“ไม่พอใจอะไรก็โพสต์” ค่านิยมใหม่

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

วิจัยพบการกระหน่ำโพสต์ระบายความรู้สึกด้วยถ้อยคำรุนแรง หรือแสดงความกราดเกรี้ยวผ่านทางอินเทอร์เน็ตไม่ได้ช่วยให้จิตใจดีขึ้น แต่กลับทำให้จมอยู่กับปัญหา หรือความรู้สึกแย่ๆ นานมากขึ้นแทน

เป็นค่านิยมของสังคมยุคใหม่ไปเสียแล้ว กับการพบเจอเรื่องราวใดๆ ที่ไม่พอใจ ถูกแซงคิว รถถูกปาดหน้า ฯลฯ หรือถูกทำให้โกรธ ผิดหวัง ก็มาโพสต์ระบายอารมณ์กันบนโลกออนไลน์ ซึ่งหลายคนยอมรับว่าทำไปแล้วก็ได้รับความพอใจกลับมา บางครั้งอาจมีสะใจเล็กๆ เสียด้วยซ้ำ แต่นั่นเป็นหนทางแก้ไขปัญหาหรือเปล่า คำตอบคือ คงไม่ใช่ และอาจไม่ใช่หนทางที่จะทำให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับชีวิตได้ แถมเป็นไปได้ด้วยว่า มันทำให้คุณจมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้นนานมากขึ้น

ทั้งนี้ มีข้อมูลจากงานวิจัยเผยว่า การโพสต์ข้อความรุนแรง หรือข้อความเชิงลบผ่านทางโลกออนไลน์อาจทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นในช่วงสั้นๆ แต่ในระยะยาวแล้ว มีแนวโน้มว่าผู้โพสต์จะยังยึดติดอยู่กับความโกรธ หรือความทุกข์นั้นๆ อยู่

นอกจากนั้นยังพบว่า การอ่านข้อความที่โพสต์ด้วยความรู้สึกในแง่ลบของคนอื่นๆ ในโลกออนไลน์ก็มีผลต่อจิตใจไม่แตกต่างจากการเป็นผู้โพสต์ข้อความในลักษณะนั้นๆ เช่นกัน

งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการเผยแพร่ใน the journal Cyberpsychology, Behavior, and Social Networking โดยศาสตราจารย์ไรอัน มาร์ติน ผู้เชี่ยวชาญในสาขาจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-กรีนเบย์ หัวหน้าคณะวิจัยได้กล่าวว่า “เราพบว่าเว็บไซต์ส่วนหนึ่งกระตุ้นให้คนเข้ามาใช้เป็นเครื่องระบายอารมณ์ และสนับสนุนให้ใช้วิธีการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการกับความโกรธ โดยพวกเขามองว่าการเข้ามาระบายความโกรธนั้นเป็นวิธีที่ดีต่อสุขภาพ แต่ในความจริงแล้วไม่ใช่”

โดยผู้เชี่ยวชาญท่านนี้เผยว่ามีวิธีที่ดีต่อสุขภาพ และให้ผลในเชิงบวกสำหรับจัดการกับความโกรธอยู่มากมาย แต่การเข้ามาระบายความรู้สึกในโลกออนไลน์ มีแต่จะทำให้ปัญหายุ่งยากมากขึ้น และไม่ได้ทำให้จิตใจของคนๆ นั้น จดจ่ออยู่กับการแก้ปัญหา แต่ไปจดจ่ออยู่กับ “ปัญหา” มากกว่าจะลงมือแก้ไข

นอกจากนั้น การโพสต์ข้อความเชิงลบในอินเทอร์เน็ตยังแสดงให้เห็นถึงภาวะอ่อนแอทางจิตใจของมนุษย์อีกด้วย

“ในโลกนี้ มีผู้คนที่รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมือง ปัญหาการแย่งที่ทำกิน ปัญหาในที่ทำงาน ปัญหาการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ผู้คนเหล่านั้นเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ชอบใจต่างก็รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง และมองว่า การระบายความรู้สึก หรือการไปแสดงความคิดเห็นอย่างรุนแรงบนโลกออนไลน์จะสามารถช่วยได้ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า การโพสต์ข้อความแย่ๆ หรือโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทผู้อื่นนั้นได้ทำร้ายคนรอบข้าง รวมถึงตัวพวกเขาด้วย เพราะเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวหากได้มาอ่านข้อความรุนแรง ก็จะเกิดความเจ็บปวดที่ได้รับรู้่ว่า คุณกำลังมีปัญหา ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างปัญหาต่อไปไม่รู้จบ ขณะที่คนที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธนั้น ไม่ได้มารับรู้อะไรด้วยเลย”

