ชีวิตประสบผลสำเร็จ ด้วย 10 วิธี

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

1. อย่านอนดึกตื่นสาย

เป็นเรื่องธรรมดาที่หลังจากวันทำงานอันแสนเหน็ดเหนื่อย ใครๆก็อยากนอนแหมะอยู่กับเตียงในช่วงวันสุดสัปดาห์กันแทบทั้งนั้น แต่ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Rush University ในสหรัฐฯ เผยว่าการนอนดึกตื่นสายทำให้ความสามารถในการจดจำลดลง และถ้าช่วงสุดสัปดาห์คุณเอาแต่นอนตื่นสาย มันก็จะส่งผลต่อการทำงานในวันจันทร์ต่อมาอีกด้วย ดังนั้นถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตก็ตั้งนาฬิกาปลุกซะ แล้วก็อย่าจมอยู่กับเตียงนานเกินไปด้วย

2. อย่าหมายคว้าดาวที่สูงเกินไปนัก

แม้เราๆแทบทุกคนจะอยากควงคู่คนสวยๆหล่อๆระดับพระเอกนางเอกซุปเปอร์สตาร์ แต่ผลการวิจัยชี้ว่าการตั้งเป้าหมายจะหาคนรักที่เลิศเลอแตกต่างกับตัวเราเองจนเกินไป มักจะนำไปสู่ความรักแบบปรบมือข้างเดียวได้เท่านั้น ทางที่ดีเราควรมองคนที่อยู่ในระดับที่ใครเคียงกับเราซะจะดีกว่า เพื่อที่ชีวิตของคุณจะได้ไม่ต้องจมอยู่กับความฝันลมๆแล้งๆจากเรื่องแบบนี้ด้วยไงล่ะ

3. เกาะติดเทรนด์

การตามเทรนด์แฟชั่นคงไม่ใช่อะไรที่มีประโยชน์ต่อชีวิตการงานเท่าไหร่นัก แต่การตามเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตการงานจะช่วยทำให้คุณเข้าใกล้ความสำเร็จได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการอ่านข่าวเป็นประจำ ติดตามข่าวสาร กฎเกณฑ์ใหม่ๆที่เพิ่งประกาศใช้ ฯลฯ ให้คุณสามารถเก็บเกี่ยวสิทธิประโยชน์ต่างๆที่คุณควรจะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

4. กินปลาเยอะๆ

มีงานวิจัยจำนวนนับไม่ถ้วนค้นพบว่าการกินปลาช่วยให้คุณฉลาดขึ้นได้ ล่าสุดบทความที่ลงตีมพิมพ์ในนิตยสาร British Journal of Nutrition  ระบุว่าอาหารที่อุดมไปด้วยสาร โอเมกา-3 จะช่วยเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของความคิด และยังเพิ่มอัตราความเร็วของปฏิกิริยาโต้ตอบของร่างกายได้อีกด้วย ดังนั้นถ้าคุณอยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นก็ควรกินปลาที่มีน้ำมันปลาสูงๆอย่างแมคเคอเรล, ทูน่า, หรือปลาแซลมอน

5. ตั้งเป้าหมายในชีวิต

น่าเศร้าที่แค่ความต้องการจะประสบความสำเร็จ ไม่ได้ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จจริงๆได้ ดังนั้นถ้าคุณอยากไปถึงฝั่งฝันก็ควรวางแผนการชีวิตให้เป็นรูปเป็นร่าง ตั้งเป้าหมายแล้วกำหนดเป็นขั้นตอน กำหนดวันที่คุณหวังไว้ว่าจะทำมันได้สำเร็จ เพื่อช่วยเป็นแรงบันดาลใจและดึงให้คุณโฟกัสอยู่ที่เป้าหมายตามที่ได้วาดฝันไว้

6. หารายได้เพิ่ม

พอเราหมายถึงการประสบความสำเร็จ เราไม่ได้หมายความแต่ถึงเรื่องเงิน แต่แน่นอนว่าพลังทางการเงินก็ช่วยให้คุณมีอิสรภาพและความมั่นคงเพียงพอที่จะเรียกได้ว่าคุณประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ถ้าคุณอยากจะมีเงินมากขึ้น ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการจัดการบัญชีรายรับรายจ่ายต่างๆในชีวิต ออมเงินทุกเดือน ลดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นออก

ถ้าทุกคนได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายดูแล้ว คุณก็จะรู้เองว่า ในทุกๆวันคุณต้องหมดเงินไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องมากแค่ไหน ยกตัวอย่างง่ายๆก็เครื่องดื่มน้ำตาลเยอะทุกๆแก้วที่คุณซื้อมากินตอนบ่าย เรียนรู้ที่จะหักห้ามใจตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก ถ้าทำได้ซักเดือนก็ลองเอาไปเปรียบกับเดือนก่อนๆดูซิว่าคุณเก็บเงินได้มากขึ้นแค่ไหน?

