เกมส์ความคิดสร้างสรรค์

พบใน http://www.ce-kmitl.net/index.php?topic=4815.0
มีข้อความดังนี้

เพื่อนคุณได้ส่งคำเชิญให้คุณมาร่วมเล่นเกมส์ความคิดสร้างสรรค์
ชิงรางวัล IPOD ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www….ac.th
วันนี้ ถึง
16 พฤษถาคม 2553

creative game
creative game

กติกาการแข่งขัน :
สุดยอดนักคิดต้องลงทะเบียนและเข้ามาตอบคำถาม
ใน Creative Game with Creative Campus@YONOK
ได้ที่ www…..ac.th
ทีมงานจะออกคำถามไม่น้อยกว่าวันละ 1 คำถามโดยไม่ระบุเวลา
คำถามจะทยอยขึ้นมาให้ตอบเรื่อย ๆ สุดยอดนักคิดทุกคนมีสิทธิ์ตอบคำถามตามเวลาและอารมณ์ของสุดยอดนักคิด
และสามารถติดตามคำถามได้
ที่ Facebook : Creative Campus @ YONOK University
หรือที่เว็บไซต์ www…..ac.th

วิธีคิดคะแนนสุดยอดนักคิด :

ผู้ที่ตอบถูกคนแรก ได้ข้อละ 200 คะแนน
ผู้ที่ตอบถูกเป็นคนที่สองได้ข้อละ 190 คะแนน
ผู้ที่ตอบถูกเป็นคนที่สามได้ข้อละ 180 คะแนน
ผู้ที่ตอบถูกเป็นคนที่สี่ได้ข้อละ 170 คะแนน
เรียงลำดับไปเรื่อย ๆ จนถึงผู้ที่ตอบถูกคนที่ 20 และผู้ที่ตอบถูกหลังจากคนที่ 20
คือคนที่ 21, 22 ….. จะได้คนละ10 คะแนน

มาดูตัวอย่างคำถามฝึกความคิดสร้างสรรค์

– นายป่วยพบต้นไม้ ถอดรหัสเป็นเลขสี่หลัก
ตอบ …………….9653……………………..
เหตุผล ………Nine Six find Tree

– ลองมาทำสมการแบบกวนๆดูนะ SinX = nA Aมีค่าเท่ากับเท่าไร
ตอบ …………..6
เหตุผล ……….SinX = nA ( n ตัด n = Six = A )

กำหนดการรับสมัครสุดยอดนักคิด :
รับสมัครสุดยอดนักคิดตั้งแต่วันนี้ – 16 พฤษถาคม 2553

กำหนดการวันประกาศผลสุดยอดนักคิด :
วันที่ 17-18 พฤษถาคม 2553 ทางเว็บไซต์ http://www…..ac.th

กำหนดการมอบของรางวัลสุดยอดนักคิด :

วันที่ 9 มิถุนายน 2553 ณ มหาวิทยาลับ

ของรางวัลสำหรับสุดยอดนักคิดนักค้น :
รางวัลที่ 1 : iPod Touch พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากมหาวิทยาลัย
รางวัลที่ 2 : Samsung Candy Chat พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากมหาวิทยาลัย
รางวัลที่ 3 : ตั๋วเครื่องไปกลับกรุงเทพฯ-ลำปางและที่พักในจังหวัดลำปาง
พร้อมใบประกาศเกียรติคุณจากมหาวิทยาลัย
รางวัลประจำสัปดาห์อีกมากมาย

http://www.facebook.com/yonoklampang
http://www.weekendhobby.com/ict/webboard/questionn.asp?id=45
http://www.ce-kmitl.net/index.php?topic=4815.0

ดูแลสุขภาพ 4 ช่วงวัย

โดย…อ.นพ.สมบูรณ์ อินทลาภาพร
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

การดูแลสุขภาพ ย่อมดีกว่าการมาหาหมอเพื่อรับการรักษา แต่จะดูแลอย่างไรเพื่อให้สุขภาพดีในทุกช่วงวัย มีรายละเอียดมาฝากครับ

การดูแลตนเองและคนที่คุณรักให้มีสุขภาพดี ครอบคลุมทุกช่วงอายุ จะเน้นการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคเป็นสำคัญ โดยเด็กเล็ก เน้นในเรื่องพัฒนาการและการเรียนรู้ วัยรุ่น เน้นทางด้านจิตใจและสังคม วัยทำงาน เน้นการดูแลพฤติกรรมเสี่ยง ส่วนผู้สูงอายุ เน้นการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง

เริ่มต้นสุขภาพดี

ช่วงที่ 1 อายุ 0-6 ปี เริ่มจากหญิงตั้งครรภ์ควรไปฝากครรภ์และตรวจสม่ำเสมอ เพื่อให้ทารกในครรภ์ได้รับการดูแลและคลอดอย่างปลอดภัยโดยแพทย์ จากนั้นจนถึงอายุ 6 ปี ทารกต้องได้รับวัคซีนพื้นฐานครบถ้วน และได้รับการตรวจทางด้านพัฒนาการ การเรียนรู้ และพฤติกรรมต่างๆ

ช่วงที่ 2 อายุ 7-18 ปี สิ่งที่สำคัญ คือ การเตรียมตัวให้วัยนี้เป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ มีอารมณ์ที่แจ่มใส มีภูมิคุ้มกันทางความคิด สามารถดูแลตนเองให้ห่างไกลจากยาเสพติด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมในวัยรุ่น เพื่อเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไป

ช่วงที่ 3 อายุ 19-60 ปี เป็นวัยทำงาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวถึง 40 ปี มักมีเวลาในการดูแลสุขภาพตนเองน้อย ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ โดยวัยนี้มักเป็นโรคที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคจากบุหรี่ สุรา หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เช่น ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ โรคเครียด เป็นต้น จึงจำเป็นต้องตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าสู่วัย 60 ปี เป็นผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี

ช่วงที่ 4 อายุ ตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป วัยนี้ถือเป็นวัยสูงอายุ นอกจากมีความเสื่อมถดถอยของร่างกายแล้ว บางรายยังมีโรคประจำตัวด้วย สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ควรรับการตรวจรักษาสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง หากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์ เพื่อให้การรักษาที่ถูกต้อง ก็จะทำให้มีสุขภาพดีได้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับผู้สูงอายุทั่วไป ที่ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายทุกวัน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส ไม่เครียด

การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญนะครับ เพราะสุขภาพดีนำมาซึ่งความสำเร็จไปกว่าครึ่ง

