ประโยชน์จากการดื่มน้ำเปล่า

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

น้ำเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่บางคนเห็นความสำคัญและประโยชน์จากการดื่มน้ำมากน้อยแตกต่างกันไป และหลายๆ คนชอบทานน้ำอัดลม ชาเขียว น้ำหวาน แทนน้ำเปล่า

วันนี้เราเลยจะนำเสนอประโยชน์จากการดื่มน้ำเปล่ากันค่ะ

1. น้ำเปล่าทำให้ผิวพรรณดี นอกจากการพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวันแล้ว การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวันยังมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณดี เพราะน้ำเปล่าจะช่วยให้มีการไหลเวียนของเลือดในร่างกายได้ดีขึ้น ทำให้หน้าตาดูไม่หมองคล้ำ บ่งบอกว่าเป็นคนสุขภาพดี

2. น้ำเปล่าช่วยลดอาการปวดศรีษะได้ การดื่มน้ำนอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง มีใครทราบมั้ยว่าน้ำช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ด้วยนะครับ หากเราดื่มน้ำเปล่าเฉลี่ยในหนึ่งวันได้ประมาณ 8-14 แก้ว น้ำจะช่วยบรรเทาอาการปวดศรีษะได้ และมีการวิจัยแล้วว่าคนที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอจะทำให้อาการปวดศรีษะรุนแรงยิ่งขึ้น ฉนั้นใครที่ปวดไมเกรนบ่อยๆ ลองหันมาดูว่าตัวเองดื่มน้ำเพียงพอหรือไม่นะครับ

3. น้ำเปล่ามีส่วนช่วยในการย่อยอาหาร บางท่านยังไม่ทราบว่าในทุกเช้าที่เราตื่นมาจากเตียง สิ่งแรกที่เราควรทำคือการดื่มน้ำเปล่า 1 แก้วเพื่อเป็นการปรับสมดุลน้ำในร่างกาย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการย่อยอาหารที่เราจะทานในมื้อเช้าให้ดียิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นน้ำเปล่ายังช่วยกันหรือลดอาการกรดไหลย้อนได้ด้วยนะครับผม

4. น้ำเปล่าช่วยในการระบบขับถ่าย ระบบขับถ่ายของเราจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากเราดื่มน้ำเพียงพอในแต่ละวัน น้ำสามารถช่วยไม่ให้ท้องผูก หากร่างกายได้รับน้ำน้อย ทำให้ขับถ่ายลำบากและจะทำให้เกิดอาการท้องผูก แต่สามารถช่วยให้หายได้ โดยการดื่มน้ำให้เพียงพอ ซึ่งหากเราปล่อยให้ท้องผูกแล้วจะมีผลเสียแก่ร่างกายเช่น หน้าตาดูหมองคล้ำเพราะร่างกายนำของเสียกลับไปร่างกายอีกครั้ง ทำให้ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น และอาจทำให้เกิดอาการร้อนในได้อีกด้วยครับ

ระยะเวลาที่ดื่มน้ำ ในวันหนึ่ง (อาจเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อยตามความสะดวก)

ดื่มนอนตอนเช้า ดื่มน้ำ 1 แก้ว (แก้วบรรจุ 400 ซี.ซี.)

ตอนสาย ดื่มน้ำ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9.00 – 10.00 น.)

ตอนบ่าย ดื่มน้ำ 3 แก้ว (เวลาประมาณ 13.00 – 14.00 น.)

ตอนเย็น ดื่มน้ำ 3 แก้ว (เวลาประมาณ 19.00 – 20.00 น.)

ใครที่เริ่มอยากจะดูแลสุขภาพตัวเอง เราลองมาเริ่มจากเรื่องใกล้ตัวจากการดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนนะคะ (น้ำเปล่านะค่ะ ไม่ใช่น้ำอัดลม หรือน้ำหวาน) ไม่เพียงเท่านั้นหากเราได้ทานอาหารที่มีประโยชน์สารอาหารครบถ้วน 5 หมู่ในแต่ละวัน แล้วยังออกกำลังอีกด้วย รับรองเลยว่าสุขภาพร่างกายของเราจะดีขึ้นกว่าเก่าแน่นอน เผลอๆ น้ำหนักอาจจะลดลงอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เราดูดีขึ้นอีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องพึ่งอาหารเสริมหรือเสียเงินไปกับบริการฟิตเนสแพงเลย