7. หาหนุ่ม/สาวในฝัน

ถ้าคุณตัดสินว่าสุขภาพที่ดีกับชีวิตที่ยืนยาวเป็นหนึ่งในปัจจัยของความสำเร็จในชีวิต เห็นทีคุณคงต้องหารักแท้ให้ได้แล้วล่ะ เพราะสถิติเผยให้เห็นว่าอัตราการเสียชีวิตของชายโสดอายุระหว่าง 30-59 ปี สูงกว่าชายที่มีคู่แล้วถึง 2.5 เท่า! ส่วนสาวๆก็คล้ายๆกัน เพราะหญิงโสดก็มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าหญิงที่สละโสดไปแล้วถึง 23% ดังนั้นถ้าคุณอยากจะอยู่บนโลกใบนี้ไปนานๆก็คงต้องหาแฟนดีๆ ซักคนให้ได้นะ

8. ออกกำลังกายกลางสัปดาห์

จริงอยู่ที่พอเลิกงานแล้ว เราๆส่วนใหญ่ก็อยากจะรีบตรงดิ่งกลับบ้านไปพักผ่อน ไม่ก็นั่งดูทีวีรายการโปรด แต่ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย University of Bristol ในอังกฤษค้นพบว่าคนที่ออกกำลังกายในช่วงวันทำงานจะมีความสุขมากกว่าและเครียดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย

9.  เปลี่ยนพฤติกรรม

การมีตังค์เหลือมากขึ้นจะช่วยให้คุณตามไล่ล่าความฝันได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นคุณก็ควรลองเปลี่ยนพฤติกรรมที่ฟุ่มเฟือยๆบางอย่างเพื่อให้เก็บตังค์ได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เลิกไปยิมแพงๆหรูๆแล้วหันไปหาอุปกรณ์ออกกำลังกายไว้ใช้เองที่บ้านหรือตามสวนสาธารณะก็ได้ หรือจะเลิกไปกินอาหารร้านเว่อร์ๆแล้วลองเปลี่ยนมาทำอาหารเองอยู่บ้านดูดีกว่ามั๊ย? สังเกตตัวเองแล้วหาจุดด้อยมาแก้ไขเปลี่ยนพฤติกรรม ให้คุณได้เข้าใกล้ความฝันของคุณได้ไม่มากก็น้อย

10. กลับไปวัยเรียน

ว่ากันว่าชีวิตคือการเรียนที่ไม่สิ้นสุด และถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต คุณก็ต้องไปหาวิชาความรู้เพิ่มเติม ลองไปหาข้อมูลคอร์สเรียนที่เปิดสอนในวิชาที่จะช่วยยกระดับคุณสมบัติและความสามารถของคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาขาวิชาที่ดูดีเป็นที่ต้องการเวลาคุณกรอกข้อมูลลงใบสมัครงานในฝันของคุณ ศึกษาเปรียบเทียบของแต่ละสถาบันดูเพื่อให้ได้คอร์สที่ดูมีคุณภาพและราคาที่เหมาะสมที่สุด

และที่สำคัญที่สุดต้องมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำในสิ่งนั้นๆ นะค่ะ รับรองประสบผลสำเร็จแน่นอนค่ะ


http://lifestyle.th.msn.com/beauty/10-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%88#image=11

ดาราไทยกับอาหารสดในต่างแดน

dog in china
dog in china

ไปเดิน bigc หรือ lotus ในแผนกอาหารสด ก็เห็นแต่สัตว์ที่ตายแล้วเต็มไปหมด ปลาหมึก หมู วัว ไก่ ปลา ก็เห็นจะมีปลาบางตัวที่ยังว่ายน้ำอยู่ หากท่านใดสนใจก็จะชี้ปลาตัวนั้น ผมว่านั่นสดจริง ๆ

ย้อนนึกถึงสุนัขที่คนไทยบางกลุ่มส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นลำรถที่เดียว และออกเป็นข่าวบ่อย ๆ เนื่องจากคนไทยไม่นิยม เมื่อค้นดูก็พบว่ามีการห้อยสุนัขเหมือนเป็ด เหมือนไก่ เหมือนข้าวขาหมู ก็คงเป็นอาหารที่ไม่สด เนื่องจากไม่ได้ฆ่าสัตว์นั้นตรงนั้น แล้วกินกันเลย แต่มีการฆ่าแล้วก็หั่นเอาเฉพาะส่วนที่น่าทานเสิร์ฟไปยังร้านอาหารต่าง ๆ ก็คงเหมือนกับ KFC หรือ MK หรือ PIZZA หรือ Shabushi หรือ Santafe ที่ต้องฆ่าสัตว์นั้น ๆ ก่อน แล้วก็คงแช่แข็งไว้ หากมีลูกค้าสั่งถึงจะนำออกมาวางให้หยิบเข้าปาก

เคยมีรายการเที่ยวต่างประเทศ ที่ดาราไปเกาหลีแล้วเข้าร้านเปิปพิสดาร ทานปลาหมึกลวก (live octopus) ประเด็นที่น่าสนใจคือ ปลาหมึกตัวนั้นยังไม่ตาย ยังสด ๆ แล้วดาราคนนั้นก็ทานไม่ลง แต่คนในร้านทานกันอย่างเอร็ดอร่อย เรียกว่าวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่แตกต่างกัน ซึ่งดาราไทยปรับตัวไม่ได้ในระหว่างท่องไปในต่างแดน

ผมเองก็ทานอาหารสด จำไ้ด้ว่าเคยไปกว้านพะเยา แล้วมีแม่ค้าเอากุ้งเต้นมาขาย ใส่กล่องโฟมแบบยำแล้ว ราคาประมาณ 30 บาทในสมัยนั้น บางตัวก็เต้นอยู่ แต่เพราะอยู่กับพริก จึงทะยอยหยุดเต้นจนเหลือมีชีวิตอยู่ไม่กี่ตัว .. ภาคหลังไ้ด้ค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ได้ข้อมูลว่าในกุ้งเต้นมีพยาธิปริมาณมาก และอาจเป็นเหตุของโรคภัยสารพัด จึงต้องหยุดเป็นลูกค้าในเวลาต่อมา

http://dailykimchi.com/buzz/china-food-festival-over-15000-dogs-on-the-menu/

ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน

ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน 9786165154147
ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน 9786165154147