กระทั่งคนที่สร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาในโลกออนไลน์ และหวังจะใช้ตัวตนที่คิดว่า ไม่มีใครรู้จักนี้ไปทำร้ายใครก็ได้ ศาสตราจารย์ไรอัน ก็กล่าวไว้เช่นกันว่า มันไม่จริงเสมอไป เพราะในโลกออนไลน์ที่คุณคิดว่าไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณนั้น สุดท้ายแล้วทุกสิ่งทุกอย่างสามารถ “ตรวจสอบได้” อยู่ดี และหากมีการใช้ตัวตนเหล่านั้นเพื่อกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม สุดท้ายก็ต้องเป็นผู้โพสต์ที่จะต้องรับผลของกรรมนั้น

ดังนั้น ก่อนโพสต์คิดให้ดี เพราะหากโพสต์ไปแล้ว คุณจะหนีจากมันไปไม่ได้จนวันตาย

เรียบเรียงจากเดลิเมล

http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9560000036458

พอกหน้าให้ผิวขาว

สารพัดสูตรพอกหน้า สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง และสูตร วิธีทําให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกัน มีดังนี้
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
วิธีทําให้ผิวขาว
สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก

โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว และมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม

น้ำมันมะพร้าวเพื่อผิวเนียนนุ่ม เป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องการทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แม้เพียงครั้งแรกที่ได้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิว รับรองได้เลยว่า สาว ๆ จะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มได้ทันทีเลยล่ะ

น้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ
กล้วยหอมและนมสด นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ จะทำให้ผิวขาวเนียนสวยได้ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน

http://women.kapook.com/view742.html

เคล็ดลับการดูแล“จุดซ่อนเร้น”

การดูแลทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น  คุณสาวๆ อย่ามองข้ามกันเลยทีเดียว เพราะถ้าล้างไม่สะอาด ดูแลไม่ถูกวิธี โรคไม่พึงประสงค์จะถามหาเอาได้นะค่ะ  จึงมีเคล็ดลับในการดูแล ทำความสะอาดมาฝากกัน

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ทำความสะอาดทุกวัน เช้าและเย็นด้วยน้ำและสบู่  แล้วซับให้แห้งด้วยผ้าเช็ดตัวที่สะอาด และอ่อนนุ่ม ไม่ควรเช็ดถูแรงๆ เนื่องจากผิวหนังบริเวณนี้ละเอียดอ่อนมาก

บริเวณซอกหลืบ และรอยพับของแคมนอก ถ้ามีคราบไคลหมักหมม ก็ให้ล้างด้วยน้ำอุ่นๆ หรือจะใช้สำลีพันปลายไม้ชุบน้ำอุ่นเช็ด หากจะใช้น้ำยาอนามัยควรเลือกที่มีความเป็นกรดด่างใกล้เคียงกับผิวหนัง คือประมาณ 5.5

ไม่สวนล้างช่องคลอด ด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองและสารเคมีในน้ำยาจะไปทำลายแบคทีเรีย “แลคโตแบซิลลัส”  ซึ่งช่วยปรับสภาพในช่องคลอดให้เป็นกรดอ่อนๆ ทำให้เชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายไม่สามารถเจริญเติบโตได้  และช่องคลอดจะมีการทำความสะอาดภายในตัวเองอยู่แล้ว โดยขับออกมาเป็นตกขาว ซึ่งมีน้อยมากต่างกันไป

ขนอ่อนๆ ภายนอกนั้น ธรรมชาติมีไว้เพื่อความสวยงามและป้องกันไม่ให้ความชุ่มชื้นระเหยออกมา จึงไม่ควรถอนโกน หรือย้อมสี เพียงแค่เล็มตัดแต่งก็พอแล้ว

ช่วงเวลาที่มีประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ และการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดควรเลือกที่สะอาดปลอดภัยได้มาตรฐาน  และไม่ควรเก็บผ้าอนามัยในที่อับชื้น เพราะจะทำให้เป็นเชื้อราได้ง่าย และการใช้ผ้าอนามัยแผ่นเล็กๆ  ทุกวัน จะทำให้อับชื้นและติดเชื้อได้