http://volunteerconnex.com/2012/drinking_water

นิสิตแพทย์หญิง เสียชีวิตหลังกินแตงโม

แตงโม (water melon)
แตงโม (water melon)
นิสิตแพทย์หญิง เสียชีวิตหลังกินแตงโม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 เมษายน 2556 09:07 น.
เรื่องแตงโมมีพิษตกค้าง ผมก็ทราบมาหลายสิบปี
แต่หลายปีหลังมานี่ ลืมเลือนไปหลายครั้ง ลืมตอนร้อน ๆ ครับ
ต่อไปต้องคอยเตือนตนเองว่า .. อย่านะ น่ากลัว ๆ
แตงโมเป็นเหตุ
แตงโมเป็นเหตุ
ศูนย์ข่าวศรีราชา – นิสิตแพทย์ ปี 3 ม.บูรพา นอนเสียชีวิตปริศนาภายในหอพักของ ม.บูรพา แม่มาเห็นแทบเป็นลมไม่เชื่อลูกสาวจะเสียชีวิตเพราะเป็นคนแข็งแรง ด้าน ผอ.รพ.ม.บูรพา ยันไม่ใช่เหตุฆาตกรรม แต่ต้องรอผลการผ่าศพพิสูจน์ในวันจันทร์นี้ ขณะที่ตำรวจตั้งประเด็นเสียชีวิต 3 ประเด็น ทั้งหัวใจล้มเหลว สำลักเนื้อแตงโม และอาจเกิดจากการกินสารพิษ ติดค้างในแตงโม
เมื่อเวลา 01.00 น. (20 เม.ย.2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแสนสุข พร้อมหน่วยกู้ชีพ จ.ชลบุรี ได้เข้าตรวจสอบห้องพักเลขที่ 309 ชั้น 3 อาคารหอพักนิสิตแพทย์หญิง ภายในมหาวิทยาลัยบูรพา ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจาก น.ส.ชนากานต์ ศรีบางพลีน้อย หรือน้ำตาล นิสิตแพทย์หญิง ปี 3 ว่า น.ส.วิสุดา ตามระภาพ หรือน้องแอล อายุ 20 ปี นิสิตแพทย์หญิง ปี 3 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องเสียชีวิตสภาพนอนหงายห่มผ้าห่ม อยู่บนเตียงนอน ซึ่งจากการตรวจสอบในห้องไม่พบความผิดปกติ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรืองัดแงะหรือถูกรื้อค้น โดยคาดว่า น.ส.วิสุดา เสียชีวิตมานานกว่า 2 วันแล้ว และที่ปลายเตียงพบเพียงแตงโมผ่าครึ่งมีร่องรอยการใช้ช้อนเฉาะกินเกือบหมด
จากการสอบสวน ทราบว่า ผู้ตายไม่มีเพื่อนชาย และมีเพื่อนร่วมห้องคือ น.ส.ชนากานต์ ศรีบางพลีน้อย หรือน้ำตาล แต่เนื่องจากระหว่างเกิดเหตุ น.ส.ชนากานต์ ได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น และมารดาของผู้ตายไม่สามารถติดต่อผู้ตายได้ จึงขอร้องให้ น.ส.ชนากานต์ เดินทางจากบ้านที่กรุงเทพฯ มาเปิดประตูห้องพักให้ สุดท้ายพบกลายเป็นศพดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของหอพักพบว่า เมื่อเวลา 22.40 น.ของวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ตายได้เดินทางกลับเข้าไปในหอพักเพียงคนเดียว แต่เมื่อเข้าห้องไปแล้วได้เปิดประตูห้องทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที โดยไม่มีใครเข้าออก หรือต้องสงสัยว่าจะเข้าไปก่อเหตุฆาตกรรม
เบื้องต้นแพทย์ชันสูตรว่า เสียชีวิตมากว่า 2 วัน โดยจะนำศพไปที่โรงพยาบาลชลบุรี เพื่อให้แพทย์ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายในวันจันทร์ที่จะถึงนี้อีกครั้ง
ด้านนางจินตนา โชคจรรยาภรณ์ อายุ 45 ปี มารดาของผู้ตายซึ่งได้เดินทางมาจากอำเภอสัตหีบ เพื่อเข้าพบนายแพทย์พิสิต พิริยาพรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ม.บูรพา ซึ่งเป็นผู้ดูแลนิสิตแพทย์พร้อมร่วมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดกล่าวว่า ลูกสาวเป็นคนตั้งใจเรียน และไม่เคยเกเร ไม่มีเพื่อนชาย เป็นคนแข็งแรง และชอบกินแตงโม แต่ยังไม่อยากเชื่อว่าลูกสาวจะเสียชีวิตโดยจะรอผลการผ่าพิสูจน์ต่อไป
ส่วน นายแพทย์พิสิต พิริยาพรรณ กล่าวว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันว่าไม่ใช่การฆาตกรรม เพราะไม่มีใครต้องสงสัยเข้าออก หรือติดตามเข้าไปในห้องผู้ตาย ซึ่งการเสียชีวิตในลักษณะนี้เรียกว่า การเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ และต้องรอผลการผ่าพิสูจน์
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นการเสียชีวิตไว้ 3 ประเด็ คือ
1. อาจจะเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
2. สำลักเนื้อเม็ดแตงโม
3. อาจเกิดจากการกินสารพิษที่ติดค้างอยู่ในแตงโม