หน้าก่อนหน้า ix
ข้อความในจดหมายที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เขียนถึงลูกชาย เอดูอาร์ด ไอน์สไตน์
ว่า “ชีวิตเหมือนการขี่จักรยาน
ถ้าไม่อยากล้ม ลูกต้องขี่ไปข้างหน้าเรื่อย ๆ อย่าหยุด

ได้หนังสือ ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน
Albert Einstein by Walter Isaacson
ชีวประวัติ และจักรวาล (ฉบับสมบูรณ์)
His Life and Universe

ที่แปลโดย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ และคณะ
ซึ่ง อ.อัศนีย์ ณ น่าน รับประสานให้บุคลากร และจัดซื้อราคาพิเศษ
ราคาตามปกคือเล่มละ 495 บาท
ได้หนังสือวันที่ 9 เม.ย.56
หนังสือพิมพ์ครั้งแรก มี.ค.56
ในเล่มภาษาอังกฤษนั้น พิมพ์ครั้งแรก เม.ย.50
เล่มแปลมีเลขหน้าถึงหน้าที่ 763 จากทั้งหมด 816 หน้า
มีทั้งหมด 25 บท เขียนคำนิยมโดย

1. ว.วชิรเมธี มหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์
2. ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน
3. คุณสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการ

เล่มนี้ isaacson เขียนเสร็จก่อนเล่ม Steve Jobs
แต่สำนักพิมพ์ Nation books แปลเล่มของ Steve Jobs ก่อน
แล้วตามมาด้วยการแปลเล่มนี้

สารบัญ
บุคคลสำคัญในเรื่อง
บทที่ 1 บุรุษผู้ท่องไปกับลำแสง
บทที่ 2 วัยเด็ก, ปี 1879 – 1896
บทที่ 3 ซูริกโพลีเทคนิค , ปี 1896 – 1900
บทที่ 4 คู่รัก, ปี 1900 – 1904
บทที่ 5 ปีมหัศจรรย์: ควอนตัม และโมเลกุล, ปี 1905
บทที่ 6 ทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ, ปี 1905
บทที่ 7 ความคิดอันแสนสุข, ปี 1906 – 1909
บทที่ 8 ศาสตราจารย์ผู้ร่อนแร่, ปี 1909 – 1914
บทที่ 9 ทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไป, ปี 1911 – 1915
บทที่ 10 หย่า, ปี 1916 – 1919
บทที่ 11 เอกภพของไอน์สไตน์, ปี 1916 – 1919
บทที่ 12 ดังกระฉ่อน, ปี 1919
บทที่ 13 ไซออนิสต์พเนจร, ปี 1920 – 1927
บทที่ 14 รางวัลโนเบล, ปี 1921 – 1927
บทที่ 15 ทฤษฎีสนามรวม, ปี 1923 – 1931
บทที่ 16 เข้าสู่วัย 50, ปี 1929 – 1931
บทที่ 17 พระผู้เป็นเจ้าของไอน์สไตน์
บทที่ 18 ลี้ภัย, ปี 1932 – 1933
บทที่ 19 สหรัฐอเมริกา, ปี 1933 – 1939
บทที่ 20 การพัวพันเชิงควอนตัม, ปี 1935
บทที่ 21 ระเบิดปรมาณู, ปี 1939 – 1945
บทที่ 22 พลเมืองของโลกเพียงหนึ่งเดียว, ปี 1945 -1948
บทที่ 23 เด่นดัง, ปี 1948 -1953
บทที่ 24 หวาดกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์, ปี 1951 -1954
บทที่ 25 วาระสุดท้าย, ปี 1955
บทส่งท้าย สมองและความคิดของไอน์สไตน์

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (เยอรมัน: Albert Einstein) (14 มีนาคม พ.ศ. 2422 – 18 เมษายน พ.ศ. 2498) เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวที่มีสัญชาติสวิสและอเมริกัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัม สถิติกลศาสตร์ และจักรวาลวิทยา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ในปี พ.ศ. 2464 จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก และจาก “การทำประโยชน์แก่ฟิสิกส์ทฤษฎี”

http://en.wikipedia.org/wiki/Albert_Einstein

http://bit.ly/14IVcmx
http://www.se-ed.com/eShop/Products/ProductList.aspx?CategoryId=5408&AspxAutoDetectCookieSupport=1

ถ่ายคลิ๊ปรูปถ่ายหมู่มหาฯ

มหาบัณฑิต ในพิธีประสาทปริญญาบัตรกลางแจ้ง
มหาบัณฑิต ในพิธีประสาทปริญญาบัตรกลางแจ้ง

21 ธ.ค.55 เป็นครั้งที่ 20 ที่มหาวิทยาลัยเนชั่นจัดพิธีประสาทปริญญาบัตรบัณฑิต และมหาบัณฑิต ณ ลานกลางแจ้ง ในมหาวิทยาลัย ริมอ่างตระพังดาว และเป็นปีแรกที่ใช้ชื่อมหาวิทยาลัยเนชั่น หลังรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเซ็นอนุมัติการเปลี่ยนชื่อจาก มหาวิทยาลัยโยนก เป็นมหาวิทยาลัยเนชั่น เมื่อวันที่ 28 พ.ย.54

โดยภาพนี้เป็นภาพหมู่ของมหาบัณฑิต ที่ใช้ชื่อมหาวิทยาลัยเนชั่นเป็นรุ่นแรก โดยมี คุณสุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่น คุณเสริมสิน สมะลาภา และ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เป็นเกียรติ และ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธี

ของขวัญ..ที่มาจากใจ

“ของขวัญ” อย่างที่ทราบกันว่าเราจะมอบให้กันในวาระพิเศษต่าง ๆ เช่น แสดงความยินดีในโอกาสต่าง ๆ  หรือวันปีใหม่  วันเกิด วันวาเลนไทน์… ซึ่งแต่ละโอกาสก็จะพยายามสรรหาของขวัญที่แตกต่างกันออกไป  ซึ่งแน่นอนผู้ได้รับย่อมมีความยินดี ปลาบปลื้มค่ะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

และในวันนี้เราจะมาพูดถึงของขวัญที่สามารถมอบให้กันได้ทุกวัน  ไม่ต้องรอมอบในช่วงเทศกาล   เราสามารถมอบให้กันได้ตลอดทั้งปี และเมื่อเรามอบของขวัญนี้แล้ว ผู้รับเกิดคุณค่ามากมายมหาศาลเลยทีเดียวค่ะ  ไม่ยากเลยค่ะ ลองอ่านต่อเลยนะค่ะ

ของขวัญจาก “การฟัง” จงตั้งใจฟังผู้อื่นให้มาก อย่าขัดจังหวะการพูด หรือขัดคอคนอื่น พูดให้น้อย ฟังให้มาก

ของขวัญจาก “ภาษากาย “ อย่าอายที่จะแสดงความรักแก่ครอบครัว หรือเพื่อนของคุณ การแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ที่บอกให้พวกเขารู้ถึงความสนิทสนมที่คุณมีให้ จับมือ โอบไหล่ สวมกอด หอมแก้ม ฯลฯ

ของขวัญจาก “ความเบิกบาน” แบ่งปันเสียงหัวเราะ และความสนุกสนานให้คนรอบข้าง มีเรื่องสนุก อย่าแอบหัวเราะคนเดียว

ของขวัญจาก “การเขียน” กระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือของคุณเอง เช่น ฉันรักคุณจังเลย ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ จะสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับคนอ่านได้ไม่น้อย

ของขวัญจาก “คำชม” ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ไม่ว่าใครก็อยากจะได้รับคำชม เช่น ผมทรงนี้ดูดีจัง กับข้าวอร่อยมากเลยนะ

ของขวัญจาก “ความมีน้ำใจ” ความจริงพวกเราทุกคนล้วนมีน้ำใจ สภาพสังคมที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันอยู่ตลอด ทำให้น้ำใจของหลายคนเกิดอาการหลับใน การแบ่งปันให้กัน จะทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้น

ของขวัญจาก “เวลาส่วนตัว” บางเวลาคนเราก็อาจอยากอยู่เงียบๆ ตามลำพัง อย่าลืมเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว เมื่อเขาต้องการ

ของขวัญจากการ “ให้กำลังใจ” คนเรายามที่จิตใจท้อแท้ ก็เหมือนรถน้ำมันหมด ช่วยเติมกำลังใจให้คนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาส ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวก็มีทางแก้ ยากกว่านี้ เธอยังทำได้เลย สักวันรถคุณเองก็อาจจะขาดน้ำมันเหมือนกันก็ได้

ของขวัญจาก “มธุรสวาจา” คำพูดดีๆ ทำให้เกิดความประทับใจต่อกันได้ดี อย่าลืมคำพื้นฐานอย่าง ขอบคุณ ขอโทษ คุณอยากฟังคำพูดดีๆ คนอื่นเขาก็เหมือนกัน

ช่วยกันมอบของขวัญที่มาจากใจให้กันและกันทุกวันนะค่ะ….โลกของเราจะได้มีแต่รอยยิ้ม..

http://variety.teenee.com/foodforbrain/51951.html

อึ้ง…พบเชื้อ HIV-HPV เพิ่มทุกปี “ออรัลเซ็กซ์” น่าห่วง

ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ เผยยอดชายซั่มชายใน กทม.มีสิทธิสูงกว่า 2 แสนราย พบสถิติติดเชื้อ HIV มากขึ้นทุกปี และ 85% มักพบเชื้อ HPV ร่วมด้วย เสี่ยงการเป็นมะเร็งปากทวารหนัก ด้านออรัลเซ็กซ์ก็น่าห่วง มีสิทธิเกิดมะเร็งในช่องปากและลำคอหากไม่สวมถุงยางอนามัย แนะผู้มีความเสี่ยงตรวจคัดกรอง ด้านแพทย์ศิริราชชี้ฉีดวัคซีนช่วยลดอัตราการติดเชื้อใหม่ได้ และป้องกันมะเร็งได้ 78%

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่คลินิกนิรนาม ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย พญ.นิตยา ภานุภาค พึ่งพาพงศ์ รองหัวหน้าหน่วยวิจัย SEARCH ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ กล่าวในการแถลงข่าว “ชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย เสี่ยงเป็นมะเร็งปากทวารหนักจากไวรัส HPV” ว่า เชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) มีจำนวนมากกว่า 100 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นเชื้อต้นเหตุของหูด โดยมีจำนวน 40 สายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะเพศและทวารหนัก หากเป็นชนิดที่มีความเสี่ยงสูงจะมีประมาณ 13-15 สายพันธุ์ โดยการติดเชื้อ HPV ชนิดความเสี่ยงสูงแบบเรื้อรัง จะทำให้กลายเป็นเซลล์ระยะก่อนเป็นมะเร็ง ทั้งนี้ ในผู้หญิงพบว่ามีการติดเชื้อ HPV จนเกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกในอัตรา 9.9 คนต่อแสนประชากร ช่องคลอดอัตรา 0.5 คนต่อแสนประชากร และทวารหนัก 2.5 คนต่อแสนประชากร ขณะที่ผู้ชายพบเชื้อ HPV จนเกิดเป็นมะเร็งปากทวารหนักในอัตรา 1.6 คนต่อแสนประชากร และในองคชาติอัตรา 1 คนต่อแสนประชากร แม้อัตราส่วนมะเร็งปากทวารหนักจากเชื้อ HPV ในผู้หญิงจะพบมากกว่าผู้ชาย แต่เมื่อดูในรายละเอียดแล้วจะพบว่าผู้ชายที่เป็นมะเร็งปากทวารหนัก ร้อยละ 70-90 เป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย

“จากสถิติของกรมควบคุมโรค ประมาณการว่าชายไทยอายุ 15-49 ปี เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายขั้นต่ำประมาณ 3% แต่ถ้าใน กทม.ตัวเลขประมาณการอาจจะสูงกว่านี้ อาจจะอยู่ที่ 2 แสนกว่าราย ที่สำคัญพบว่าชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายพบการติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่ผู้หญิงติดเชื้อ HIV จากสามีลดลง นอกจากนี้ ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและติดเชื้อ HIV นั้นพบว่า จะมีการติดเชื้อ HPV ทุกชนิดร่วมด้วยถึง 85% เป็นเชื้อ HPV ชนิดที่มีความเสี่ยงสูง 58% หากเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็งขั้นต่ำสามารถหายเองได้ แต่หากเป็นขั้นสูงจะมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งปากทวารหนักในที่สุด” พญ.นิตยา กล่าว

พญ.นิตยา กล่าวอีกว่า เชื้อ HPV สามารถติดต่อกันได้ทางสัมผัส ที่สำคัญผู้ชายเป็นพาหะของเชื้อ HPV ทำให้เวลามีเพศสัมพันธ์มีโอกาสติดต่อได้ หากไม่มีการป้องกันที่ดี โดยเฉพาะบริเวณปากมดลูกและปากทวารหนัก เพราะเป็นโซนที่เซลล์มีการเปลี่ยนชนิดจากเยื่อบุเป็นผิวด้านนอก จึงเป็นแหล่งที่เชื้อชอบเข้าไปสะสม ทั้งนี้ ผู้ที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ขอให้ทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากทวารหนัก (Anal Pap Smear) ซึ่งเป็นวิธีเก็บเซลล์มาตรวจหาความผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณของรอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็ง หากพบว่าผิดปกติจะมีการตรวจต่อว่า มีความผิดปกติในช่วงใดจากนั้นจะทำการรักษาที่บริเวณนั้นก่อนลุกลามกลายเป็นมะเร็ง เพราะโอกาสการเป็นมะเร็งภายใน 1 ปี หากเป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายจะมีโอกาส 1 ใน 600 คน หากไม่ใช่กลุ่มดังกล่าวจะมีโอกาสเพียง 1 ใน 4,000 คน เท่านั้น ซึ่งการรักษาสามารถทำได้ด้วยการใช้เครื่องจี้อิฟราเรด หรือการแต้มกรด TCA ฯลฯ

“ที่น่าห่วงคือการเกิดมะเร็งในช่องปากและลำคอจากเชื้อ HPV ซึ่งเกิดการจากมีเพศสัมพันธ์ทางปาก (ออรัลเซ็กซ์) ซึ่งในเร็วๆ นี้ จะพยายามเร่งผลักดันให้มีการตรวจคัดกรองมะเร็งในช่องปากและลำคอจากเชื้อ HPV ด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นชายมีเพศสัมพันธ์กับหญิง หรือกับผู้ชายด้วยกันเอง ขอให้มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ด้วยการใส่ถุงยางอนามัย แม้แต่การทำออรัลเซ็กซ์ก็เช่นกัน ควรใส่ถุงยางอนามัยเพื่อความปอลดภัยด้วย” พญ.นิตยา กล่าว

รศ.นพ.มงคล เบญจาภิบาล ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชายสามารถลดอัตราการติดเชื้อได้ และมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากทวารหนักสูงถึงร้อยละ 78 อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนเป็นเพียงการป้องกันและลดโอกาสการติดเชื้อใหม่ ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาหรือช่วยลดเชื้อเดิมที่มีอยู่ ที่สำคัญเป็นวัคซีน HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ดังนั้น การตรวจคัดกรองยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีน เพราะยังมีโอกาสติดเชื้อ HPV สายพันธุ์อื่นได้เช่นกัน

http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9560000040418

ช้างเผือก หรือสาวงาม ก็ล้วนงามตา

โบราณว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง

สาวลาวบนปก นิตยสารมหาชน (Mahason Magazine) ของลาว ก็งามเพราะแต่ง

สาวลาวในปีใหม่ลาว 2556
สาวลาวในปีใหม่ลาว 2556 #158

http://www.facebook.com/mahasonmagazine

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10151362502959149&set=a.10151362502159149.1073741831.104039739148

http://www.thailandmagazinedirectory.com/LAO-MAGAZINES-DIRECTORY/MAHASON-MAGAZINE-LAO.html

คนลาวก็มีวัฒนธรรมดั่งเดิมไม่ต่างกันคนไทยมากนัก
คนลาวก็มีวัฒนธรรมดั่งเดิมไม่ต่างกันคนไทยมากนัก #158

heraine honey ในนิตยสารฉบับ 134
heraine honey ในนิตยสารฉบับ 134

Heraine Honey Mahason Magazine Issue #134

http://www.facebook.com/photo.php?fbid=10150649667474149&set=a.10150649666834149.389696.104039739148