กางเกงในควรมีเนื้อผ้าบางเบา เพื่อช่วยลดความอับชื้นของอวัยวะเพศ ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป และซักตากให้แห้งก่อนนำมาใช้ เพราะจะช่วยฆ่าเชื้อรา และไม่ควรใช้กางเกงในร่วมกับคนอื่น

ทุกครั้งหลังถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ ควรใช้น้ำล้างให้สะอาดแล้วใช้กระดาษชำระซับให้แห้ง โดยเช็ดจากอวัยวะเพศไปทวารหนัก เพื่อไม่ให้เชื้อโรคจากทวารหนักติดต่อมายังช่องคลอด

ควรรู้จักสังเกตความผิดปกติต่างๆ บริเวณอวัยวะเพศ เช่น คันในช่องคลอด ตกขาวมากจนผิดสังเกต อวัยวะเพศมีกลิ่นเหม็นมาก ตกขาวมีสีผิดไปจากเดิม หรือเวลาปัสสาวะแล้วรู้สึกเจ็บเหมือนปัสสาวะไม่สุด ควรไปพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง

เรื่องโดย : จารุทรรศน์ สิทธิสมบูรณ์
ขอขอบคุณข้อมูลจาก talkaboutsex.thaihealth.co.th

http://sex.sanook.com/sex/womenhealthclub/44271.php

วิธีลดต้นขา

วิธีลดต้นขาง่ายๆ ได้ในไม่กี่ขั้นตอน

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

สาวๆ ส่วนมาก มักจะกังวลกับช่วงล่างมากๆ เลยนะค่ะ นั่นก็ คือ ขาของเรานั่นเอง ผู้หญิงทุกคนถ้าเป็นไปได้อยากจะมีรูปร่างที่สวยงาม ขาเรียวสวยกันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะค่ะ

วันนี้มีวิธีง่ายๆ ในการลดต้นขาให้ดูเรียวสวยมาฝากทุกคนค่ะ เรามาดูกันเลยค่ะว่าจะมีวิธีการลดตั้นขาของเรายังไงบ้าง

1.  เริ่มจากให้สาวๆ นอนราบลงกับพื้นค่ะ
2. ให้ไขว้ข้อเท้าทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน
3. งอเขาทั้งสองเข้ามาให้ชิดกับลำตัวให้มากที่สุดเลยค่ะ โดยที่ข้อเข่าทั้งสองยังไขว้กันอยู่นะค่ะ
4. ค่อยๆ ยืดขาออก แล้วคลายเข่าและข้อเท้าทั้งสองข้างออกจากกันช้าๆ กลับสู่ท่าเริ่มต้นอีกครั้งค่ะ

เสร็จแล้วค่ะ เห็นไหมค่ะ 4 ขั้นตอนง่ายๆ เองค่ะ แต่สาวๆ ต้องฝึกฝนเป็นประจำนะค่ะอย่างน้อย 24 – 30 ครั้ง/วันค่ะ เพื่อที่จะทำให้ต้นขาของเราดูเรียวสวยงามอย่างที่ผู้หญิงอย่างเราๆ จะได้นุ่งกางเกงขาสั้น อวดเรียวขาสวยๆ ได้อย่างมั่นใจค่ะ

http://www.pink.in.th/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87/%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%86-%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99/2/

น้ำผลไม้ช่วยคลายร้อน

ในช่วงนี้อากาศเมืองไทยร้อนมากๆ ร้อนสุดๆ ขนาดนี้ เรามาหาอะไรคลายร้อนกันดีกว่า แล้วอะไรที่ว่านั้นก็คือ น้ำผลไม้เย็นๆ  นั่นเองค่ะ   อีกทั้งสรรพคุณของน้ำผลไม้ดังต่อไปนี้ยังดีต่อผิวพรรณ  และสุขภาพอีกด้วย

น้ำส้มคั้น

น้ำส้มคั้น
น้ำส้มคั้น

– การดื่มน้ำส้มจะช่วยทำให้คุณอารมณ์ดี สดใส อีกทั้งเมื่อรับประทานส้มทุกๆ วันจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น ช่วยให้ผิวพรรณของคุณผุดผ่อง เพราะส้มอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง เพราะ ในส้มมีไบโอเฟลโวนอยด์ ซึ่งมีส่วนช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงและทำงานดีขึ้น ส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