ซึ่งจะต้องรอผลการผ่าพิสูจน์จากโรพยาบาลชลบุรีในวันจันทร์อีกครั้ง

fb เป็นพื้นที่ส่วนตัว อยากด่าใครก็จะด่า ไม่ชอบก็ unfriend ซะ

major cineplex
major cineplex

เหตุเริ่มจาก ผู้จัดการโรงภาพยนตร์กับลูกค้ามีปากเสียงเรื่องเครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน แล้วมีโทษะทั้งคู่

แต่ rule ของ Philip Kotler มี 2 ข้อ
Rule 1 : The customer is always right.
Rule 2
: If the customer is wrong, go back to rule 1.

ทำให้ผู้จัดการพิจารณาตนเอง แล้วลาออก แต่เกิดอารมณ์ร่วมกับพนักงานของโรงภาพยนตร์ แล้วไปเขียนแสดงความคิดเห็นว่าลูกค้าไม่ถูกต้อง ส่งผลต่อ CSR เชิงลบอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อโรงภาพยนตร์ตรวจสอบว่าเป็นพนักงานจำนวนสองท่าน จึงพิจารณาให้พ้นจากสภาพการเป็นพนักงาน


เคยมีเพื่อน ๆ โพสต์ในเฟส
ว่า  “ฉันอยากโพสต์อะไรก็จะโพสต์
บางคนก็ “สบถ อยู่เป็นประจำ
.. ใครรับไม่ได้ก็ให้ unfriend ไปซะ

แต่กรณีนี้ ผู้เป็นเจ้านายประกาศผ่านสื่อเลยว่า Layoff .. ไม่ใช้ unfriend อย่างที่คาดไว้

ความเคยชินกับการ post ที่ไม่แคร์ใคร
อาจเป็นผลเสีย อย่างกรณีนี้ก็ได้

.. แล้วเพื่อนท่านหนึ่ง post แสดงความเห็นว่า “มีผู้ด้อยโอกาสมากมาย ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีคอมพิวเตอร์ ต่างกับคนที่มีโอกาสบางคน ขาดกระบวนการในการยั้งคิด ว่าควรใช้สื่ออย่างไร

manager
manager

ทั้งกรณี ของผู้จัดการ และพนักงาน เป็นสถานการณ์และเหตุผลที่ต่างกันไป หยิบไปพูดถึงได้หลายวิชา

ภาพจากเฟส อ.เกียรติ
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=577659912258407&set=a.111585805532489.13446.100000432096291

นิสัยดีๆ ที่คู่รักควรทำ

อย่ารอจนถึงโอกาสพิเศษถึงจะแสดงออกซึ่งความรักของคุณแต่บำรุงเลี้ยงชีวิตรักของคุณอย่างสม่ำเสมอในทุกวันด้วยวิธีการต่อไปนี้

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

บอก “รัก” กันอย่างน้อยวันละครั้ง : คู่รักของคุณต้องการได้ยินคำนี้
อย่าหงุดหงิดไปกับเรื่องเล็กๆ : คุณจะปล่อยให้นิสัยไม่ดีของเขารบกวนคุณให้วอกแวก หรือจะยอมรับมันและหาทางเลี่ยงมันซะล่ะ ถ้าเขาชอบเปิดฝาหลอดยาสีฟันทิ้งไว้ ก็ซื้อแยกกันคนละหลอด เขาชอบทิ้งเสื้อผ้าเกลื่อนเหรอ เก็บมันซะ หรือไม่ก็ไม่ใส่ใจมัน

หายใจลึกๆ เวลาโกรธ : อย่าพยายามพูดกันเวลาที่อารมณ์ไม่ดี หลบกันไปสักพักเพื่อจะได้ตั้งสติ คุณจะได้พูดคุยกันได้ว่าอะไรรบกวนจิตใจคุณ แทนการชี้หน้าด่าว่ากันที่จะเสียใจในภายหลัง

อย่าใช้จุดอ่อนของเขาหรือเธอโจมตีกัน…เด็ดขาด : สิ่งที่อาจดูไม่สลักสำคัญ จิ๊บจ๊อย หรือน่ารักในสายตาคุณอาจเป็นเรื่องซีเรียสสำหรับเขา รับรู้ว่าอะไรสำคัญสำหรับเขา และอย่าเอาไปพูดกับเพื่อน พ่อแม่ หรือใครเด็ดขาด และอย่าได้เอามันมาโจมตีเขาในภายหลังด้วย
นับถือคู่ของคุณ : อย่าพูดถึงเขาในทางไม่ดี เมื่อพูดถึงเขา ให้ความรักและนับถือเปล่งประกายออกมา

