรมในทางที่ดีมากขึ้น อาจเป็นเพราะพ่อแม่ที่มีการศึกษาสูงมีโอกาสสัมผัสและเรียนรู้ว่าควรจะเลี้ยงลูกอย่างไร ทั้งนี้ สิ่งที่ควรพัฒนาในเด็กอายุ 1-5 ปี คือ การทำตามระเบียบกติกา ในเด็ก 6-9 ปี ในเด็กชายและเด็กหญิงควรพัฒนาด้านความเมตตาและการควบคุมอารมณ์ และสำหรับเด็กอายุ 10-14 ปี ควรฝึกการควบคุมและจัดการกับอารมณ์ รวมทั้งการคิดวิเคราะห์วิจารณ์”  รศ.นพ.วิชัย กล่าว

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeE5qWXdOamcwTkE9PQ

http://picpost.mthai.com/view/17043

เด็กไทยลอกข้อสอบ ขี้โกง ถ้ามีโอกาส
เด็กไทยลอกข้อสอบ ขี้โกง ถ้ามีโอกาส