น้ำแตงโม
น้ำแตงโม

น้ำแตงโม

– น้ำแตงโมมีฤทธิ์เย็น อีกทั้งร่างกายสามารถดูดซึมน้ำแตงโมได้เร็วมาก จึงช่วยให้ร่างกายของคุณรู้สึกสดชื่น ตื่นตัว อีกทั้งแตงโมยังเต็มไปด้วยวิตามินต่างๆ คือ วิตามินซี และวิตามินบีรวม ทำให้เมื่อรับประทานน้ำแตงโมบ่อยๆ จะสามารถช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก ช่วยให้ผิวพรรณดี อีกทั้งยังช่วยล้างพิษอีกด้วย

น้ำกระเจี๊ยบน้ำกระเจี๊ยบ

– น้ำกระเจี๊ยบเมื่อรับประทานแล้วจะช่วยให้รู้สึกกระปรี่กระเปร่า สดชื่นสดใส เพราะ รสชาติน้ำกระเจี๊ยบจะออกเปรี้ยวๆ หวานๆ นอกจากการช่วยคลายร้อนแล้ว น้ำกระเจี๊ยบยังสามารถช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยในการขับปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการไอและอาการเจ็บคอ

น้ำสับปะรด

น้ำสับปะรด
น้ำสับปะรด

– น้ำสับปะรดนอกจากจะช่วยในการคลายร้อนแล้ว ยังมีประโยชน์ทางด้านสุขภาพ คือ ช่วยในการขับปัสสาวะ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยบำรุงเส้นผมให้เงางาม ไม่หลุดร่วง และเล็บแข็งแรง ไม่เปราะหัก หรือฉีกขาดง่าย

รู้แบบนี้แล้วลองหาน้ำผลไม้ที่คุณชอบดื่มคลายร้อนกันนะค่ะ

http://instapuper.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/

ความสำเร็จในการจำหน่ายเฟอร์บี้ (itinlife391)

furby
furby

เฟอร์บี้ (Furby) คือ ของเล่นไฮเทคประเภทตุ๊กตาใส่ถ่ายที่สามารถโต้ตอบกับเจ้าของได้ในหลายรูปแบบ เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารสมาร์ทโฟน หลายคนบอกว่าเหมือนสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิต เพราะเสมือนป้อนอาหารได้ เรียนรู้ภาษาได้ และมีปฏิกิริยาโต้ตอบเมื่อสัมผัส ซึ่งเฟอร์บี้เคยประสบความสำเร็จในการทำตลาดราวปี 1998 มียอดขายกว่า 40 ล้านตัวใน 3 ปี แล้วในปี 2012 ก็กลับมาประสบความสำเร็จผ่าน social media อีกครั้ง เราพบเฟอร์บี้ได้ใน facebook, twitter, instagram, youtube, pinterest หรือ tumblr เพราะกระแสคลั่งไคล้ดารา ทำให้เกิดการเอาเยี่ยงอย่าง เมื่อมีดาราถ่ายรูปกับเฟอร์บี้แล้วส่งรูปเข้าเครือข่ายสังคมก็ทำให้ความนิยมต่อเฟอร์บี้ก้าวกระโดดในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว

ตามหลักของอุปสงค์และอุปทานที่ความต้องการมาก แต่สินค้ามีจำกัดย่อมทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ดังนั้นเฟอร์บี้ที่เคยมีราคา 4,000 บาท จึงมีราคาพุ่งไปถึง 6,000 บาท เมื่อได้มาแล้วก็ต้องนำมาถ่ายรูปแล้วอัพโหลดเข้าเครือข่ายสังคมว่ามีตุ๊กตาใส่ถ่านตัวนี้ไว้ในครอบครองแล้ว เป็นผลให้ผู้ที่พบเห็นกดไลค์ และพยายามหามาไว้ในครอบครองตามกันไป เป็นแฟชั่นที่มีอัตราการขยายตัวผ่านแรงหนุนจากเครือข่ายสังคมที่ชัดเจน ค่านิยมที่คล้ายกันเคยเกิดกับ Tamagotchi ในปี 1996 แต่ก็ยังไม่เท่าองค์จตุคามรามเทพที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ใหญ่ส่งผลให้นักเลงพระหลายคนกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามเดือน ในช่วงปี 2007 ที่ชาวบ้านยอมจ่ายเงินบูชาองค์จตุคามรามเทพคองค์ละหลายพันบาทมาแล้ว

ความนิยมเกิดจากความพึงพอใจที่ห้ามกันไม่ได้ เพราะคำว่าชอบเป็นการส่วนตัว เป็นคำตอบที่สำคัญกว่าเหตุผลใด เหมือนกระแสคลั่งไคล้ดาราที่มีคนยอมจ่ายเงินหลายพันบาทไปดูดาราไม่กี่ชั่วโมงปรากฎตัวบนเวที ก็ล้วนเกิดจากความชอบ และเชื่อว่าคุ้มค่ากับการจ่าย ตุ๊กตาเฟอร์บี้ก็เป็นอีกกระแสผลิตภัณฑ์หนึ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และกำลังจะดับไป เหมือนกับกระแสผลิตภัณฑ์อื่นที่กล่าวไว้ และเชื่อได้ว่าจะมีกระแสใหม่เกิดขึ้นในอีกไม่ช้าในสังคมไทย เพราะเคยมีคนบอกว่าคนไทยเป็นฝ่ายรับที่ดีและเร็วอย่างน่าประหลาด ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม การแต่งกาย วัฒนธรรม และเทคโนโลยี จนนับวันนับจะหาอะไรที่เป็นไทยแท้ได้ยากขึ้นทุกวัน

http://en.wikipedia.org/wiki/Furby

ทำสีผมให้สวยติดทนนาน

การเปลี่ยนสีผมทำให้คุณมีภาระเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง คือการย้อมผมซ้ำเป็นระยะ เพื่อรักษาสีผมให้สวยอยู่เสมอ ไม่ซีดจาง ไม่กระดำกระด่างเป็นหย่อม ๆ แต่อย่างไรก็ดี การทำสีผมซ้ำบ่อย ๆ ก็จะทำให้ผมของคุณแห้งเสียได้ง่าย หากเป็นไปได้จึงควรเว้นระยะห่างระหว่างการทำสีผมแต่ละครั้งออกไปให้นานที่สุดค่ะ แต่ในระหว่างนั้นสีผมเองก็ยังต้องสวยสดอยู่ทนด้วยเช่นกัน

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

ขอนำวิธีการดูแลผมที่ทำสีเพื่อให้สีผมอยู่ติดทนได้นาน ยืดเวลาการทำสีผมครั้งต่อไปให้นานกว่าเดิม ทั้งยังเป็นการประหยัดค่าน้ำยาทำสีผมด้วยคะ

1. สวมหมวก-กางร่ม เลี่ยงไม่ให้ผมถูกแดด

ลองสังเกตเสื้อผ้าที่ตากแดดจัดนาน ๆ ดูสิคะ สีมันจะซีดจางลงได้ไว เช่นเดียวกับเส้นผมที่ต้องปะทะกับแสงแดดบ่อย ๆ อันจะทำให้สีผมซีดลงได้ไวเช่นกัน คุณจึงควรมีตัวช่วยสำคัญอย่างหมวก และร่ม ที่จะช่วยป้องกันเรือนผมจากแสงแดดและรังสียูวีได้เป็นอย่างดี

2. ไม่สระผมทันทีในวันที่เพิ่งทำสีผมมาใหม่ ๆ

เพื่อให้แน่ใจว่าสีผมที่ได้ทำนั้น ติดทนซึมเข้าไปในเส้นผมของคุณอย่างแน่นอน ให้ล้างผมด้วยน้ำสะอาดหรือหมักผมทิ้งไว้เช่นนั้น 1 คืน และมาสระผมในตอนเช้า แทนการสระผมทันทีหลังทำสีผมเสร็จ

3. สระผมด้วยน้ำเย็น

การสระผมด้วยน้ำเย็นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมทำสี มันจะช่วยให้สีผมที่ทำมาสวยทนได้ยาวนาน ใครติดอาบน้ำอุ่นคงต้องก็ลองปรับตัวเองให้อาบน้ำและสระผมที่อุณหภูมิปกติกันดูนะคะ

http://women.kapook.com/view59600.html

ปัญหาหมอกควันทำให้ฝุ่นละอองเพิ่ม

วิจัย ชี้ ปัญหาหมอกควันที่ทำให้ฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น ทำให้ 9 จังหวัดภาคเหนือพบสารก่อมะเร็ง 15 ชนิด เทียบเท่าสูบบุหรี่ 75 มวนต่อเดือน

หมอกควัน
หมอกควัน

เมื่อวานนี้ (5 เมษายน) นายศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ เปิดเผยว่า ผลวิจัยความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอน ในชั้นบรรยากาศช่วงวิกฤติหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และลำพูน มีความเข้มข้นมากขึ้น เมื่อนำช่วงปลายปี 2555 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤติ มาเทียบกับต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเกิดวิกฤติพอดี โดยจังหวัดเชียงรายและแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่มีประมาณฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 513 และ 509 ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มีปริมาณฝุ่นเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดได้แก่ เชียงใหม่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 87

นายศิวัช กล่าวอีกว่า ในการตรวจความเข้มข้นของสารก่อมะเร็งในฝุ่นละออง พบว่า มีสารก่อมะเร็งสำคัญถึง 15 ชนิด อาทิ เบนโซไพรีน ที่มีความรุนแรงเทียบเท่าการสูบบุหรี่ 75 มวนต่อเดือน เป็นต้น ขณะที่ค่าเฉลี่ยของสารก่อมะเร็งทั่วไปอยู่ที่ 613 พิโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนจังหวัดที่มีสารก่อมะเร็งมากที่สุดคือ แม่ฮ่องสอน อยู่ที่ 3,864 พิโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รองลงมาคือ ลำพูน 866 พิโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วน แพร่ มีสารก่อมะเร็งต่ำสุดที่ 54 พิโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ ระบุอีกว่า ดังนั้นทางภาครัฐจึงต้องรณรงค์หยุดการเผาป่า หรือเพิ่มโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนมากขึ้น มิเช่นนั้นประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้

http://health.kapook.com/view60063.html

ข้อดีของคุณพ่อเลี้ยงลูก

เมื่อพูดถึงการเลี้ยงลูกใครๆ ก็นึกถึงคนเป็นแม่ แต่วันนี้เรามีข้อดีของคุณพ่อในการช่วยดูแลเจ้าตัวน้อยมาฝากกัน แล้วคุณจะต้องประหลาดใจว่าในมุมการเลี้ยงลูกของคุณพ่อก็มีข้อดีมากมายแฝงอยู่

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

1.คุณพ่อกล้าปล่อยให้ลูกได้เสี่ยงมากกว่า

ความเป็นแม่ ด้วยความใกล้ชิดที่ดูแลกันมาตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ มักทำให้ปกป้องลูกน้อยมากจนเกินไป แต่บางครั้งเด็กๆ ก็ต้องการการเรียนรู้จากความผิดพลาดบ้าง อย่างการหกล้ม หรือทำบางสิ่งไม่สำเร็จ เพื่อให้รู้จักระมัดระวังตัวต่อไป และบ่อยครั้งความกล้านี้จำเป็นต้องอาศัยคุณพ่อที่จะกล้าปล่อยให้เจ้าตัวน้อย ลองผจญภัยดูบ้าง คุณแม่จึงควรปล่อยวาง ไม่ดุคุณพ่อที่ปล่อยให้ลูกน้อยได้ลองด้วยตัวเอง ตราบใดที่คุณพ่อคอยจับตาดูอย่างเหมาะสม

2.คุณพ่อมักมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่าเชื่อผู้เชี่ยวชาญ

ความพยายามที่จะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด มักทำให้คุณแม่เกาะติดตำรา และคำแนะนำต่างๆ แต่อย่าลืมว่าเด็กทุกคนก็ไม่ได้เหมือนกันแม้แต่ในเรื่องพัฒนาการ คนที่จะรู้เกี่ยวกับลูกของคุณดีที่สุดก็คือคนที่ใกล้ชิดเขาที่สุดอย่างคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง และความมั่นใจในตัวเอง หรือเชื่อในสัญชาตญาณของคุณพ่อก็จำเป็นในกรณีที่จะช่วยทัดทานคุณแม่ได้ในเรื่องนี้

3.คุณพ่อมักไม่สนใจเรื่องหยุมหยิม

ความเป็นคุณนายเจ้าระเบียบอาจทำให้คุณแม่ดูแลความเรียบร้อยไปเสียทุกเรื่อง แต่หลายๆ เรื่องก็ไม่ได้จำเป็นต้องระเบียบจัดเกินไปนัก อย่างการแต่งตัวของลูกน้อย หากเขาอยากแต่งตัวแปลกๆ หรือสีเสื้อไม่เข้ากับกางเกง กระโปรงบ้าง ก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด แถมยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจในตัวเองให้ลูกน้อยมีความคิดสร้างสรรค์เป็นของตัวเองอีกด้วย ซึ่งความกล้าที่จะปล่อยให้ลูกน้อยเป็นตัวของตัวเองนี้ คุณพ่อมักเป็นฝ่ายที่ยืดหยุ่นมากกว่า