หาหนทางที่จะใช้เวลาด้วยกันทุกวัน : กินอาหารเย็นด้วยกัน ดื่มกันตอนค่ำ เดินเล่นกัน ประเด็นก็คือใช้เวลาด้วยกันทุกวัน พูดคุยหรือแม้แต่อยู่ด้วยกันเงียบๆ มันจะยิ่งสร้างความใกล้ชิดสนิทแน่นระหว่างกัน

http://www.lisaguru.com/sexlovemoney/sex-v12no31-01

โรคเสี่ยง..ของเด็กยุคดิจิตอล

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ปัจจุบันคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตประจำวันที่เด็กๆ จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์-ไอแพท  และก็โทรทัศน์  เรามาทำความเข้าใจกับเรื่องพวกนี้กันดีกว่าค่ะ ว่ามีผลกระทบต่อลูกรักของเราอย่างไรกันบ้าง….

1. เจ้าหนูกับการดูโทรทัศน์

ช่วง 1-3 ปี

การที่เด็กนั่งดูโทรทัศน์นาน ๆ เด็กจะขาดทักษะการใช้กล้ามเนื้อที่กำลังเจริญเติบโต เด็กวัยนี้เป็นวัยที่เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง ฉะนั้น ถ้าใช้เวลาในการนั่งดูโทรทัศน์นาน ๆ จะไม่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์จินตนาการ ซ้ำร้ายโทรทัศน์ยังทำลายศูนย์รวมความสนใจของเด็กอีกด้วย ขบวนการเรียนรู้ของเด็กเล็ก ๆ จะฝึกการเรียนรู้จากการลงมือกระทำ จากการเลียนแบบสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเขา เด็กที่ดูโทรทัศน์จะไม่ได้พัฒนาทักษะต่าง ๆ

ช่วง 3-5 ปี

เป็นช่วงเวลาที่เด็กพัฒนาอารมณ์ความรู้สึก จิตใจ และจังหวะการหายใจ หากเด็กติดโทรทัศน์จะส่งผลกระทบต่อระบบการหายใจของเด็ก เพราะภาพมีความเร็วเกินไป เมื่อระบบการหายใจของเด็กติดขัดจะนำผลไปสู่อารมณ์ความรู้สึกและจิตใจของเด็ก ทำให้เกิดความก้าวร้าว การเล่นที่รุนแรง แล้วยังกระทบต่อสุขภาพของเด็กดังนี้ค่ะ

โทรทัศน์กับพัฒนาการทางสมอง

สำหรับเด็กเล็กโทรทัศน์มีรังสีที่มีผลเสียต่อสายตา ในขณะที่จอรับภาพทางประสาทตาของเด็กเล็กยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้สายตาของเด็กก่อนขวบปีจะเห็นภาพและสีต่าง ๆ ได้อย่างลางเลือน และเหมือนคนสายตาสั้น คือ เด็กอายุเดือนแรกจะมองเห็นแต่สีขาวและดำในระยะ 12-15 นิ้วนานไม่เกิน 5 วินาที เด็กอายุ 2 เดือนมองเห็นสิ่งของและสีแดง สีเขียว สีเหลือง ได้ชัดเจนในระยะไม่เกิน 20 นิ้ว และอายุ 3 เดือน มองเห็นชัดเจนในระยะ 1 ฟุต

การให้เด็กเล็กดูโทรทัศน์จะได้รับแสงที่มากเกินไปจะส่งผลต่อสายตา เช่น ระบบประสาท การปรับแสงของเลนส์ตา กล้ามเนื้อตาเกร็ง สายตาสั้น เป็นต้น และอาจทำให้ดวงตาเกิดการเหนื่อยล้าและเสียเร็วขึ้นได้ เมื่อเด็กอยู่ในวัยที่เริ่มดูโทรทัศน์ได้ 2-3 ปีไม่เกิน 15 นาที, 3-5 ปีไม่เกิน 30 นาที และ 6-8 ปี ไม่เกิน 1 ชั่วโมง

โทรทัศน์จะกระตุ้นสมองส่วนเล็ก ๆ ส่วนหน้า เป็นการรับรู้ข้อมูลโดยปราศจากการวิเคราะห์อย่างตระหนักรู้ความเร็วของภาพที่เร็วเกินไปจะทำให้เซลล์สมองของเด็กรับภาพแล้วถูกตัดทิ้ง หากดูเกิน 20 นาที ประสาทหู และตาจะล้า