สิ่งมีชีวิตที่มีสีสันแปลกไปจากเดิม .. เราก็มักจะให้ความสนใจ


ช้างที่สีดำ พอจับทาสีขาวหรือชมพู .. ก็ดูดีและถูกชื่นชม
เจ้าของช้างรู้ว่า ถ้าทาสีช้างแล้ว จะทำให้ผู้ชมการแสดงช้างมีความสุข
เจ้าของช้างก็ต้องทำ .. เพราะทำแล้วมีผู้ชม และให้อาหารช้าง

ช้างแต่งตัว ทาสี แล้วก็ดูดี บ้างก็เรียกว่าช้างเผือก
ช้างแต่งตัว ทาสี แล้วก็ดูดี บ้างก็เรียกว่าช้างเผือก

9 เม.ย.56 ผมพบช้างเผือก 3 เชือก
เดินแถวศาลากลางเก่าจังหวัดลำปาง
ซึ่งก่อนหน้านี้ในหนังสือพิมพ์พูดถึงช้างจากสุรินทร์
แต่เป็นข่าว และเรื่องราวที่แตกต่างกัน โดยสิ้นเชิง
http://qq.seedang.com/stories/48099

ข้อดี ข้อเสียของกาแฟที่มีต่อสุขภาพ

วันนี้เรานำความรู้มาบอกถึงข้อดี ข้อเสียของกาแฟที่มีต่อสุขภาพของคุณมาบอกค่ะ เพราะปัจจุบันนิยมดื่มกาแฟกันอย่างแพร่หลาย   วันนี้เราได้นำข้อดี ข้อเสียของกาแฟที่มีต่อสุขภาพมาให้ทุกๆ ได้อ่านกันค่ะ

กาแฟร้อน
กาแฟร้อน

เริ่มจากผลดีกันก่อนเลยค่ะ
ผลที่มีต่อถุงน้ำดี จากการที่ทำการวิจัยโดยอาสาสมัครชาย 45,000คน ดื่มกาแฟวันละสองแก้วต่อวัน จะสามารถลดการเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้ถึง 40% และถ้าดื่มวันละ สี่แก้วสามารถลดได้ถึง 45% เลยทีเดียว โดยกาแฟที่ดื่มเข้าไปนั้นจะเข้าไปป้องกันการตกตะกอนของคลอเรสเตอรอล ลดการดูดซึมของเหลวเพิ่ม การไหลของน้ำดีที่กรวยไต ซึ่งทั้งหมดเป็นสาเหตุของการยับยั้งการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี

ลดการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่ดิื่มกาแฟวันละสี่แก้ว จะสามารถลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ถึง 24% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มกาแฟเลย เพราะกาแฟจะไปกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่ผลิตสารที่มีผลยับยั้งการก่อตัวของเนื้อเยื่อที่กลายพันธุ์จากเซลล์ธรรมดากลายไปเป็นเซลล์มะเร็์ง และในกาแฟยังสามารถยับยั้งการเติบโตของจุลินทรีย์ในลำไส้อันเป็นต้นเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งอีกด้วย

บรรเทาอาการปวดศีรษะ สารคาเฟอีนมีส่วนสำคัญที่สามรถบรรเทาอาการปวดต่างๆ ได้ แต่สารคาเฟอีนในกาแฟเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะยับยั้งอาการปวดหัวได้ แต่ถ้าคุณรับประทานพร้อมกับยาแก้ปวด ก็จะมีผลช่วยบรรเทาอาการปวดได้อย่างรวดเร็วขึ้น

มาพูดถึงข้อสียกันบ้างนะค่ะ
เมื่อคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วในกระเพาะอาหารและลำไส้ แล้วกระจายไปตามอวัยวะต่างๆ เช่น สมอง หัวใจ ไต ตับ ปอด กล้ามเนื้อต่างๆ และระบบประสาทส่วนกลาง ร่างกายต้องใช้เวลากว่า 48 ชั่วโมงในการสลายคาเฟอีนถ้าร่างกายไดรับคาเฟอีนจำนวนสูงประมาณ 3,000-10,000 มิลลิกรัมจะทำให้ตายในระยะเวลาอันสั้นได้

ถ้าเราดื่มกาแฟประมาณ 1/2-2 1/2 ถ้วย จะกระตุ้นประสาทให้ตื่น ลดความเหนื่อยล้าได้ประมาณครึ่งวัน หรือดื่มกาแฟขนาด3-7 ถ้วย ทำให้มือสั่น กระวนกระวาย โกรธง่ายและปวดศีรษะ มีผลต่อหัวใจและเส้นเลือด คือทำให้กล้ามเนื้อของหลอดเลือดคลายตัวหรือบีบรัดมากขึ้น
เป็นบางแห่ง กระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจ อาจเพิ่มหรือลดอัตราการเต้นของหัวใจ อันตรายแก่ผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจที่ดื่มกาแฟมากๆ จะทำให้ กล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นหย่อมๆ
คาเฟอีนยังมีผลทำให้น้ำตาลในเลือดสูง ไตรกลีเซอร์ไรด์สูง กรดไขมันอิสระสูง จึงไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือมีไขมันในเลือดสูง ฤทธิ์ของคาเฟอีนเพิ่มการหลั่งของกรดในกระเพาะจึงไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตไม่ทำงาน

จะเห็นได้ว่ากาแฟนั้นมีทั้งผลดีและผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นผู้ที่ไม่ได้อยู่ในข่ายต้องห้ามก็อาจดื่มเป็นประจำทุกวันได้ แต่ต้องจำกัดปริมาณ ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

http://i-lovecoffee.blogspot.com/2009/03/blog-post_9017.html

เคล็ดลับ..เรียนเก่ง

เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคน หัวไม่ดี แต่เรียนเก่ง? ตัวเราเองก็พอฟัดพอเหวี่ยงกะเพื่อนคนนี้ แต่เขามักจะได้คะแนนสอบ หรือเกรดดีกว่าเราเสมอๆ มันมีความลับอะไรซ่อนอยู่ในกอไผ่? วันนี้นายติวฟรีจะมาแฉให้หมดเปลือกเลยว่า ความลับนั้นคืออะไร ด้วยเทคนิคสั้นๆ 7 ข้อนี้ เกิดมาหัวไม่ดีก็สามารถเรียนเก่งได้ หากเราปฎิบัติตามเคล็ดลับสั้นๆ 7 วิธีนี้ เรียนเก่งได้ไม่ยาก เกรดดีๆอยู่แค่เอื้อมแล้ว

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

1. นอนให้เพียงพอ
เป็นการเริ่มต้นข้อแรกสำหรับวิธีเรียนเก่งที่เรานำมาแนะนำกันวันนี้ เราต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง/วัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้ว่าหากเราต้องตื่นตอนเช้าต้องเข้าโมงไม่เกินกี่โมง แต่ทั่วๆ ไปโดยเฉลี่ยแล้วจะไม่เกิน 5 ทุ่ม เพราะหากเราพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้สมองไม่โลดแล่นและหากเราเข้านอนและตื่นตรงเวลาทุกวันจะทำให้เกิดความเคยชินและไม่อ่อนเพลีย สมองสามารถทำงานได้เต็มที่ ส่วนอีกอย่างก็สำคัญมาก ๆ ก็คือ ต้องทานอาหารเช้าทุกวัน เพื่อร่างกายจะได้มีพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างวัน

2. การปฏิบัติตัวเมื่ออยู่ในห้องเรียน
แนะนำว่าใหเลือกที่นั่งด้านหน้าและใกล้คุณครูให้มากที่สุดเป็นดีเพราะหากเรานั่งด้านหลังอาจจะโดนเพื่อน ๆชวนคุย รบกวนสมาธิได้ หรือ หาก นั่งข้างหน้าต่าง หรือ ข้างประตู อาจทำให้เราสนใจสิ่งต่าง ๆด้านนอกมากกว่าบทเรียนในห้องเรียน และหากมีข้อสงสัย “อย่าอาย” ที่จะถามอาจารย์ เพื่อที่จะได้คำตอบในสิ่งที่เราไม่รู้ได้อย่างถูกต้อง

3. ตาดู หูฟัง มือเขียน
กล่าวคืออันดับแรกเราต้องมีสมาธิในการฟังเสียก่อน หลังจากนั้นก็ทำความเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์พูด เสร็จแล้วก็จดสิ่งที่เราเข้าใจลงไปในสมุด กันลืม แต่ไม่ควรฟังไปเขียนไป เพราะเราจะไม่มีเวลาทำความเข้าใจ และไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่เราจดมานั้นหมายความว่าอย่างไรวิธีเรียนเก่งวิธีนี้ ได้ผลแน่นอน รับรอง

4. การเตรียมตัวสำหรับชั่วโมงต่อไป
เป็นวิธีเรียนเก่งที่ได้มาจากเจ้าของเกียตนิยมอันดับหนึ่งมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ อันดับแรก ในจดโน้ตหัวข้อที่เรายังไม่เข้าใจในคาบนี้เก็บไว้ถามอาจารย์ในคาบหน้า เสร็จแล้วเขียนเป็นหัวข้อใหญ่ ๆ ว่าวันนี้เรียนอะไรไปบ้างเผื่อที่จะสามารถกลับไปทบทวนบทเรียนที่เรียนมาในวันนี้ที่บ้านได้ และต้องตัดความไม่สบายใจ หรือ เรื่องที่ค้างคาใจในชั่วโมงก่อนหน้านี้ให้หมด

5.จุดประสงค์ของหลักสูตร
ก่อนอื่นเราต้องทราบก่อนว่าหลักสูตรในชั่วเรียนนั้น ๆ มีจุดประสงค์เพื่ออะไรเราจะได้รู้ว่าเราควรเรียนอะไร เพื่อนบรรลุจุดประสงค์ของหลักสูตรนั้น ๆ

6. จับประเด็น
ควรสังเกตว่าอาจารย์เน้น หรือย้ำคำไหนเป็นพิเศษ ตรงไหนที่อาจารย์ย้ำมากกว่าหนึ่งรอบ และหัวข้อไหนที่อาจารย์บอกว่าจะออกสอบให้บันทึกไว้เพื่อจะได้กลับเป็นทบทวนเป็นพิเศษและอย่าลืมสังเกตแบบฝึกหัดที่อาจารย์ให้มาทำที่บ้าน เพราะนั่นก็คือแนวข้อสอบเช่นกัน

7. อย่ามีอคติกับผู้สอน
เพราะจะทำให้ เราไม่อยากเรียนวิชานั้น ๆ จะรู้สึกว่าการเรียนในชั่วโมงนั้นน่าเบื่อหน่าย ซึ่งจะทำให้มีผลต่อคะแนน และความเข้าใจของเราเอง เราควรปรับใจเพื่อทำให้การเรียนของเราออกมาสมบูรณ์ที่สุด

http://www.tewfree.com/7-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%87/

