ความสำเร็จในการจำหน่ายเฟอร์บี้ (itinlife391)

furby
furby

เฟอร์บี้ (Furby) คือ ของเล่นไฮเทคประเภทตุ๊กตาใส่ถ่ายที่สามารถโต้ตอบกับเจ้าของได้ในหลายรูปแบบ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารสมาร์ทโฟน หลายคนบอกว่าเหมือนสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิต เพราะเสมือนป้อนอาหารได้ เรียนรู้ภาษาได้ และมีปฏิกิริยาโต้ตอบเมื่อสัมผัส ซึ่งเฟอร์บี้เคยประสบความสำเร็จในการทำตลาดราวปี 1998 มียอดขายกว่า 40 ล้านตัวใน 3 ปี แล้วในปี 2012 ก็กลับมาประสบความสำเร็จผ่าน social media อีกครั้ง เราพบเฟอร์บี้ได้ใน facebook, twitter, instagram, youtube, pinterest หรือ tumblr เพราะกระแสคลั่งไคล้ดารา ทำให้เกิดการเอาเยี่ยงอย่าง เมื่อมีดาราถ่ายรูปกับเฟอร์บี้แล้วส่งรูปเข้าเครือข่ายสังคมก็ทำให้ความนิยมต่อเฟอร์บี้ก้าวกระโดดในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว

ตามหลักของอุปสงค์และอุปทานที่ความต้องการมาก แต่สินค้ามีจำกัดย่อมทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ดังนั้นเฟอร์บี้ที่เคยมีราคา 4,000 บาท จึงมีราคาพุ่งไปถึง 6,000 บาท เมื่อได้มาแล้วก็ต้องนำมาถ่ายรูปแล้วอัพโหลดเข้าเครือข่ายสังคมว่ามีตุ๊กตาใส่ถ่านตัวนี้ไว้ในครอบครองแล้ว เป็นผลให้ผู้ที่พบเห็นกดไลค์ และพยายามหามาไว้ในครอบครองตามกันไป เป็นแฟชั่นที่มีอัตราการขยายตัวผ่านแรงหนุนจากเครือข่ายสังคมที่ชัดเจน ค่านิยมที่คล้ายกันเคยเกิดกับ Tamagotchi ในปี 1996 แต่ก็ยังไม่เท่าองค์จตุคามรามเทพที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ใหญ่ส่งผลให้นักเลงพระหลายคนกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามเดือน ในช่วงปี 2007 ที่ชาวบ้านยอมจ่ายเงินบูชาองค์จตุคามรามเทพคองค์ละหลายพันบาทมาแล้ว

ความนิยมเกิดจากความพึงพอใจที่ห้ามกันไม่ได้ เพราะคำว่าชอบเป็นการส่วนตัว เป็นคำตอบที่สำคัญกว่าเหตุผลใด เหมือนกระแสคลั่งไคล้ดาราที่มีคนยอมจ่ายเงินหลายพันบาทไปดูดาราไม่กี่ชั่วโมงปรากฎตัวบนเวที ก็ล้วนเกิดจากความชอบ และเชื่อว่าคุ้มค่ากับการจ่าย ตุ๊กตาเฟอร์บี้ก็เป็นอีกกระแสผลิตภัณฑ์หนึ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และกำลังจะดับไป เหมือนกับกระแสผลิตภัณฑ์อื่นที่กล่าวไว้ และเชื่อได้ว่าจะมีกระแสใหม่เกิดขึ้นในอีกไม่ช้าในสังคมไทย เพราะเคยมีคนบอกว่าคนไทยเป็นฝ่ายรับที่ดีและเร็วอย่างน่าประหลาด ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม การแต่งกาย วัฒนธรรม และเทคโนโลยี จนนับวันนับจะหาอะไรที่เป็นไทยแท้ได้ยากขึ้นทุกวัน

http://en.wikipedia.org/wiki/Furby

ทำสีผมให้สวยติดทนนาน

การเปลี่ยนสีผมทำให้คุณมีภาระเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง คือการย้อมผมซ้ำเป็นระยะ เพื่อรักษาสีผมให้สวยอยู่เสมอ ไม่ซีดจาง ไม่กระดำกระด่างเป็นหย่อม ๆ แต่อย่างไรก็ดี การทำสีผมซ้ำบ่อย ๆ ก็จะทำให้ผมของคุณแห้งเสียได้ง่าย หากเป็นไปได้จึงควรเว้นระยะห่างระหว่างการทำสีผมแต่ละครั้งออกไปให้นานที่สุดค่ะ แต่ในระหว่างนั้นสีผมเองก็ยังต้องสวยสดอยู่ทนด้วยเช่นกัน

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ขอนำวิธีการดูแลผมที่ทำสีเพื่อให้สีผมอยู่ติดทนได้นาน ยืดเวลาการทำสีผมครั้งต่อไปให้นานกว่าเดิม ทั้งยังเป็นการประหยัดค่าน้ำยาทำสีผมด้วยคะ

1. สวมหมวก-กางร่ม เลี่ยงไม่ให้ผมถูกแดด

ลองสังเกตเสื้อผ้าที่ตากแดดจัดนาน ๆ ดูสิคะ สีมันจะซีดจางลงได้ไว เช่นเดียวกับเส้นผมที่ต้องปะทะกับแสงแดดบ่อย ๆ อันจะทำให้สีผมซีดลงได้ไวเช่นกัน คุณจึงควรมีตัวช่วยสำคัญอย่างหมวก และร่ม ที่จะช่วยป้องกันเรือนผมจากแสงแดดและรังสียูวีได้เป็นอย่างดี

2. ไม่สระผมทันทีในวันที่เพิ่งทำสีผมมาใหม่ ๆ

เพื่อให้แน่ใจว่าสีผมที่ได้ทำนั้น ติดทนซึมเข้าไปในเส้นผมของคุณอย่างแน่นอน ให้ล้างผมด้วยน้ำสะอาดหรือหมักผมทิ้งไว้เช่นนั้น 1 คืน และมาสระผมในตอนเช้า แทนการสระผมทันทีหลังทำสีผมเสร็จ

3. สระผมด้วยน้ำเย็น

การสระผมด้วยน้ำเย็นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมทำสี มันจะช่วยให้สีผมที่ทำมาสวยทนได้ยาวนาน ใครติดอาบน้ำอุ่นคงต้องก็ลองปรับตัวเองให้อาบน้ำและสระผมที่อุณหภูมิปกติกันดูนะคะ

http://women.kapook.com/view59600.html

ปัญหาหมอกควันทำให้ฝุ่นละอองเพิ่ม

วิจัย ชี้ ปัญหาหมอกควันที่ทำให้ฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น ทำให้ 9 จังหวัดภาคเหนือพบสารก่อมะเร็ง 15 ชนิด เทียบเท่าสูบบุหรี่ 75 มวนต่อเดือน

หมอกควัน
หมอกควัน

เมื่อวานนี้ (5 เมษายน) นายศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ เปิดเผยว่า ผลวิจัยความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอน ในชั้นบรรยากาศช่วงวิกฤติหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และลำพูน มีความเข้มข้นมากขึ้น เมื่อนำช่วงปลายปี 2555 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤติ มาเทียบกับต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเกิดวิกฤติพอดี โดยจังหวัดเชียงรายและแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่มีประมาณฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 513 และ 509 ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มีปริมาณฝุ่นเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดได้แก่ เชียงใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 87

นายศิวัช กล่าวอีกว่า ในการตรวจความเข้มข้นของสารก่อมะเร็งในฝุ่นละออง พบว่า มีสารก่อมะเร็งสำคัญถึง 15 ชนิด อาทิ เบนโซไพรีน ที่มีความรุนแรงเทียบเท่าการสูบบุหรี่ 75 มวนต่อเดือน เป็นต้น ขณะที่ค่าเฉลี่ยของสารก่อมะเร็งทั่วไปอยู่ที่ 613 พิโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนจังหวัดที่มีสารก่อมะเร็งมากที่สุดคือ แม่ฮ่องสอน อยู่ที่ 3,864 พิโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รองลงมาคือ ลำพูน 866 พิโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วน แพร่ มีสารก่อมะเร็งต่ำสุดที่ 54 พิโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ ระบุอีกว่า ดังนั้นทางภาครัฐจึงต้องรณรงค์หยุดการเผาป่า หรือเพิ่มโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนมากขึ้น มิเช่นนั้นประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้

http://health.kapook.com/view60063.html