การดูโทรทัศน์เป็นการใช้สมองซีกขวามากเกินไป ในสมองเด็กที่กำลังพัฒนาต้องมีการเปลี่ยนถ่ายจากซีกขวาที่ไม่มีคำพูดมีภาวะฝันไปสู่ซีกซ้ายที่ใช้ตรรกะคำพูด ทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นในการอ่านวิเคราะห์และการฟังแบบเชื่อมโยง โทรทัศน์ไม่มีสิ่งกระตุ้นให้เด็กได้พูดโต้ตอบ มีเพียงภาพและเสียงที่ผ่านลำโพง ซึ่งเป็นการสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) ทำให้เด็กไม่ได้พูดโต้ตอบด้วย เด็กที่ติดโทรทัศน์มากเกินไปอาจส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านภาษาช้า เนื่องจากไม่ได้มีความจำเป็นที่จะโต้ตอบทางภาษา เด็กวัยนี้ยังต้องเรียนรู้ผ่านการสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) เพื่อกระตุ้นพัฒนาการทางภาษา

2.  สุขภาพเจ้าหนูกับโทรศัพท์มือถือ

เด็ก ๆ กับโทรศัพท์มือถือที่ต้องแนบหูนั้น แบตเตอรี่เกิดความร้อน ส่งผลให้หูและศีรษะสัมผัสความร้อนโดยตรง จะทำให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากการรับ-ส่งสัญญาณของโทรศัพท์มือถือกระทบกับอวัยวะโดยตรงทั้งบริเวณ หู ตา และเข้าไปถึงสมองส่งผลให้เกิดการทำลายเซลล์และเนื้อเยื้ออ่อน ๆ ในบริเวณนั้นได้

3. สุขภาพเจ้าหนูยุคคอมพิวเตอร์+ไอแพด

นอกจากผลเสียทางสายตาแล้ว ยังมีอาการท้องร่วงเพราะคีย์บอร์ด สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วง คือ คีย์บอร์ดมักมีแบคทีเรียสะสมอยู่ เมื่อเด็ก ๆ เล่นคอมพิวเตอร์ อาจจะหยิบอาหารกินระหว่างอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีคีย์บอร์ดตั้งอยู่ แบคทีเรียเหล่านี้อาจจะเข้าสู่ร่างกายทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้

ผลกระทบในระยะสั้น โรคเกี่ยวกับการปวด

เช่น อาการปวดหู ปวดศีรษะ มึนงง ขาดสมาธิ และเครียด เนื่องจากระบบพลังงานในร่างกายถูกรบกวน

โรคเกี่ยวกับดวงตา

การจ้องหน้าจอโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เป็นเวลานานเกินกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน จะทำให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยงเกิดอาการระคายเคืองได้ และอาการได้ตามมา คือ ตาพร่าและมองไม่เห็นชั่วคราว ระบบประสาท การปรับแสงของเลนส์ตากล้ามเนื้อตาเกร็ง สายตาสั้น เพราะกล้ามเนื้อตาจะบีบรัดเลนส์ตาจนล้า ถ้าระดับที่วางความสว่างไม่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อระบบของการกลอกตา ระบบกล้ามเนื้อและประสาท ซึ่งจะเกิดหลังจากใช้สายตานานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการดวงตาล้า ดวงตาตึงเครียด ตาช้ำ ตาแดง แสบ

สำหรับเด็กเล็กรังสีที่มาจากจอโทรทัศน์ มีผลเสียต่อสายตา เพราะจอรับภาพทางประสาทตาของเด็กเล็กยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้สายตาของเด็กก่อนขวบปีจะเห็นภาพและสีต่าง ๆ ได้อย่างลางเลือน และเหมือนคนสายตาสั้น

ผลกระทบในระยะยาว สมาธิสั้น

เด็กในวัยแรกเกิด ถึง 6 ปี เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดสำหรับพัฒนาการของเด็ก ซึ่งการเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือ การกระตุ้นโดยพ่อแม่เป็นผู้สอน ดังนั้นการที่พ่อแม่ปล่อยให้ลูกดูโทรทัศน์หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์นาน ๆ จะทำให้เด็กไม่มีพัฒนาการสมวัย และมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคสมาธิสั้น เด็กมีสมาธิ และความจดจ่อแย่ลง จนอาจทำให้เกิดโรคความจดจ่อเสื่อมหรือสมาธิสั้น

โรคอ้วนและคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

การดูทีวีมาก ๆ สัมพันธ์กับโรคอ้วนและคอเลสเตอรอลในเลือดสูง เนื่องจากการนั่งอยู่กับที่นาน ๆ การกินของขบเคี้ยวระหว่างดูทีวี และโรคอ้วนในเด็กจะมีแนวโน้มทำให้เป็นผู้ใหญ่อ้วนหรือเกิดโรคหลายโรค เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ มะเร็งในลำไส้ มะเร็งเต้านม ปวดหลัง ตามมาอีก

ภาวะ “เคาช์โปเตโต้” (couch potato)

เด็กที่เอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ ดูโทรทัศน์ วิดีโอ หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ไม่เคลื่อนไหวทำกิจกรรม ทำให้เป็นโรคอ้วน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดจากภาวะเคาช์โปเตโต้ ควรมีการเคลื่อนไหวร่างกาย ทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น เด็ก ๆ ไม่ควรใช้เวลาเกิน 1 ชั่วโมง เล่นเกมหรือดูทีวี เด็กเล็กไม่เกิน 30 นาที