สถาบันมะเร็งฯ เร่งศึกษายีนมนุษย์..ไวต่อสารก่อมะเร็ง

สถาบันมะเร็งฯ เร่งศึกษายีนมนุษย์มีความไวต่อสารก่อมะเร็งอย่างไร เชื่อบางคนมียีนกำจัดได้ ชี้เหมือนคนสูบบุหรี่ทั้งชีวิตแต่ไม่เป็นมะเร็ง ย้ำยังคงต้องระวังอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง ทั้งไส้กรอกอีสาน กุนเชียง ปลาร้า หมูปิ้ง หมูกระทะ ระบุทานได้แต่อย่าเยอะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เปิดเผยว่า แม้โรคพยาธิใบไม้ตับจะเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งตับและโรคมะเร็งท่อน้ำดี แต่ตัวการที่สำคัญคือ สารก่อมะเร็งที่อยู่ในอาหารหรือที่เรียกว่าสารดินประสิว (สารไนโตรซามีน) เพราะการวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า เมื่อหนูมีการติดพยาธิใบไม้แล้วโอกาสการเป็นมะเร็งมีน้อย แต่หากได้รับสารก่อมะเร็งร่วมด้วยหนูจะเป็นมะเร็งทันที ดังนั้น การรับประทานอาหารนอกจากจะต้องระวังเรื่องพยาธิใบไม้ ซึ่งอยู่ในปลาน้ำจืดดิบแล้ว ยังต้องระวังอาหารที่ใส่สารดินประสิวด้วย เช่น ไส้กรอกอีสาน กุนเชียง ปลาร้า เป็นต้น

“หากจะรับประทานปลาร้าต้องทำให้สุกก่อน เพราะพยาธิสามารถอยู่ในตัวปลาร้าได้นานถึง 6 เดือน แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายของคนแล้วกลับสามารถอยู่ได้นานเป็นปี บางคนอาจคิดว่ารับประทานเข้าไปครั้งเดียวคงไม่เป็นไร แต่ปลาบางตัวมีไข่พยาธิเป็นหมื่นๆ ฟอง เมื่อมันเข้าไปก็จะสร้างลูกหลานออกมา ผ่านไป 30-40 ปี ตัวมันก็ใหญ่และอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ เพราะแม้จะรับประทานน้อยก็ยังถือว่ามีความเสี่ยง” ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าว

นพ.ธีรวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับสารก่อมะเร็งมีโอกาสก่อให้เกิดเป็นมะเร็งได้มากน้อยเพียงใด ต้องดูที่ปริมาณและความถี่ในการทาน คือต้องทานบ่อยและปริมาณมาก แต่ไม่ใช่ทานทีเดียวแล้วจะเป็น เพราะร่างกายจะสามารถขับสารก่อมะเร็งออกมาได้ แต่ถ้าทานบ่อยๆ ก็จะเข้าไปสะสมเรื่อยๆ โดยเฉพาะทุกวันนี้ในชีวิตประจำวันเรามีสารก่อมะเร็งเยอะ หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง แต่ถ้าจำเป็นก็อย่าทานบ่อย เหมือนบุหรี่ที่สูบเข้าไปครั้งเดียวไม่เป็นไร แต่ถ้าสูบเข้าไปนานๆ ก็จะมีโอกาสเป็นมะเร็ง

“อย่างหมูปิ้ง หมูกระทะ ก็จะมีสารก่อมะเร็งจากการที่ไขมันหรือโปรตีนของเนื้อถูกเผาไหม้ หรือที่เรียกว่าสารเฮเทอโรไซคลิก ดังนั้น ข่าวที่ว่ามีถ่านชนิดใหม่ปลอดมะเร็ง เพราะไม่มีควันแสดงว่าเป็นความเข้าใจผิด เพราะสารก่อมะเร็งเกิดจากความร้อน นอกจากการปิ้งย่างแล้ว การรมควันก็ถือว่าไม่ดี เพราะมีสารก่อมะเร็งอยู่เช่นกัน หากจะรับประทานอาหารที่ปรุงจากการรมควันก็ไม่ควรทานบ่อยหรือเยอะ อย่างต่างประเทศตอนนี้ก็มีการรณรงค์อยู่” นพ.ธีรวุฒิ กล่าว

นพ.ธีรวุฒิ กล่าวด้วยว่า โรคมะเร็งนั้นไม่ได้มีแต่ปัจจัยเฉพาะอาหารเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับยีนส์ของแต่ละคนด้วย เพราะทุกวันนี้เราไม่รู้ว่ายีนส์ของแต่ละคนมีความไวต่อสารก่อมะเร็งเป็นอย่างไร บางคนอาจมียีนที่กำจัดสารก่อมะเร็งได้ เหมือนคนที่สูบบุหรี่จนแก่ทำไมถึงไม่เป็นมะเร็ง แต่คนที่สูบไม่นานกลับเป็นมะเร็ง ซึ่งตอนนี้สถาบันมะเร็งแห่งชาติกำลังมีการศึกษาในเรื่องนี้อยู่ร่วมกับญี่ปุ่น สถาบนวิจัยจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา

“ในอนาคตเราอาจรู้ได้ว่าคนไหนมียีนที่มีความไวต่อมะเร็ง เพราะทุกวันนี้ทุกคนได้รับสารก่อมะเร็งกันหมด แต่บางคนอาจมียีนที่สามารถกำจัดสารก่อมะเร็งได้ ลักษณะเหมือนกับการแพ้ยา ทำไมบางคนแพ้ บางคนไม่แพ้ ซึ่งตอนนี้ก็มีการศึกษาอยู่ เพื่อนำมาใช้เช็กยีนส์ว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ เพราะการสกรีนดังกล่าวมีราคาแพงมาก” ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าว

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000042463