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000021402

ไม่ควรทำ…ถ้าไม่อยากให้ลูกติดเกม

โดย…รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์

ปัจจุบันเด็กกับคอมพิวเตอร์และการเล่นเกม ดูจะเป็นของคู่กัน ที่นับวันจะแยกกันยาก ปัญหานี้พ่อแม่หรือผู้ปกครองสามารถช่วยแก้ไขได้ ด้วยการไม่ทำสิ่งเหล่านี้

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

1. ไม่ตั้งกติกาก่อนซื้ออุปกรณ์เล่นเกมให้ การที่ผู้ปกครองซื้ออุปกรณ์เล่นเกมให้ลูก โดยไม่ได้มีการตั้งกติกาการเล่นเอาไว้ก่อนล่วงหน้า เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง ผู้ปกครองควรมีการสร้างกติการ่วมกันกับเด็กก่อน ว่า เด็กสามารถเล่นเกมได้วันไหนบ้าง เวลาไหนบ้าง เล่นได้ครั้งละไม่เกินกี่ชั่วโมง ตั้งแต่เวลาใดถึงเวลาใด ก่อนจะเล่นจะต้องรับผิดชอบทำการบ้านให้เสร็จเรียบร้อยก่อน หากไม่รักษากติกาจะต้องถูกทำโทษอย่างไร (แนะนำให้ใช้วิธีงดเกม หรือลดเวลาในการเล่นเกมลง) จะเป็นการยากมากที่จะมาตั้งกติกากันภายหลัง หลังจากที่ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว

2. ใช้เกมเป็นเสมือนพี่เลี้ยงเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองที่งานยุ่งอาจจะคิดว่าการให้เด็กอยู่บ้านเล่นเกม หรือไปอยู่ร้านเกมน่าจะปลอดภัย ตัวเองจะได้มีเวลาส่วนตัวเพื่อไปทำอย่างอื่น ขอบอกว่าความคิดนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง หลายครอบครัวกว่าที่พ่อแม่จะรู้ตัว ลูกก็ติดเกมงอมแงมไปเสียแล้ว

3. ดีแต่บ่น แต่ไม่เคยเอาจริง สิ่งที่พ่อแม่มักจะทำเสมอแต่เป็นวิธีที่ไม่เคยได้ผล คือ การดีแต่บ่น เช่น “เล่นนานไปแล้ว” “เลิกได้แล้วนะ” “เมื่อไหร่จะเลิกซักที” การพูดบ่อยๆ นอกจากจะไม่ค่อยได้ผลแล้ว ยังทำให้ลูกเกิดความรู้สึกว่า “บ่นอีกแล้ว…รำคาญ” ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ จะทำให้ลูกไม่อยากคุยและไม่อยากเจอหน้าพ่อแม่ เพราะคิดว่าจะต้องโดนดุ การพูดน้อยแต่ทำจริงตามกติกาที่ตกลงกันไว้เป็นวิธีที่ได้ผลดีกว่าเสมอครับ

4. ใจอ่อน ธรรมชาติของเด็กมักจะชอบต่อรองกับพ่อแม่เสมอเมื่อหมดเวลาเล่น โดยมักจะพูดว่า “แป๊บนึง…ขออีก 10 นาทีน่า จะจบเกมแล้ว” ไปๆ มาๆ 10 นาทีที่ว่าก็อาจลากยาวเป็นครึ่งชั่วโมง หรือหลายชั่วโมงเลยก็เป็นได้ ซึ่งพอต่อรองได้ครั้งหนึ่งก็มักจะมีครั้งต่อๆ ไป เพราะเด็กเค้ารู้ว่าพ่อแม่ไม่เอาจริง การใจอ่อนอย่างนี้ไม่ได้มีผลเสียกับเรื่องเล่นเกมเท่านั้นนะครับ แต่จะมีผลต่อกฎเกณฑ์ทุกอย่างในบ้าน ถ้าลูกรู้ว่าคุณจะใจอ่อนแล้ว เป็นเรื่องยากที่เขาจะทำตามกฎกติกาที่วางไว้ เพราะคิดว่าจะมาต่อรองเอาทีหลังได้ ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อการรักษาระเบียบวินัยในตัวเองของเขาในระยะยาว

5. ไม่เสมอต้นเสมอปลาย คุณอาจเคร่งครัดต่อกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ได้ แต่ก็เป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว เช่น ตั้งกฎว่าอย่าเล่นเกมเกิน 2 ชั่วโมง แต่ก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ซึ่งอาจเป็นเพราะความใจอ่อนของคุณ หรือความที่คุณไม่มีเวลา สุดท้ายแล้วกฎเกณฑ์เหล่านั้นก็จะไร้ความหมาย ไม่ต่างกับการใจอ่อนยอมให้ทุกครั้งเลยครับ

6. ความขัดแย้งกันเองระหว่างผู้ปกครอง เมื่อลูกขอเล่นเกม คุณแม่อาจจะไม่ให้ แต่คุณพ่ออาจตามใจ เวลาเกิดความขัดแย้งกันอย่างนี้ เด็กๆ ก็มักเลือกเข้าข้างฝ่ายที่ให้ประโยชน์กับเขามากที่สุด ซึ่งอาจพัฒนากลายเป็นปัญหาความสัมพันธ์ได้ เช่น เขาอาจรู้สึกว่าแม่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เป็นศัตรูกับเขาไปเลย ในเรื่องนี้พ่อแม่ควรมีจุดยืนร่วมกันนะครับ ว่าจะวางกฎกติกาของบ้านอย่างไร และตัวเด็กๆ เองก็ต้องมีส่วนร่วมในการวางกฎกติกาด้วยนะครับ

7. ละเลยการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว หลายครอบครัวที่มีลูกติดเกม พบว่ามักจะเป็นครอบครัวที่พ่อ แม่ ลูกอยู่กันคนละทิศละทาง ต่างคนต่างอยู่ แต่ละคนง่วนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองสนใจ ไม่ค่อยได้มีการทำกิจกรรมสนุกสนานด้วยกัน ดังนั้นพ่อแม่ควรส่งเสริมให้ลูกมีกิจกรรมทำยามว่าง เป็นกิจกรรมที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินไม่แพ้การเล่นเกม หรือมากกว่าการเล่นเกม ซึ่งควรเป็นกิจกรรมที่ลูกชอบ และสามารถร่วมกันทำกิจกรรมนั้นๆ ได้ทั้งครอบครัว เพื่อเป็นการสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อ แม่ ลูก