Tips : คุณพ่อคุณแม่พาไปเรียนรู้ธรรมชาตินอกบ้าน สวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น ที่สำคัญจำกัดช่วงเวลาการดูทีวี การใช้คอมพิวเตอร์และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมที่หลากหลายก็จะช่วยให้สมองของลูกรักได้มีการเรียนรู้อย่างสมดุลและป้องกันผลเสียกับสุขภาพของเด็ก ๆ ด้วยค่ะ

http://guru.thaibizcenter.com/articledetail.asp?kid=10777

ผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง และผ้าประจำถิ่น

เทิดไท้องค์ราชินี
เทิดไท้องค์ราชินี
พบปฏิทินตั้งโต๊ะของ กฟผ. พ.ศ.2555 หรือ ค.ศ.2012
เป็นปฏิทินที่สืบสานผ้าไทย เทิดไท้องค์ราชินี
เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา
มีผ้ามากมายที่น่าสนใจ ได้แก่ ผ้าชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ผ้าชาวเขาเผ่าม้ง ผ้าชาวเขาเผ่าเย้า ผ้ามัดหมี่ ผ้าขิด ผ้าแพรวา ผ้ายกนคร  ผ้าจก ผ้าไหมสุรินทร์ ผ้ายกทอง ผ้าหางกระรอก
ประกอบกับ AJ.Prawinrat สนใจเรื่องผ้าทอน้ำแร่
แล้วทำเว็บไซต์ http://www.patornamrae.com/
แล้วก็มีนักศึกษาสวมผ้าทอน้ำแร่ ที่ถูกตัดเย็บในแบบชุดล้านนา
เดินแบบให้ชมบ่อยครั้ง

ทำให้ผมรู้สึกสนใจ .. ใคร่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับผ้ามากขึ้น
เพราะนอกผ้าทอน้ำแร่แล้ว ยังมีผ้าอีกมายมายที่น่าสนใจ

http://www.facebook.com/media/set/?set=a.628110477203087.1073741835.506818005999002

ร้อยไหม…ช่วยให้กระชับได้จริงหรือ

โดย ผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ภาควิชาตจวิทยา

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

การร้อยไหม ช่วยยกกระชับได้จริงหรือ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานยืนยันทางการแพทย์ว่า การร้อยไหมสามารถทำให้ผิวหนังเกิดการยกกระชับได้จริง หรือคงสภาพการกระชับได้นาน และจากรายงานผลการร้อยไหมชนิดมีเงี่ยง ทำให้ผิวดูกระชับขึ้นในช่วงเดือนแรกหลังการร้อยไหม เชื่อว่าเกิดจากการที่ผิวเกิดการบวมและอักเสบจากการสอดไหม อย่างไรก็ตาม ผิวจะกลับสู่สภาพเดิมในเวลาต่อมา อีกทั้งยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเส้นใยคอลลาเจน ที่เชื่อว่ามีการสร้างใหม่จากการร้อยไหมละลายเป็นคอลลาเจนปกติของผิวหนัง หรือเกิดจากแผลพังผืดที่อาจส่งผลต่อผิวหนังในระยะยาวได้ ซึ่งการร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้านั้นมีมานานแล้ว โดยในระยะแรกใช้ไหมชนิดมีเงี่ยง (barb) สอดเข้าไปในความลึกระดับชั้นไขมันใต้ผิวหนังเกี่ยวชั้นใต้ผิวหนังเพื่อล็อกเนื้อเยื่อ ก็จะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าได้ ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยระดับหนึ่ง

ส่วนที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน จะเป็นไหมชนิดไม่มีเงี่ยง (non-barb) โดยจะสอดไหมในระนาบแนวความลึกของชั้นหนังแท้ ใช้เส้นไหมขนาดความยาวตั้งแต่ 2.5-6 มิลลิเมตร จำนวนตั้งแต่ 20 ถึงกว่า 100 เส้น สอดเข้าไปในผิวหนังที่แพทย์ผิวหนังต้องอาศัยทักษะความชำนาญสูง และยิ่งนำไหมทองมาใช้ ซึ่งไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว สิ่งที่ต้องทราบคือ การร้อยไหมทองไม่สามารถแก้ไขหรือเอาออกได้ เนื่องจากทองถูกพังผืดยึดเอาไว้ หากดึงออกมาจะทำให้ผิวบุ๋มจนเสียโฉมได้ ส่วนผลในระยะยาว หากเจ็บป่วยแล้วไม่บอกแพทย์ว่า เคยร้อยไหมทองมาก่อน เมื่อเข้ารับการตรวจด้วยเครื่องมือที่ให้ความร้อน หรือเกิดกรณีรังสีแม่เหล็กวิ่งเข้าสู่ทองซึ่งเป็นโลหะ จะทำให้เกิดความร้อนจนไหม้ ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายมาก เนื่องจากรูปหน้าคนเรามีการเปลี่ยนแปลงทุกวินาที เมื่อร้อยไหมแบบถาวร หากวันหน้ามีการหย่อนคล้อยก็ต้องแก้ไปเรื่อยๆ สิ่งแปลกปลอมก็จะสะสมมากจนเกิดเป็น เนื้องอกขึ้นได้