4.คุณพ่อมีความเป็นเด็กสูงนะ

ลูกน้อยไม่ได้ต้องการคุณพ่อคุณแม่เท่านั้น แต่เขายังต้องการเพื่อนเล่นด้วย แต่การเล่นแบบเด็ก ๆ ต้องการการเลอะเทอะบ้างเป็นครั้งคราว ฝ่ายคุณแม่ซึ่งขี้อายกว่า เจ้าระเบียบกว่า อาจทำได้ยากกว่าฝ่ายคุณพ่อ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นในจินตนาการ หรือเล่นซน การที่พ่อลงมาคลุกคลีตีโมง เล่นหัวกับเขา นอกจากจะช่วยเพิ่มความสนิทสนมแล้ว ยังช่วยให้ลูกมีความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองต่อไปด้วย

5.คุณพ่อปล่อยให้ลูกแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

เมื่อได้ยินเสียงลูกร้องไห้ คุณแม่มักเป็นคนแรกที่จะพุ่งเข้าไปหาเสมอ แม้อาบน้ำอยู่ก็ถึงกับออกจากห้องน้ำทีเดียว แต่ฝ่ายคุณพ่อมักจะใจเย็นกว่า และปล่อยให้ลูกร้องไห้ได้ จนอาจทำให้คุณแม่หงุดหงิดได้ ซึ่งอันที่จริงบางครั้งการปล่อยให้เด็กๆ ได้แก้ปัญหาด้วยตัวเองบ้างก็เป็นทักษะที่สำคัญสำหรับการเติบโตต่อไป

6.คุณพ่อใจเย็นแม้ในสถานการณ์ชวนหงุดหงิด

ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเจ้าตัวน้อยไม่อยากอาบน้ำ และร้องไห้โวยวาย คุณแม่อาจรู้สึกหงุดหงิด แต่บ่อยครั้งคุณพ่อมักเป็นฝ่ายที่ใจเย็นพอและยืดหยุ่นได้มากกว่า ฉะนั้นเมื่อจะต้องรับมือกับเจ้าตัวน้อย ปล่อยให้คุณพ่อเป็นฝ่ายจัดการบ้างก็ได้ค่ะ

เห็นข้อดีของการให้คุณพ่อได้เลี้ยงลูกอย่างนี้ หวังว่าจะช่วยให้เหล่าคุณพ่อมั่นใจที่จะช่วยคุณแม่ดูแลเจ้าตัวน้อยมากขึ้นนะคะ

อ้างอิงบางส่วนจาก parenting.com

http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9560000031222

ห่างไกลโรคมะเร็ง ด้วย 11 วิธี

โดย: ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าโรคมะเร็งเป็นโรคที่ส่วนหนึ่งเกิดจากพันธุกรรม นอกจากนี้ปัจจัยของการเกิดโรคมะเร็งอาจเกิดจากสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมการรับประทานอาหารและการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสม

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

โรคมะเร็งเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไทยไปแล้วถึงปีละ 6 หมื่นกว่าคน ดังนั้นวันนี้ผู้เขียนจึงมานำเสนอวิธีการดำเนินชีวิตง่ายๆ ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ดังนี้
1. ดื่มน้ำที่สะอาด การลดสารที่ก่อตัวทำให้เกิดโรคมะเร็งวิธีหนึ่ง คือการดื่มน้ำที่สะอาด จากการศึกษาที่เพิ่มค้นพบใหม่จากสถิติของสถาบันมะเร็งพบว่าการดื่มน้ำสะอาดจากเครื่องกรองจะดีกว่าการดื่มน้ำจากขวดพลาสติกที่มีคุณภาพน้ำต่ำกว่ามาตรฐาน และจากการศึกษาของสมาคมสิ่งแวดล้อมพบว่าการเก็บรักษาน้ำในเหยือกแก้ว หรือภาชนะสเตนเลส จะดีกว่าการเก็บรักษาในภาชนะพลาสติก

2. พยายามหลีกเลี่ยงการสูดดมหรือสัมผัสก๊าซขณะเติมน้ำมันรถ เพราะสารพิษที่อยู่ในอากาศสามารถเข้าสู่ปอดและหากกระเด็นสู่ผิวหนังจะทำให้เกิดมะเร็งได้

3. การหมักเนื้อสัตว์ก่อนการปรุงอาหาร การทำอาหารประเภทปิ้งย่างนั้นหากไหม้หรือมีเศษสีดำของการเผาของถ่านติดอยู่จะทำให้เกิดมะเร็งได้ ดังนั้นหากจะทำการปิ้งย่างอาหาร งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Kansas พบว่าการหมักเนื้อสัตว์เหล่านั้นก่อนการปิ้งย่างอย่างน้อยประมาณ 1 ชั่วโมงสามารถลดสารก่อมะเร็งจากการปิ้งย่างเผาได้ถึง 87%

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างพอเพียงสามารถลดความเข้มข้นของการขับถ่ายปัสสาวะได้และลดมะเร็งที่อาจเกิดขึ้นกับกระเพาะปัสสาวะได้ด้วย ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันหรือให้ปริมาณปัสสาวะมีสีเจือจางเมื่อขับถ่ายทุกครั้ง

5. รับประทานผักผลไม้สีเขียว เพราะสารแมกนีเซียมจากพืช ผักสีเขียวช่วยลดมะเร็งลำไส้ได้โดยเฉพาะสุภาพสตรี อีกทั้งการได้รับสารแมกนีเซียมที่เพียงพอ จะช่วยให้เซลล์ในร่างกายทำงานอย่างปกติ การรับประทานผักขมครึ่งถ้วยต่อวันให้ปริมาณแมกนิเซียม 75 มิลลิกรัม ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย

6. ออกกำลังกายลดการเกิดมะเร็งเต้านม การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเผาผลาญไขมัน ดังนั้นการออกกำลังกายโดยการเดินเร็วอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ช่วยลดการเกิดมะเร็งเต้านมได้ถึง 18%

7. ลดการส่งเสื้อผ้าไปซักแห้ง จากการวิจัยของ National Academies of Science เมื่อต้นปี 2010 ระบุว่าการซักแห้งหรือซักน้ำมันโดยสาร perc (perchloroethylene) จะมีผลให้เกิดการก่อสารมะเร็งต่อปอด ไตและตับได้เมื่อสูดดมเป็นเวลานาน ดังนั้นการใช้สารซักแห้ง ซักน้ำมันที่ทำให้ผ้าเรียบอาจไม่ปลอดภัยอีกแล้ว

8. ลดการใช้ปริมาณสารเคมีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสารฟอกขาว สารเคมีในการขัดห้องน้ำ สารขจัดคราบสกปรกต่างๆ เพราะหากใช้สารเหล่านั้นเป็นเวลานาน การสูดดมหรือสัมผัสจะก่อให้เกิดมะเร็งได้ การทำความสะอาดห้องน้ำโดยใช้น้ำส้มสายชูก็เป็นทางเลือกใหม่ที่ดีไม่น้อย

9. หลีกเลี่ยงการผ่านสารรังสี ไม่ว่าจะเป็นการฉายแสงตรวจดูมะเร็งเต้านมประจำปี การทำแมมโมแกรม เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก่อให้เกิดมะเร็งถึง 4-5 เท่าเลยทีเดียว การตรวจมะเร็งโดยใช้วิธีคลำหา และไม่ผ่านรังสีอาจช่วยลดความเสี่ยงภาวะการเกิดมะเร็งได้ดีกว่า

10. ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือโดยการแนบหูเป็นเวลานาน เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์มีคลื่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นการใช้โทรศัพท์โดยมีอุปกรณ์เสริมจะลดผลกระทบต่อระบบประสาทและสมองได้

11. ทาโลชั่นกันแดด เนื่องจากแสงยูวี จากแสงอาทิตย์มีปริมาณมากในปัจจุบันทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังได้ ดังนั้นการทาโลชั่นกันแดดจะช่วยลดปริมาณแสงอาทิตย์ที่จะส่งผลต่อมะเร็งผิวหนัง โดยเฉพาะคนที่ศีรษะล้าน มีผมน้อยควรทาโลชั่นกันแดดเพื่อลดปริมาณสารยูวี

นอกจากนี้การดูแลร่างกายให้ปลอดภัยจากมะเร็งยังมีอีกหลายวิธี เช่นการรับประทานอาหารที่สะอาด รับประทานข้าวขัดสีน้อยแทนข้าวขาว เสริมแคลเซียมให้เพียงพอ รวมทั้งการมีสุขภาพจิตที่แจ่มใสก็เป็นตัวช่วยที่ดี ให้เรามีชีวิตที่ปลอดจากมะเร็ง ลองศึกษาและเปลี่ยนการดำเนินชีวิตใหม่ดูนะคะ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีจะได้อยู่เป็นที่พึ่งของลูกหลานต่อไป ผู้เขียนเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
http://health.yahoo.net/articles/cancer/photos/20-ways-prevent-cancer#21

http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9560000040109