ลองทำดูนะครับ บนพื้นฐานของเมตตา กรุณา และความอดทน ผมเอาใจช่วยครับ

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000014878

ประกวดภาพถ่าย

photo contest
photo contest

การส่งภาพประกวด Nation U Photo Contest กับคอนเซ็บต์
Fun Fin Feel @Songkran Festival 2013

เงื่อนไขการร่วมสนุก
• ผู้ร่วมกิจกรรมต้องมีบัญชีเฟสบุ๊ค (Facebook Account) เป็นของตนเอง
• ผู้ร่วมกิจกรรมต้องกด Like เพื่อเป็น Fan ของหน้าเพจ Nation U News ก่อนเข้าร่วมกิจกรรม
• ผู้เข้าประกวดต้องเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย, ปวช, หรือ ปวส. หรือเทียบเท่า (เท่านั้น)
• ผู้ร่วมสนุกต้องทำตามกติกาให้ครบถ้วนตามที่ระบุ
• ผู้ได้รับรางวัลต้องติดต่อกลับเพื่อมารับรางวัลภายในเวลา 15 วันนับจากประกาศผล หากผู้ได้รับรางวัลไม่มารับรางวัลภายในระยะเวลาที่กำหนด จะถือว่าผู้ได้รับรางวัลสละสิทธิ์
• มหาวิทยาลัยขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด และเงื่อนไขเหล่านี้ได้ทุกเมื่อโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเหตุผลให้ทราบ โดยอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของทีมงาน คำตัดสินของคณะกรรมการและมหาวิทยาลัยถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง หรือขอให้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น
• ผู้ร่วมกิจกรรมรับทราบ และยินยอมปฏิบัติตามกติกาการร่วมสนุกฉบับนี้

กติกา
• ต้องเป็นภาพประเพณีสงกรานต์ ปี 2556 ถ่ายจากกล้อง DSLR หรือกล้องดิจิตอลคอมแพ็ค ที่มีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 5 ล้านพิกเซล
• จำกัดจำนวนภาพที่ส่งเข้าประกวดของผู้เข้าประกวด 1 USERNAME ต่อ 1 ภาพ
• ภาพที่ส่งประกวดต้องไม่เคยได้รับรางวัลจากการประกวดใดๆมาก่อน และต้องเป็นผลงานของผู้เข้าประกวดเองเท่านั้น
• ผู้ส่งภาพเข้าประกวดสามารถใช้เทคนิคการถ่ายภาพได้อย่างอิสระ แต่ห้ามตัดต่อ เพิ่มเติม หรือบิดเบือนภาพไปจากเดิม ยกเว้นการปรับสี ความอิ่มตัวสี แสง และคอนทราสต์ของภาพที่ไม่เกินจากความเป็นจริง
• ผู้ได้รับรางวัล กรุณาถือไฟล์ภาพจริงมาแสดงให้แก่คณะกรรมการตัดสิน
• ลิขสิทธิ์ภาพที่ส่งประกวด ตกเป็นของมหาวิทยาลัยเนชั่น เพื่อใช้จัดพิมพ์ เผยแพร่ ในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของมหาวิทยาลัย
• การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ส่งภาพประกวดไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใดๆทั้งสิ้น
• ภาพทั้งหมดจะได้รับโพสต์ ลงเว็บไซค์มหาวิทยาลัยเนชั่น และโซเชียวมีเดียของมหาวิทยาลัย

กำหนดปฏิทินการประกวด
• ส่งภาพเข้ามาภายในวันที่ 22 เมษายน 2556
• กรรมการตรวจตัดสินการประกวดภาพถ่าย วันที่ 29 เมษายน 2556
• ประกาศผลภาพถ่ายผ่าน www.nation.ac.th และทางแฟนเพจ www.facebook.com/NationUNews
และมอบรางวัล วันที่ 16 พฤษภาคม 2556 ณ มหาวิทยาลัยเนชั่น ศูนย์เนชั่นบางนา

เผยแพร่
http://www.nation.ac.th/
http://www.facebook.com/NationUNews
http://www.facebook.com/CommartsNationuBangkok

รางวัลการประกวด
• รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 5,000 บาท
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 3,000 บาท
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 2,000 บาท

ทำอย่างไร! เมื่อเชื้อดื้อยาในโรงพยาบาล

โดย…ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล

ยา1
ยา1

หลายคนกังวลเมื่อเกิดเชื้อดื้อยาแล้ว จะทำอย่างไร

การดื้อยา เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของเชื้อโรคและเมื่อเชื้อโรคดื้อต่อยาปฏิชีวนะตัวใดตัวหนึ่ง ก็มักจะดื้อกับยาปฏิชีวนะตัวอื่นในประเภทเดียวกัน ทำให้การรักษาโรคติดเชื้อนั้นๆ ได้ผลไม่ดี ต้องใช้ยาปฏิชีวนะประเภทที่มีความสามารถสูงขึ้นเพื่อมายับยั้งเชื้อโรค ส่งผลให้ผู้ป่วยมีภาวะโรครุนแรงต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลนานขึ้น เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นหรืออาจทำให้เสียชีวิตได้ จากจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาพบว่า การติดเชื้อโรคดื้อยา เป็นโรคติดเชื้อชนิดใหม่ที่กำลังเป็นปัญหาสาธารณสุขอยู่ขณะนี้

ส่วนใหญ่การติดเชื้อดื้อยา มักพบในผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ป่วยที่เคยได้รับยาปฏิชีวนะมาก่อน อย่างไรก็ดี การรักษาโรคติดเชื้อดื้อยาบางชนิดยังมียาที่มีประสิทธิภาพสามารถรักษาได้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจให้การรักษาที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วย

กริ่นมาพอควร เชื้อที่ว่านี้คือ เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นเชื้อโรคที่มีอยู่ในร่างกายคนเรา โดยเฉพาะเชื้อสตาฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) เป็นเชื้อที่พบได้บ่อยมาก ประมาณ 3 คน จะพบเชื้อนี้ 1 คน เมื่อเชื้อแบคทีเรียเกิดการดื้อต่อยาปฏิชีวนะก็จะกลายเป็นเชื้อที่รักษายาก เพราะเชื้อโรคสามารถดื้อต่อยาที่เคยใช้รักษาได้มาก่อน สำหรับการแพร่กระจายนั้น ส่วนใหญ่ติดต่อทางการสัมผัส ทั้งทางตรงโดยใช้มือ และทางอ้อมโดยผ่านอุปกรณ์ของเครื่องใช้ต่างๆ

การป้องกันทำได้โดย บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนต้องล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือใช้แอลกอฮอล์ลูบมือก่อนและหลังให้การดูแลผู้ป่วย การสวมเครื่องป้องกันก่อนเข้าไปดูแลผู้ป่วย โดยสวมถุงมือและเสื้อคลุม ทำความสะอาดห้องพักและอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้วยความระมัดระวัง ด้านผู้ป่วยนั้นสามารถป้องกันตนเอง โดยล้างมือบ่อยๆ รวมถึงญาติหรือผู้ที่เข้าเยี่ยม ต้องล้างมือก่อนและหลังออกจากห้องเยี่ยมไข้ที่หอผู้ป่วย

นอกจากนี้การให้การรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อ ต้องได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องและต้องให้การรักษาที่รวดเร็ว เพราะถ้ามีการใช้ยาปฏิชีวนะที่ยาวนาน ก็จะมีส่วนกระตุ้นให้เชื้อโรคนั้นดื้อยาได้อีกเช่นกัน ดังนั้นการใช้ยาปฏิชีวนะ ควรใช้ให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกชนิดของยา ขนาดของยา และระยะการให้ยาระหว่างมื้อยา โดยแพทย์และผู้ป่วยต้องร่วมมือกันก็จะช่วยลดโอกาสที่เชื้อโรคจะพัฒนาเพื่อต่อต้านยาที่ใช้รักษา และลดโอกาสการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังผู้ป่วยอื่นด้วย

เมื่อผู้ป่วยกลับไปอยู่บ้าน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยรับประทานยาปฏิชีวนะจนครบตามแพทย์สั่ง ห้ามหยุดยาก่อนและไม่ซื้อยามารับประทานเอง ถ้ามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ติดตัวไปหรือมีแผลด้วย ให้ทำความสะอาดมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนและหลังทำแผลรวมถึงดูแลความสะอาดทั้งอุปกรณ์ ก่อนเตรียมและรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หลังสั่งน้ำมูก ไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าขนหนูหรือใบมีดโกนร่วมกัน และทุกครั้งที่ไปรับบริการทางการแพทย์ ควรแจ้งให้บุคลากรทางการแพทย์ทราบถึงประวัติการดื้อยา เพื่อจะได้รับการดูแลทั้งการรักษาและการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคดื้อยาอย่างเหมาะสม

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000033764

อันตราย! จัดฟันแฟชั่น

ทพ.ศิริชัย ธรรมชาติอารี
งานทันตกรรม

จัดฟัน
จัดฟัน

การดูแลสุขภาพปากและฟัน ปัจจุบันได้รับความนิยมจนกลายเป็นแฟชั่นการจัดฟัน ซึ่งมาพร้อมกับอันตรายที่หลายท่านยังไม่รู้

การจัดฟันแฟชั่น ไม่ใช่การรักษาทางทันตกรรม แต่เป็นการพยายามใส่เครื่องมือเข้าไปในช่องปากเลียน แบบการจัดฟันที่ทันตแพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโดยผู้ที่ไม่ใช่ทันตแพทย์ ซึ่งทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพช่องปากและฟัน

การจัดฟันแฟชั่นที่พบทั่วไปมีอยู่หลายลักษณะ ตั้งแต่ใช้ลวดเส้นเล็กๆ ร้อยลูกปัดสีต่างๆ ซึ่งวัยรุ่นนิยมซื้อมาใส่เองหรือให้คนขายใส่ให้ หรือใช้เครื่องมือแบบติดแน่นโดยนำเครื่องมือที่เป็นโลหะรูปสี่เหลี่ยมที่มีร่องสำหรับใส่ลวดและคล้องยางสีสันต่างๆ ลงไป กระทั่งใช้เครื่องมือแบบถอดได้ ที่มีลักษณะคล้ายเครื่องมือคงสภาพฟันที่ทันตแพทย์ใช้ภายหลังการจัดฟัน

สำหรับอันตรายที่เกิดจากการจัดฟันแฟชั่น พบได้หลายส่วน ทั้งจากการใช้เครื่องมือที่ไม่สะอาดเพียงพอ เช่น ถาดพิมพ์ฟันไม่ได้ฆ่าเชื้อ ทำให้มีโอกาสที่ติดเชื้อโรคต่างๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบ วัณโรค อันตรายจากวัสดุที่ใช้จัดฟันแฟชั่น เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นที่มีคุณภาพต่ำ มักปนเปื้อนสารเคมีรุนแรง เช่น สารปรอท สารตะกั่ว แคดเมียม หรือสารหนูที่จะไปสะสมในร่างกายมาก จนก่อให้เกิดอันตรายหรือกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ตามมาได้ และที่สำคัญคืออันตรายต่อฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก โดยเฉพาะลวดที่ใส่เข้าไปในช่องปาก หากปรับแต่งโดยผู้ที่ไม่มีความรู้ จะทำให้เกิดแรงกดตัวฟันมากเกินไป ฟันเคลื่อนผิดตำแหน่ง ไม่เป็นระเบียบ ทำให้มีอาการปวดฟันมาก มีฟันตายและเปลี่ยนเป็นสีคล้ำหรือมีรากฟันละลาย จนถึงขั้นต้องถอนฟันซี่นั้นออกไป

นอกจากนี้เครื่องมือจัดฟันแฟชั่น อาจทำให้เกิดการบาดที่กระพุ้งแก้ม หรือพลาสติกกดเหงือกจนกลายเป็นแผลเรื้อรัง ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเนื้อในช่องปาก อีกทั้งเครื่องมือที่ใส่ในปาก จะขัดขวางการทำความสะอาดฟัน ทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบบวมแดง มีกลิ่นปากได้ นอกจากนี้เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นยังมีโอกาสหลุดลงคอหรือหลอดลม ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้คนมากมายทุ่มเทจัดฟันแฟชั่น เพื่อความสวยงามที่แฝงไว้ด้วยอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ความจริงแล้ว การจัดฟันเป็นการรักษาทางทันตกรรม เพื่อแก้ไขความผิดปกติการเรียงตัวของฟัน เช่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง ฟันยื่น ซึ่งส่งผลต่อการบดเคี้ยวอาหาร สุขภาพของช่องปาก รวมถึงความสวยงามของใบหน้าที่ดีขึ้น ซึ่งผู้ให้การรักษาควรเป็นทันตแพทย์จัดฟันจึงจะปลอดภัย

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000024434

หน้าร้อนนี้..ระวัง 4 โรคยอดฮิตถามหา

ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ผู้คนมักเจ็บป่วยกันได้ง่าย ยิ่งปีนี้อากาศเมืองไทยทำท่าว่าจะร้อนมากเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดต่อเนื่องยาวหลายวัน ผู้คนส่วนใหญ่ต่างพากันเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นจากการเจอแสงแดด อากาศร้อน รวมถึงการรับประทานอาหารนอกบ้าน

ร้อนจัด
ร้อนจัด

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้มากมาย วันนี้มีสาระความรู้เกี่ยวกับโรคฮิตที่มักจะมากับหน้าร้อนจากโรงพยาบากรุงเทพมาฝากให้ผู้อ่านได้เตรียมรับมือกัน

โรคอาหารเป็นพิษ

เป็นโรคที่เกิดจากการรับประทานเชื้อโรคหรือสารพิษของเชื้อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารเข้าไปในร่างกาย ซึ่งมักพบได้มากในช่วงฤดูร้อน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไป โรคอาหารเป็นพิษอาจเกิดขึ้นทีละหลายๆ คน โดยการกินอาหารปนเปื้อนชนิดเดียวกัน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับอาหารปิกนิก อาหารที่ไม่ได้เก็บแช่ไว้ในตู้เย็น อาหารที่ทำไว้ล่วงหน้านาน ๆ โดยไม่มีการแช่เย็น หรืออุ่นให้ร้อนอยู่เสมอ อาหารที่เตรียมขึ้นอย่างไม่สะอาด บางครั้งพบในอาหารที่ปรุงไม่สุก เด็กและคนชรามีโอกาสเสี่ยงสูง

อาการของโรคอาหารเป็นพิษมักเกิดขึ้นภายใน 2-6 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหารปนเปื้อนเชื้อหรือสารพิษของเชื้อ อาการที่พบ คือ มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย บางครั้งอาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ถ้าถ่ายอุจจาระมากจะเกิดอาการขาดน้ำและสารเกลือแร่ในร่างกาย ร่างกายอ่อนเพลีย ทางป้องกัน คือ ควรทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ ไม่ทานอาหาร ที่เก็บไว้ค้างคืนนานๆ เพื่อป้องกันการรับเชื้อโรคโดยไม่จำเป็น

โรคพิษสุนัขบ้าหรือโรคกลัวน้ำ

เกิดจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน ส่วนใหญ่พบในสุนัข แมว ค้างคาว ติดต่อได้ทั้งการโดนกัด ข่วน หรือถูกเลียบริเวณที่มีแผลถลอก หรือน้ำลายสัตว์ที่มีเชื้อเข้าตา ปาก หรือจมูก ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะมีอาการภายใน 15-60 วัน บางรายอาจนานเป็นปี เมื่อเป็นโรคพิษสุนัขบ้ายังไม่มียารักษา ทำให้เสียชีวิตทุกรายภายใน 2-7 วันหลังแสดงอาการ จึงต้องรีบให้วัคซีนทันทีเมื่อได้รับเชื้อ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบทันที เพื่อเข้าควบคุมโรคในพื้นที่ หากถูกสัตว์กัดให้รีบล้างแผลด้วยสบู่ และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ และฉีดวัคซีนป้องกัน

ผิวหนังไหม้แดด หรือ Sun Burn

เกิดจากการอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน โดยอาการไหม้แดดจะเกิดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคน ถ้ายิ่งขาวมากเท่าไร ผิวจะยิ่งไหม้เร็วเท่านั้น และอาการที่เกิดขึ้น ได้แก่ บวม แดง ร้อน และอาการปวดแสบปวดร้อน นอกจากนี้อาจมีอาการคันร่วมด้วย วิธีการรักษาควรหลีกเลี่ยงการออกแดด ทาครีมกันแดด ครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ครีมเคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำของผิวหนัง และทาพวกแอนตี้ฮีสตามีน เพื่อลดอาการคัน และสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม ป้องกันแดด หลีกเลี่ยงการขัดถู และงดใช้สารต่างๆ ที่ทำให้ผิวหนังแห้ง เช่น สบู่ ตรงบริเวณที่เป็นผิวไหม้ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือเป็นมากๆ ควรรีบพบแพทย์ทันที

โรคอุจจาระร่วง

เป็นโรคติดต่อทางอาหารและน้ำที่สำคัญที่สุด อาจเกิดจากเชื้อโรคชนิดต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส โปรโตซัว และหนอนพยาธิ เชื้อก่อโรคเหล่านี้สามารถติดต่อได้โดยการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป อาการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นอาการสำคัญของโรคอุจจาระร่วง อาจถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายมีมูกปนเลือด โดยทั่วไปมักจะอาเจียนร่วมด้วย ความรุนแรงของอาการแตกต่างกันได้มาก ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางรายอาจมีอาการรุนแรงมาก หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์ทันที

เมื่อทราบอย่างนี้แล้วก็รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเพื่อต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ของไทยได้อย่างเต็มที่ และจะทำสิ่งใดก็ขอให้มีสติ และที่สำคัญอย่าสนุกเพลินจนลืมความปลอดภัยของตัวท่านเองและผู้อื่นด้วย ขอให้มีความสุขในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้กันแบปลอดโรคภัยไข้เจ็บ และกลับมาลุยงานต่อกันด้วยสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง

http://www.manager.co.th/home/

ผมหงอก..ยิ่งถอนจะยิ่งหงอกจริงหรือไม่..ป้องกันอย่างไร

ในวัยที่เริ่มมีผมหงอกเรามักจะไม่กล้าถอนกัน เพราะเชื่อว่าเมื่อถอนผมหงอกเชื้อผมหงอกจะกระจายจากรากผมเส้นที่หงอก แล้วลามไปที่รากผมบริเวณใกล้เคียง(อย่างกับโรคติดต่อ) จนทำให้ผมหงอกทั้งศรีษะ

แต่ในความเป็นจริงแล้วรากผม 1 เส้น จะสร้างผมได้ 1 เส้น ต่อให้ตัดหรือถอน
ก็ไม่สามารถทำให้เส้นผมเพิ่มขึ้นได้ เพราะเส้นผมหงอกที่ถูกถอนหนึ่งเส้น
จะไม่สามารถสร้างผมหงอกขึ้นมาได้อีก
ดังนั้น การที่ยิ่งถอนยิ่งหงอก จึงเป็นไม่เป็นความจริง แต่ผมหงอกที่เพิ่มขึ้น เพิ่มจากปัจจัยอื่นๆ

การป้องกันที่สาเหตุ ก่อนที่จะหงอกก่อนวัย

เราควรดูแลผมให้ดกดำ ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่น งาดำ เป็นต้น
หรือถ้าหงอกมากแล้วไม่สบายใจจะพิจารณาเป็นการย้อมผมดำแทนก็ได้
แล้วแต่จะเลือกวิธีการที่สะดวก และเหมาะกับตนเอง

สาเหตุที่ทำให้ผมหงอก เกิดจากอะไร

โดยปกติผมหงอกตามธรรมชาติ เกิดจากเซลล์มิวเคอร์ (mucor) ซึ่งทำหน้าที่ผลิตสารสีดำในร่างกายเสื่อมสภาพ จนไม่สามารถสร้างสารสีดำได้ จึงทำให้เกิดผมหงอก เซลล์นี้จะเสื่อมสภาพตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น

ส่วนผมหงอกก่อนวัยจะพบในคนที่อายุยังน้อย โดยเกิดจากการที่ผมชั้นคอร์เท็กซ์ (cortex) ไม่สามารถสร้างเซลล์ที่คอยผลิตเม็ดสีชื่อเมลาโนไซท์ส (melanocytes) ที่มีส่วนประกอบของเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) ซึ่งทำหน้าที่สร้างเม็ดสีผม หรือ เมลานิน (melanin) ได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้เม็ดสีผมในร่างกายค่อยๆ ลดจำนวนลงไปทีละน้อยๆ จนเป็นเหตุทำให้ผมหงอกในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ผมหงอกก่อนวัยมักไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ กินอาหารและยาบางชนิด มีความเครียดก็มีผลต่ออาการได้เหมือนกัน โดยเฉพาะกรรมพันธุ์เป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งพบได้บ่อยในครอบครัวที่มีประวัติผมหงอกก่อนวัย ในผู้ชายมักจะเริ่มหงอกบริเวณขมับและเหนือจอน ส่วนผู้หญิงเริ่มจากบริเวณรอบๆ แนวไรผม ซึ่งจะเริ่มจากปลายผมก่อน แล้วค่อยๆ ลามไปที่โคนผม

นอกจากนี้ อาการผมหงอกก่อนวัย ยังเกิดจากโรคที่แฝงอยู่ในตัวคุณได้ด้วย เช่น โรคหัวใจ ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลง โรคซีด โรคผิวหนัง โรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ โรคกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ในกรณีนี้เมื่อรักษาโรคที่เป็นอยู่จนหายขาดแล้ว อาการผมหงอกจะหายไปเอง

วิตามินและแร่ธาตุต้านผมหงอกก่อนวัย

การที่ร่างกายจะสามารถสร้างเอนไซม์ไทโรซิเนส ซึ่งทำหน้าที่สร้างเม็ดสีผมได้อย่างเพียงพอนั้น คุณต้องได้รับวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้อย่างเพียงพอก่อน

1. ทองแดง พบมากในถั่วฝักยาว ถั่วแขก ถั่วลันเตา เมล็ดทานตะวัน ลูกเกด ลูกพลับ กล้วยตาก แครอท หัวไชเท้า เผือก มัน ผลไม้สดทุกชนิด
2. ไอโอดีน พบมากในอาหารทะเลทุกชนิด และอาหารที่ปรุงด้วยเกลือไอโอดีน
3. เหล็ก มีมากในปลา ลูกเกด ผักใบเขียว เช่น คะน้า ตำลึง กวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักพื้นบ้าน เช่น มะเขือพวง ใบชะพลู ผักโขมหนาม และผักกูด
4. กรดโฟลิก พบมากในถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ตำลึง ผักบุ้ง กวางตุ้ง แครอท ฟักทอง ไข่แดง และตับ
5. กรดแพนโทเทนิก หรือวิตามินบี 5 พบมากในข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด แอ๊ปเปิ้ล
6. พาบา อยู่ในกลุ่มวิตามินบีรวม ซึ่งเป็นวิตามินเทียมที่ละลายในน้ำ พบมากในจมูกข้าวสาลี ข้าวกล้อง โยเกิร์ต และผักใบเขียว
7. ไบโอติน เป็นหนึ่งในกลุ่มวิตามินบีคอมเพล็กซ์ พบมากในอาหารจำพวกถั่วเหลือง และซีเรียล (การกินยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้การสังเคราะห์ไบโอตินในลำไส้ลดลง)

อาหารยับยั้งผมหงอกก่อนวัย

กลุ่มอาหารที่มีความจำเป็นต่อการยับยั้งผมหงอกก่อนวัย มีดังนี้

1. สาหร่ายทะเล นำมาปรุงเป็นอาหารจำพวกข้าวปั้น ต้มจืด หรืออบกรอบกินเป็นของขบเคี้ยวยามว่าง นอกจากจะช่วยยับยั้งผมหงอกก่อนวัยแล้ว ยังช่วยทำให้ผมดกดำด้วย เพราะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และไอโอดีน
2. งา โรยงาลงในอาหารในแต่ละมื้อ จะช่วยยับยั้งปัญหาผมหงอกก่อนวัยได้ เพราะในงามีไขมันจากธรรมชาติ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินอี และเกลือแร่
3. เครื่องดื่มสมุนไพร ปั่นแครอทหั่นหยาบ 1/2 ถ้วย หัวไชเท้าหั่นหยาบ 1/2 ถ้วย และน้ำเย็นจัด 1 ถ้วยเข้าด้วยกัน กรองเอาแต่น้ำใส่ในแก้ว ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่น 1/4 ช้อนชา ดื่มทันที

ครีมหมักผมสมุนไพรต้านผมหงอก

เพียงนำสมุนไพรที่เราแนะนำต่อไปนี้ มาทำเป็นครีมหมักผม จะช่วยต้านปัญหาผมหงอกก่อนวัยของคุณได้

1. นำใบบัวบกสดปั่นกับน้ำสะอาดปริมาณพอเหมาะให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ แล้วนำมาเคี่ยวกับน้ำมะพร้าว จากนั้นนำมาชโลมผม หรือนวดหนังศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
2. นำใบบัวบกสดมาตำแล้วคั้นเอาแต่น้ำ แล้วชโลมผมทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นสระผมตามปกติด้วยแชมพูสมุนไพร
3. นำน้ำมันมะกอกนวดหนังศีรษะ ใช้ผ้าโพกหัวทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำผลมะกรูด 2-3 ผล เผาไฟพอสุก จากนั้นนำมาขยำกับน้ำ และนำน้ำที่คั้นได้ไปสระผม
4. ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ชโลมผมจนทั่ว อย่าให้เปียกมากเกินไป ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ผมจะแห้งพอดี ทำเป็นประจำทุกเช้า-เย็น และหลังสระผม

เมื่อแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี นอกจากจะไร้ปัญหาเรื่องผมหงอกก่อนวัยแล้ว อาจส่งผลให้คุณมีผมดกดำสลวยอย่างคนสุขภาพดีได้อีกด้วย ส่วนคนที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี แล้วมีปัญหาผมหงอกก่อนวัย ควรรีบไปพบแพทย์โรคผิวหนัง เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด และหาทางรักษาที่ถูกวิธีต่อไป

http://www.yanchaow.com/view686.aspx

การดูแลตนเองให้ห่างไกลมะเร็งปากมดลูก (โรงพยาบาลพญาไท)

ข้อมูลจาก ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์ ประธานมูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
นายแพทย์สุรพงศ์ อำพันวงษ์

มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก

โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลก และจะมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่าปี 2548-2558 จะมีผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งโดยไม่ได้รับการรักษาประมาณ 84 ล้านรายทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้ร้อยละ 40 เป็นมะเร็งที่ป้องกันได้ ดังนั้น องค์การอนามัยโลก มีนโยบายให้ทุกประเทศทั่วโลกรณรงค์เรื่องการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งตั้งแต่วัยเด็ก

รศ.พญ.เยาวลักษณ์ ชาญศิลป์ ภาควิชารังสีรักษา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ให้ความเห็นว่า อันตรายของมะเร็งทุกชนิดคือการทำให้สูญเสียการทำงานของอวัยวะที่เกิดโรคหรือโรคแพร่กระจายไป ดังนั้นอันตรายของโรคมะเร็ง จึงขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เกิดมะเร็งและอวัยวะที่แพร่กระจาย

สำหรับมะเร็งปากมดลูกนั้น แม้ว่ามดลูกจะไม่ใช่อวัยวะสำคัญในการดำรงชีวิต แต่ก้อนมะเร็งเฉพาะที่สามารถทำให้เกิดการเสียเลือดทั้งเรื้อรังและรุนแรงที่อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต และยังทำให้เกิดความเจ็บปวดทรมาน ไปจนถึงการกดเบียดท่อไตทำให้ไตวายได้ และอันตรายนอกจากนี้ก็คือการล้มเหลวของอวัยวะที่โรคกระจายไป

สาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก

โรคมะเร็งเกิดจากการที่เซลล์ถูกกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นเวลานาน โดยสารก่อมะเร็งอาจเป็นเชื้อโรคโดยเฉพาะไวรัส สารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเรื้อรัง หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของเซลล์ ซึ่งในมะเร็งปากมดลูกนั้นเชื้อไวรัส เอชพีวี (Human Papilloma Virus) เป็นสารก่อมะเร็งที่สำคัญที่สุด

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก มีความเกี่ยวเนื่องกับเพศสัมพันธ์ ผู้มีอัตราเสี่ยงต่อโรคนี้ คือผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี โดยเฉพาะในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ผู้มีบุตรมาก ผู้มีเพศสัมพันธ์กับชายหลายคน ผู้มีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีคู่นอนหลายคน และผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี จะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ 5-6 เท่า ส่วนในประเทศที่ผู้ชายได้รับการขริบปลายอวัยวะเพศ จะมีอุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูกลดลง

สำหรับผู้หญิงที่มีครอบครัวและมีสามีเดียวก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน เพราะโรคมะเร็งปากมดลูกสัมพันธ์กับการบาดเจ็บหรือการระคายเคืองเรื้อรัง โดยเฉพาะถ้ามีบุตรมาก หรือสามีมีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี หรือสามีมีคู่นอนหลายคน

อาการของมะเร็งปากมดลูก ตั้งแต่ขั้นต้นจนรุนแรง

นับเป็นโชคดีอย่างหนึ่งของผู้หญิง ที่มะเร็งปากมดลูกนี้สามารถตรวจได้ง่าย จึงตรวจพบได้ตั้งแต่ก่อนแสดงอาการ และยังสามารถตรวจพบภาวะผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกได้ตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนไปเป็นเซลล์มะเร็ง ดังนั้น หากจะถามว่าอาการของมะเร็งปากมดลูกมีอะไรบ้าง

ไม่มีอาการ แต่ตรวจพบจากการตรวจภายใน

การมีเลือดออกทางช่องคลอด ทั้งเพียงเล็กน้อยหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือการมีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน การมีเลือดประจำเดือนมาก หรือนานกว่าปกติ

การมีของเหลวออกทางช่องคลอด หรือตกขาว ทั้งที่เป็นน้ำและข้น เป็นมูก เป็นหนอง มีเลือดปน มีเศษเนื้อปน แม้มีกลิ่นหรือไม่มีกลิ่นก็ตาม

ในรายที่โรคมีขนาดใหญ่ อาจทำให้เกิดการปวดถ่วงบริเวณท้องน้อย ปัสสาวะขัด หรือถ่ายอุจจาระลำบาก หรือกดเบียดท่อไตทำให้ไตทำงานผิดปกติ จนอาจถึงไตวายได้

ในระยะแพร่กระจาย อาจกระจายตามระบบน้ำเหลืองไปยังต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง เกิดอาการปวดหลัง ปวดจุกลิ้นปี่ หรือแพร่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองที่ไหปลาร้า โดยเฉพาะข้างซ้าย และยังอาจกระจายตามกระแสเลือดไปยังปอด ตับ กระดูก และสมองด้วย

การรักษามะเร็งปากมดลูก

เนื่องจากมะเร็งปากมดลูก มีธรรมชาติของโรคเป็นการลุกลามเฉพาะที่มากกว่าการแพร่กระจายไปตามกระแสเลือด ดังนั้นการรักษาจึงเป็นการรักษาเฉพาะที่ ซึ่งอาจเป็นการผ่าตัดหรือการฉายรังสี โดย การผ่าตัด จะใช้ในระยะ 0 และ 1 โดยระยะ 0 หมายถึงระยะที่โรคเริ่มเกิดที่ชั้นผิวเยื่อบุปากมดลูก ยังไม่ลุกลามลงสู่ชั้นใต้เยื่อบุ จึงอาจตัดออกเฉพาะปากมดลูกอย่างเดียวได้ แต่เมื่อโรคเป็นระยะที่ 1 คือลามลงชั้นใต้เยื่อบุมดลูก ต้องตัดมดลูกออกด้วย แต่การตัดมดลูกอย่างเดียวหรือเลาะต่อมน้ำเหลืองในช่องเชิงกรานออกด้วย ขึ้นอยู่กับความลึกของการลุกลามลงสู่ชั้นใต้เยื่อบุปากมดลูก

สำหรับการใช้รังสีรักษา ใช้ในการรักษาได้ทุกระยะ ตั้งแต่ 0 ถึง 4 (ระยะแพร่กระจาย) แต่ในระยะ 0 และ 1 จะนิยมใช้การผ่าตัดมากกว่า เพราะการผ่าตัดจะทำให้ได้ชิ้นเนื้อ รวมทั้งมดลูกหรือต่อมน้ำเหลืองมาตรวจ ทำให้ได้ข้อมูลของระยะโรคแม่นยำกว่าการรักษาด้วยรังสี แต่หากผู้ป่วยมีภาวะที่ไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ การรักษาด้วยรังสีก็สามารถให้ผลการรักษาที่ดีไม่แพ้กัน

ส่วนเคมีบำบัด มีการใช้ในมะเร็งปากมดลูกที่ก้อนมีขนาดใหญ่หรือลุกลาม โดยให้ร่วมในช่วงการฉายรังสี โดยเคมีบำบัดจะช่วยให้ก้อนมะเร็งตอบสนองกับรังสีดีขึ้น นอกจากนี้ จะใช้ในกรณีที่มีการแพร่กระจายของโรค แต่ผลการรักษาไม่ดีนัก

ดังนั้น มะเร็งปากมดลูกสามารถรักษาได้ผลดีในระยะเริ่มต้น แต่แม้ในระยะลุกลามที่โรคยังไม่แพร่กระจายไป การใช้รังสีร่วมกับเคมีบำบัดก็ยังได้ผลค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับมะเร็งหลายชนิด
การป้องกันมะเร็งปากมดลูก

การป้องกันโรคมะเร็งชนิดใด ๆ ก็คือการหลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็งของโรคนั้น ๆ ซึ่งสำหรับในมะเร็งปากมดลูกก็คือเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกลงกว่า 70% จึงน่าจะมีผลในการลดอุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูกได้ในอนาคต และเพื่อช่วยให้การป้องกันมีประสิทธิภาพสูงสุด การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ควรทำร่วมกับการตรวจคัดกรองเป็นประจำ

โดยควรจะเริ่มตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่มีเพศสัมพันธ์ เพราะในการเกิดมะเร็งปากมดลูก จะผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มมีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีเรื้อรัง และเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะอักเสบเรื้อรังที่นำไปสู่มะเร็ง การตรวจคัดกรองจะทำให้สามารถรักษาภาวะผิดปกติต่าง ๆ ก่อนที่จะเกิดเป็นมะเร็ง หรือตรวจพบมะเร็งระยะแรกเริ่ม ที่รักษาให้หายขาดได้ เพื่อป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามหรือแพร่กระจาย

นอกเหนือจากการฉีดวัคซีนแล้ว ควรมีชีวิตครอบครัวที่ถูกต้องและจะต้องเอาใจใส่ต่อสุขภาพ ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ แม้จะมีอายุมากแล้วและไม่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คือไม่มีประจำเดือนและไม่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ยังต้องตรวจคัดกรองตามระยะเวลาที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์ ก็จะช่วยให้หญิงไทยห่างไกลมะเร็งปากมดลูก

http://www.yanchaow.com/view1004.aspx

เร่งผมให้ยาวทันใจ

วันนี้เรามีเคล็ดลับในการเลี้ยงผมให้ยาวไวขึ้นกว่าเดิมมาบอกต่อกันค่ะ

ผม
ผม

ก้มหัวให้เลือดไหลเวียนสะดวก การจะทำให้เส้นผมยาวเร็วขึ้นนั้น ต้องดูแลหนังศีรษะและรากผมให้แข็งแรงด้วย ซึ่งมีวิธีช่วยให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงศีรษะได้ดี อย่างการก้มศีรษะสัก 30 วินาที แล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ไม่ให้หน้ามืด จะช่วยให้หนังศีรษะมีสุขภาพดีผมก็จะยาวเร็วขึ้นได้ อย่าลืมทำทุกวันนะคะ

นวดศีรษะขณะสระผม การนวดศีรษะก็เป็นการกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนบนศีรษะได้ดีอีกวิธีหนึ่ง ลองเปลี่ยนวิธีการสระแบบเก่าที่แค่เกา ๆ ให้ทั่วแล้วจึงล้างออก มาเป็นการนวดกดจุดเบา ๆ ด้วยปลายนิ้วมือให้ทั่วหนังศีรษะ จะช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึ่มทำงานได้เป็นปกติดีอีกด้วย

เพิ่มอาหารจำพวกโปรตีน สารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงเส้นผมคืออาหารจำพวกโปรตีน เพราะโปรตีนมีหน้าที่ปกป้องซ่อมแซมเส้นผม ป้องกันการหลุดร่วงและแตกหักของเส้นผม บำรุงให้เส้นผมแข็งแรง ดังนั้นถ้าอยากให้ผมยาวเร็วก็ต้องรับประทานอาหารจำพวกโปรตีนให้เพียงพอ

ไม่หวีผมขณะผมเปียก หลังจากสระผมใหม่ ๆ ไม่ควรแปรงผมในขณะที่ผมยังเปียกอยู่ หรือใช้แปรงซี่เล็กหวีหรือแปรงผมขณะผมเปียกหมาด เพราะจะทำให้เส้นผมขาดและหลุดร่วงได้ง่าย หากไม่อยากให้ผมพันกันก็ควรใช้แปรงซี่ใหญ่และห่างในการหวี

เล็มปลายผมเสียเป็นระยะ ผมที่แตกปลาย หรือผมแห้งเสียควรจะมีการตัดเล็มปลายผมเป็นระยะ เพราะการตัดเล็มผมบ่อย ๆ จะทำให้ผมยาวเร็วขึ้น

บำรุงเส้นผมด้วยวิตามินอี วิตามินอีจะช่วยให้เส้นผมแข็งแรงและยาวได้ไวขึ้น ทั้งนี้การบำรุงผมด้วยวิตามินอีโดยตรงให้ทำอย่างสม่ำเสมอโดยใช้วิตามิน E ชนิดแคปซูลที่เราใช้สำหรับทาหน้านี่ล่ะ บีบและขยำทาให้ทั่วเส้นผม

ทุกเคล็ดลับอาจจะไม่ได้เห็นผลรวดเดียว แต่จะช่วยทำให้เส้นผมมีสุขภาพดี แข็งแรง เงางาม อย่างช้า ๆ ถ้าทำสม่ำเสมอรับรองว่าผมยาวไวและแข็งแรงแน่นอนค่ะ

http://www.yanchaow.com/view1550.aspx