ว่าไปแล้วมีหลายวิธีที่ช่วยให้ผิวใส กระชับ และปลอดภัย เช่น ทำความสะอาดใบหน้าให้ถูกวิธี ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะกับผิวและวัย รับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และคุณประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ที่สำคัญพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะช่วงเวลาขณะหลับเป็นเวลาที่ผิวฟื้นฟูตนเองให้กลับสดใสแข็งแรง กล้ามเนื้อใบหน้าผ่อนคลายเต็มที่ ไร้ริ้วรอย โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมค่ะ

———

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000044447

เตือนมาเรื่อยๆ น้ำแข็งขั้วโลกใต้ลดลง 10 เท่าในรอบพันปี

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

งานวิจัยล่าสุดชี้น้ำแข็งแอนตาร์กติกาละลายเร็วขึ้นถึง 10 เท่าในรอบ 1,000 ปี (ไลฟ์ไซน์)

งานวิจัยพบคาบสมุทรในทวีปแอนตาร์กติกาแถบขั้วโลกละลายเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าในรอบพันปี โดยการละลายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อมโยงกับภาวะโลกร้อน และการละลายอย่างฉับพลันนี้อาจทำให้ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งที่ยื่นไปในมหาสมุทรพังทลายลงมาได้ ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นหากการละลายยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“สิ่งที่เกิดขึ้นหมายถึงคาบสมุทรแอนตาร์กติกา (Antarctic Peninsula) ได้ร้อนขึ้นระดับที่แม้แต่การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเพียงเล็กน้อยก็นำไปสู่การละลายของน้ำแข็งในช่วงหน้าร้อนได้มโหฬาร” เนริลี อาบรัม (Nerilie Abram) ผู้ร่วมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University) และองค์การสำรวจแอนตาร์กติกอังกฤษ (British Antarctic Survey) กล่าว

อีริค สไตจ์ (Eric Steig) ผู้ร่วมวิจัยและศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) สหรัฐฯ กล่าวว่า การละลายของน้ำแข็งในคาบสมุทรแอนตาร์กติก ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป มีสาเหตุหลักๆ มาจากภาวะโลกร้อนโดยฝีมือมนุษย์ ซึ่งคาบสมุทรดังกล่าวเป็นหนึ่งในสถานที่ร้อนขึ้นเร็วที่สุดในโลก และการวิจัยอื่นๆ ก่อนหน้านี้เผยให้เห็นว่า ฤดูกาลละลายของน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกายาวนานผิดปกติ

เพื่อศึกษาภูมิอากาศในอดีตของแอนตาร์กติกาไลฟ์ไซน์ระบุว่า ทีมศึกษาได้เจาะลึกลงไปถึง 364 เมตรในแกนน้ำแข็งของเกาะเจมส์ รอสส์ (James Ross Island) ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใกล้ปลายตะวันออกเฉียงเหนือของแอนตาร์กติกา โดยแกนน้ำแข็งได้ให้ร่องรอยของอุณหภูมิในอดีตของแอนตาร์กติกา และมีชั้นของของน้ำแข็งที่ละลายในหน้าร้อน และแข็งตัวขึ้นใหม่หลังจากนั้น ซึ่งมองเห็นได้จากแกนน้ำแข็งดังกล่าว ความหนาของของชั้นในแกนน้ำแข็งนี้เผยให้เห็นการละลายของน้ำแข็งในทวีปย้อนไปถึง 1,000 ปีที่ผ่านมา

อาบรัมกล่าวว่า ตอนนี้การละลายของน้ำแข็งในหน้าร้อยอยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 1,000 ปีที่ผ่านมา และในขณะที่ช่วง 200-300 ปีแรกของสหัสวรรษ การละลายของน้ำแข็งก็เพิ่มสูงขึ้นมากครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 โดยการศึกษาของพวกเขาตีพิมพ์ลงวารสารเนเจอร์จีโอไซน์ (Nature Geoscience) ซึ่งบ่งชี้ว่า คาบสมุทรแอนตาร์กติกานั้นอาจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ส่วนภาพจากแกนน้ำแข็งที่เจาะขึ้นมาจากแอนตาร์กติกาตะวันตกนั้นยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก โดยมีลักษณะของอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นมากในอดีตคล้ายๆ กัน แต่ภาพดังกล่าวยังซับซ้อนและยากที่จะหาถึงสาเหตุที่แท้จริงของอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าการละลายของน้ำแข็งที่ฝั่งตะวันตกนั้นเกิดจากสภาพอากาศเอลนีโญเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1990

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000046266

การออกเสียงอ่าน

forvo.com in einstein by walter isaacson
forvo.com in einstein by walter isaacson

จากหนังสือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน
หน้า xix หรือหน้า 19 ก่อนเข้าหน้า 1 ของหนังสือ
ในบท “จากผู้แปล” คือ ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ
เล่าให้ฟังว่า พบศัพท์หลายคำที่ไม่ใช่ภาษาไทย
แต่ต้องเขียนเป็นภาษาไทย จึงใช้บริการของ forvo.com
ออกเสียง และสะกดให้ได้ใกล้เคียงกับที่สุดจากเจ้าของภาษา
เช่น http://th.forvo.com/word/internet/

แชร์ให้เพื่อน
<script type=”text/javascript”
src=”http://th.forvo.com/_ext/ext-prons.js?id=223328″>
</script>


ถ้า download ต้องสมัครสมาชิก

http://th.forvo.com/download/mp3/internet/en/223328

อ่านเรื่อง forvo.com และทดสอบ script ที่เปิด share ของเขาแล้ว
ทำให้เกิดความคิดขึ้นมาว่าน่าจะปรับเว็บเพจ http://www.thaiall.com/listen/
ให้ใช้ได้แบบ spelling bee
เคยทำระบบนี้แต่ใช้เสียงของภรรยา และเด็กที่บ้านเ็ป็นภาษาไทย
ที่ http://www.thaiall.com/quiz/misspell/

p.644 เสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองแตก stroke อายุ 76 ปี

หนังไทย พี่มากพระโขนง มีรายได้ 3 ร้อยกว่าล้าน

อันดับหนังทำเงิน เทียบรายการไทยกับฝรั่ง
อันดับหนังทำเงิน เทียบรายการไทยกับฝรั่ง
เห็นปกนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ บอกว่า พี่มากพระโขนง ทำรายได้แซงโกโบริไปมากมาย ก็มากกว่าถึง 10 เท่า ทำให้ผมสนใจว่า คนไทยดูภาพยนตร์เรื่องอะไรกันบ้าง
พบว่า การทำภาพยนตร์ของไทย ใน 30 อันดับ มีหนังประวัติศาสตร์ 7 เรื่อง มีหนังผีระทึก 4 เรื่อง มีหนังบู้ 3 เรื่อง มีหนังตลก และรัก 16 เรื่อง
แต่ไม่รู้จะเทียบหนังไทยกับหนังฝรั่งอย่างไร เพราะปัจจัยของการดูภาพยนตร์น่าจะอยู่ที่คนดู สำหรับประเทศไทย ผมรู้สึกไปเองว่าประเภทของภาพยนตร์ไทยขึ้นอยู่กับผู้สร้าง เพราะผู้ดูก็จะไปดูทุกเรื่องที่มีให้ดู แต่ผู้สร้างไม่ได้สร้างให้ดูก็คงจะไม่เห็นในรายการจัดอันดับหนังทำเงินของไทย เพราะเห็นความแตกต่างระหว่างรายการหลังไทย กับหนังฝรั่ง  แล้วหนังฝรั่งคนไทยก็ดูนะครับ อย่างรายการ top 50 นั่นผมดูแล้วทุกเรื่อง ส่วนหนังไทยยังดูไ่ม่ครบครับ
อันที่จริงมีคำถามในใจ ว่า “ทำไมคนไทยไปดูหนังเรื่องพี่มากพระโขนง มากถึง 3 ล้านคนเลยเหรอ” เพราะรายได้ 300 ร้อยกว่าล้าน ที่ได้จากผู้ชมคนละร้อย ก็น่าจะมีคนชมกว่า 3 ล้านคน
1. สุริโยไท
2. พี่มากพระโขนง
3. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 1
4. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2
5. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี
6. ต้มยำกุ้ง
7. ATM เออรัก เออเร่อ
8. บางระจัน
9. นางนาก
10. รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ
11. หลวงพี่เท่ง
12. แฟนฉัน
13. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง
14. กวน มึน โฮ
15. สุดเขตสเลดเป็ด
16. มือปืน/โลก/พระ/จัน
17. ลัดดาแลนด์
18. 5 แพร่ง
19. ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ
20. 32 ธันวา
21. องค์บาก 2
22. คุณนายโฮ
23. แหยมยโสธร
24. องค์บาก
25. สตรีเหล็ก
26. แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า
27. สาระแนห้าวเป้ง
28. ก้านกล้วย
29. วงศ์คำเหลา
30. โหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง