7 วิธีทำให้หน้าเด็ก

วิธีทำให้หน้าดูเด็กลง
วิธีทำให้หน้าดูเด็กลง

1. ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ

ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ครีมกันแดด เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปกป้องผิวจากภัยแดดที่ขึ้นชื่อว่า >b?เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่น การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจึงเป็นเสมือนการสร้างเกราะคุ้มกันให้กับผิวหน้า ถ้าไม่ได้ไปเผชิญกับแดดแรง ๆ เลือกครีมกันแดดที่มีค่า>SPF 15 ก็พอค่ะ และในช่วงกลางวันที่แดดจ้า หลบแดดได้จะเป็นวิธีปกป้องผิวที่ดีที่สุด หรือถ้าต้องไปรับไอแดดกันจริง ๆ ควรสวมหมวกปีกกว้าง สวมแว่นกันแดด และใส่เสื้อผ้าโทนสีเข้ม เนื้อหนา ที่สามารถป้องกันการทะลุทะลวงของรังสี UV ทั้ง UVA ที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวคล้ำและมีริ้วรอย และ UVB ที่ทำให้ผิวไหม้เกรียม

2. อย่ารบกวนผิวมากเกินไป

การรบกวนผิวมากไป ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพผิวแต่อย่างใดการล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือขัดถูเช็ดผิวหน้าอย่างรุนแรงเพื่อให้มั่นใจ ว่าสะอาดเพียงพอ กลับเป็นการทำร้ายผิวแบบไม่รู้ตัว เพราะอาจทำให้ผิวมีริ้วรอยและหยาบกร้านได้โดยเฉพาะคนที่ผิวแห้ง การล้างหน้าต้องทำอย่างนุ่มนวลเช็ดผิวอย่างเบามือ เพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวัยนอกจากนี้ควรเลือกใช้ผลิตภัณท์ที่อ่อนโยนต่อผิวด้วย

3. เลือกใช้ผลิตภัณท์ที่มีส่วนผสมของ AHA

AHA หรือ Alpha hydroxy acid มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ขาวขึ้นแล้ว ยังช่วยรักษาริ้วรอยจากแสงแดดได้ด้วยซี่งปัจจุบัน เครื่องสำอางส่วนใหญ่ จะมีส่วนผสมของ AHAในปริมาณ 2-15 % ซึ่งมักไม่เป็นอันตรายกับผิว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรเลี่ยงที่จะไปตากแดดแรง ๆ เพราะการใช้ AHAจะทำให้ผิวหน้าไวต่อแดดมากขึ้นดังนั้นเพื่อป้องกันการแพ้ ควรใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยเสมอ

4. ลดริ้วรอยบาง ๆ ใต้ตาด้วยเรตินอล

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยใต้ตา อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความร่วงโรยของผิวได้ โดยเฉพาะผิวใต้ตา ซึ่งค่อนข้างบอบบาง

จึงเกิดริ้วรอยได้ง่าย หากทิ้งไว้ ก็กลายเป็นรอยตีนกาได้คงถึงเวลาที่คุณจะต้องหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล ซึ่งมีคุณสมบัติลดเลือนริ้วรอยจางๆ ได้ดี นอกจากนี้เรตินอลยังช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจน ทำใหผิวหน้าเต่งตึงขึ้นได้

5. อาหารต่อต้านริ้วรอย

ผู้เชี่ยวชาญท่านได้ศึกษาพบว่า อาหารที่อุดมไปด้วยผลไม้,ผัก และไขมันต่ำ จะช่วยให้ผิวพรรณของเราแข็งแรงพอที่จะต่อต้านสิ่งที่จะมาทำลายผิวให้อ่อนแอ จนเป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยได้ ค่ะ โดยเฉพาะแสงแดดภัยตัวฉกาจของการทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของหญิงสาวค่ะชนิดของอาหารที่แนะนำให้รับประทานก็คือ อาหารที่มีไขมันต่ำลดการรับประทานเนื้อแดงและของหวานลง นอกจากนี้ก็ควรเพิ่มการรับประทานผักใบเขียว, ผลไม้ เมล็ดถั่วต่างๆ, น้ำมันมะกอกที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัว รวมทั้งเมล็ดธัญพืชต่างๆค่ะซึ่งอาหารดังกล่าวจะอุดมไปด้วยวิตามินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอและซี และอี จะช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรงและปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้

6. เว้นอาหารที่ทำลายผิวพรรณ

ไขมันอิ่มตัวในเบคอน ไส้กรอก ไอศกรีม และเนยสด กระบวนการเผาผลาญอาหารเหล่านี้ จะเกิดอนุมูลสารอิสระสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ของร่างกายเหี่ยวย่น และเสื่อมโทรม ส่วนอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป มีผลขัดขวางกระบวนการสร้างคอลลาเจนของเซลล์ผิว ทำให้ผิวหย่อนยาน

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน คาเฟอีนจะดูดซับความชื้นจากผิว ถ้าคุณติดกาแฟจนยากที่จะเลิก เมื่อคุณดื่มกาแฟ 1 แก้ว ก็ควรดื่มน้ำเปล่าแก้วโต ๆ ตามไป 1 แก้วเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ร่างกายขาดน้ำ และผิวพรรณขาดความชุ่มชื้นไปด้วย เครื่องดื่มแอลกฮอล์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวพรรณ ขาดความเปล่งปลั่ง ถ้าคุณเป็นนักดื่ม ทุกครั้งที่ดื่มแอลกฮอล์ อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าแก้วโต 2 แก้ว เพื่อชดเชยไม่ให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และช่วยป้องกันไมให้ผิวขาดความชุ่มชื้น

7. ใช้ชีวิตอย่างสมดุล

สาวบ้างานทั้งหลาย มีสิทธิ์ผิวหย่อนยาน ไม่สดใส ได้เร็วขึ้นเพราะการทำงานหนัก ชนิดอดหลับอดนอน หรือไม่มีเวลาสำหรับพักผ่อน นอกจากร่างกายจะอ่อนล้าแล้ว ผิวพรรณก็หมองคล้ำ ทำให้คุณดูทั้งโทรมทั้งเหี่ยวเชียวล่ะ แม้อยากเป็นดาวรุ่งมากแค่ไหน ก็ควรจัดเวลางานและเวลาส่วนตัวให้สมดุลมีเวลาสำหรับการออกกำลังกาย และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ซึ่งจะช่วยให้เซลล์ผิวแข็งเรง ไม่หย่อนยานก่อนวัยหากปล่อยให้ความเครียดสุมหัว จนไม่มีเวลาคลายเครียด นานวันเข้า ผิวพรรณก็ร่วงโรย จนเกินเยียวยา เครื่องสำอางมหัศจรรย์ที่ว่าแน่ๆ ก็ไม่อาจจะช่วยฉุดรั้งความสดใส และความเปล่งปลั่งของผิวสาวกลับคืนมาได้หรอกค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก http://variety.teenee.com/foodforbrain/56368.html

ดู elysium แล้วย้อนดูตัว เรื่องแบ่งปันธรรมชาติ

elysium กับธรรมชาติ และน้ำ
elysium กับธรรมชาติ และน้ำ

เคยดูหนังเรื่อง elysium เป็นเรื่องในอนาคตปี 2154
เรื่องมีว่า ผู้คนฐานะดี ๆ เขารักธรรมชาติ มีเครื่องมือทางการแพทย์ดี ๆ
มีสวนหย่อม ต้นไม้ อากาศ และน้ำที่บริสุทธิ์
แต่ไปอยู่บนฟ้านู่น คนบนโลกก็อยู่กันแร้นแค้น ยากลำบาก
อันที่จริงก็รักธรรมชาติอยู่นะ จึงอยากไปอยู่กับธรรมชาติ พอขึ้นไป
ก็ถูกขีปนาวุธสอยร่วงกลางอากาศ
เพราะคนที่บอกว่ารักธรรมชาติ เขารู้ว่าถ้ามีคนไปใช้ทรัพยากรมากเข้า
ธรรมชาติที่มีอยู่จำกัดก็จะหมดไป
ดังนั้นผู้คนฐานะดี ๆ จึงหวงแหน และไม่พร้อมจะแบ่งปัน
ใครหาญเข้าไปขอแบ่งปันเป็นถูกสอยร่วงลงพสุธา

สรุปว่า ผู้คนใน elysium พูดเสมอว่ารักธรรมชาติ
ใครจะไปแบ่งปันธรรมชาติที่เขาหวงแหน .. มิได้เชียว

ปล. ผมก็คงไม่กล้าไปขอแบ่งปัน ก็คงทำตัวอ่อนเป็นต้นหลิว
โน้มไปกับแรงลมฤดูฝน
ยกเว้นจะมีพระเอกหาญกล้า ที่กำลังเดือดร้อน
จำเป็นต้องแบ่งปันธรรมชาติ เพื่อการดำรงอยู่ของพวกเขา
จึงจะท้าทายอำนาจของเหล่าชาว elysium

Song book by andy idaho

Song book by andy idaho


celine dion : my heart will go on
celine dion : my heart will go on


1. Ain’t no sunshine : Bill Withers
2. All i want is you : 911
3. All out of love : Ott
4. Always somewhere : Scorpions
5. Baby, can i hold you : Tracy chapman
6. Beautiful stranger : Madonna
7. Blowing in the wind : peter paul and mary
8. Can’t help falling in love : UB40
9. Desperado : The eagles
10. Don’t cry : Guns n’roses
11. Eternal flame : Bangles
12. I do it for you : Bryan adams
13. Green fields : Brothers four
14. Have i told you lately : Rod stewart
15. High : Lighthouse family
16. I don’t want miss a thing : Aerosmith
17. I’ll have to say i love you in a song : Jim croce
18. I’ll never dance again : The wynners
19. Imagine : John lennon
20. Kiss me : Sixpence none the richer
21. Longer : Dan fogelberg
22. Love fool : The cardigans
23. Love me for a reason : Boyzone
24. Love will keep us alive : The eagles
25. Massachusetts : The bee gees
26. More than words : Extreme
27. My heart will go on : Celine dione
28. Oh! my love : John lennon
29. Stand by me : John lennon
30. Streets of london : Ralph McTell
31. Take me home country road : John denver
32. The long and widing road : The beatles
33. The old man down the road : John fogerty
34. Time in a bottle : Jim croce
35. Vincent : Don Mclean
36. When a man loves a woman : Micheel bolton
37. Who’ll stop the rain : C.C.R.
38. Why worry : Dire Straits
39. Wonderful tonight : Eric clapton
40. You’ll be in my heart : Phil collins
41. You’ve got a friend : James taylor

http://www.youtube.com/watch?v=HoiOkxJ_fLQ&list=PLYv8A28PGRQye4PBbd2u6t12IsGLmoPUI

หนังสือ เก่งภาษาอังกฤษจากเพลงดัง โดย Andy Idaho
ราคาตามปก 140 บาท แต่ซื้อ 70 บาท
พิมพ์ปี 2006 แต่ซื้อ 22 ก.ย.56

แท็บเล็ตช่วยการศึกษาจริงหรือ (itinlife416)

game ช่วยส่งเสริมจินตนาการของเด็ก
game ช่วยส่งเสริมจินตนาการของเด็ก

ติดตามข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการศึกษาควบคู่กันไป พบว่าผลการพัฒนาทั้งสองด้านไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งสนับสนุนให้เด็กใช้แท็บเล็ต ใช้เทคโนโลยี ใช้อุปกรณ์มาก แต่กลับพบว่าการพัฒนาด้านการศึกษามีผลไม่เป็นตามที่คาดหวัง ในด้านเทคโนโลยีเราพบปัญหาในการแจกแท็บเล็ตนักเรียนหลายประเด็นทั้งกระบวนการจัดการเรียนการสอน เนื้อหา ทักษะ การดูแล และผลสัมฤทธิ์ การแจกอุปกรณ์ในระดับอุดมศึกษาก็มักมีเป้าหมายเพื่อการประชาสัมพันธ์ มิใช่การพัฒนากระบวนการในการจัดการเรียนการสอนให้ได้คุณภาพ

เมื่อตรวจสอบสถิติการเข้าถึงเว็บไซต์ด้านการศึกษาที่หวังว่าเยาวชนจะใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงเว็บไซต์ด้านการศึกษาที่มีมากกว่า 900 เว็บไซต์ก็พบว่า สถิติการเข้าถึงเว็บไซต์กลุ่มนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นชัดเจน และไม่มีเว็บไซต์ด้านการศึกษาใดอยู่ใน 30 อันดับแรกที่คนไทยเข้าใช้บริการ แต่สถิติในภาพรวมของการเข้าถึงเทคโนโลยีกลับเพิ่มขึ้น ทั้งการเข้าถึงเฟสบุ๊ก และไลน์ ส่วนยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตก็เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ นักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุระหว่าง 13 ถึง 22 ปีนี้เอง ส่วนสถิติการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชากรโลกมี 2700 ล้านคนจากทั้งหมด 4300 ล้านคน

แม้สถิติการใช้เทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้น แต่ข่าวด้านการศึกษากลับแย่ลง อาทิ ข่าวทุจริตครูผู้ช่วยสะท้อนถึงคุณภาพของครูที่จะไปสอนเด็ก ผลสอบของเด็กไทยในเวทีโลก การยุบโรงเรียนเล็กเพราะมีครูสองสามคนสอนเด็กทั้งโรงเรียน  และการจัดอันดับการศึกษาในกลุ่มอาเซียนเป็นที่ 8 อยู่รั้งท้ายของกลุ่ม แล้วยังมีข่าวการพัฒนาการศึกษาที่ยิ่งพัฒนาก็ยิ่งเห็นถึงปัญหา อาทิ ปัญหาการสอบตรง ปัญหาการเลื่อนชั้นแบบปล่อยผ่าน ปัญหาภาษาอังกฤษ ทำให้มีข้อสังเกตว่าเยาวชนไทยไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการศึกษาของตนหรือไม่ แต่ใช้เวลาไปกับการสื่อสาร การเข้าสังคม การดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม จนทำให้เวลาที่ต้องให้กับการศึกษาลดลง สำหรับเยาวชนบางคนอาจติดเทคโนโลยี จนกระทั่งเบียดเบียนเวลาเรียน เช่น โดดเรียนไปเล่นเกม ไม่ทำการบ้านเพราะติดเกม หรือเล่นเกมระหว่างเรียนในห้องเรียน จนมีบางโรงเรียนออกกฎ และมาตรการไม่ให้บริการเกมในโรงเรียนก็มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งสะท้อนได้ว่าเทคโนโลยีอาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาสำหรับเยาวชนบางคนก็เป็นได้ ถ้าไม่รู้จักใช้เทคโนโลยีให้เป็น ก็อาจถูกเทคโนโลยีปั่นหัวเอาได้

http://stuffpinho.com/facebook-wants-to-take-internet-to-the-rest-of-the-world/

http://www.news.com.au/technology/breaking-the-cycle-of-of-kids-tablet-troubles/story-e6frfro0-1226629555369

เทคนิคทำให้หายโกรธ

โกรธจัด
โกรธจัด

วันนี้มีเทคนิคการทำให้หายโกรธมาฝากค่ะ ลองอ่านกันดูนะค่ะ

วิธีที่ 1 ยามใดเมื่อเราโกรธ
เราต้องรู้ตัวของเราเองว่า เรากำลังได้รับพิษร้ายเข้าไปแล้วควรสร้างความรู้สึก”สะดุ้งกลัว”ขึ้นมาทันที และ พยายามระงับความโกรธนั้นไว้ไม่ให้พิษโกรธกำเริบแสดงเป็นกริยาอาการอะไรออกมา อย่างเด็ดขาดด้วยการพิจารณาโทษของความโกรธให้มากที่สุด
ตัวอย่างวิธีคิด
“หากเราโง่เขลาคิดตอบโต้ผู้อื่นด้วยความโกรธเมื่อใด พิษร้ายของความโกรธก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและจะมีการหมักหมมอยู่ในใจมากขึ้น ทุกที มันจะคอยออกมาเผาผลานจิตใจของเราไปชั่วกาลนาน เสมือนหนึ่งเราได้สร้างนรกให้เกิดขึ้นในใจของตัวเอง ”

วิธีที่ 2 มองเห็นผลดีของการระงับความโกรธด้วยเมตตา
ว่าทำให้เรานอนหลับฝันดี มีเพื่อนเยอะแยะ ใครเห็นใครก็รักไคร่ มีสุขภาพจิตดี มีความสุขตลอดเวลา โห..คุ้มค่าจริง ๆ เลย

วิธีที่ 3 เมื่อรู้สึกโกรธ หรือ เคืองใจใครก็ตาม
ให้ตั้งสติระลึกนึกถึงความดีของคน ๆ นั้นไว้ในใจ เช่นเขาเคยทำดีอะไรให้แก่เราบ้างไหม หรือ เขามีส่วนดีอื่นๆ ที่น่าประทับใจอะไรบ้างนึกอย่างนี้มาแทนความคิดไม่ชอบใจ ความโกรธก็จะหายไปเอง
ตัวอย่าง   “นายมีโกรธนายแดงที่พูดจาดูถูกตน แต่พอนายมีนึกถึงเมื่อครั้งนายแดงเคยช่วยมาทาสีบ้านให้ทั้งวันเมื่อปีที่แล้ว นายมีก็หายโกรธนายแดง”
“คุณเจ ไม่ ชอบหน้าคุณจอนห์เลย เพราะคุณจอนห์ชอบพูดจากวนประสาท แต่คุณเจก็พยายามคิดว่าคุณจอนห์ถึงแกจะชอบพูดกวนประสาท แต่แกก็ยังดีที่ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ คิดได้ดังนี้คุณเจ ก็เกิดความรู้สึกที่ดีต่อคุณจอนห์ขึ้นมาบ้าง ”

วิธีที่ 4 เมื่อโกรธคนใกล้ตัว เช่น แฟน , พี่น้อง , เพื่อนร่วมงาน หรือ โกรธคนไกลตัวเช่นนักการเมือง ฯลฯ
ให้ลองนึกมโนภาพหน้าตาของเขาให้เป็นเด็กเล็ก ๆ อายุสัก 1-2 ขวบ โดยให้คิดเหมือนกับ ว่าเขาเป็นลูกของเรา สร้างความรู้สึกเอ็นดูเมตตาเหมือนพ่อแม่รักลูก ความโกรธจะหายไปเป็น ปลิดทิ้ง วิธีนี้แม้ดูง่าย ๆ และ น่าขำ แต่ก็สามารถทำให้หายโกรธได้ผลเป็นอย่างดีเลยทีเดียว

วิธีที่ 5 คิดตั้งหลายวิธีแล้วก็ยังไม่หายโกรธ มาลองใช้วิธี “ไม่คิด” ดูก็ได้ ด้วยการ
หายใจเข้าปอดลึก ๆ ยาว ๆ ทำลมหายใจให้ละเอียด (นึกจินตนาการว่าลมหายใจของเราเป็นอะไรบางอย่างที่ละเอียดอ่อนบางเบา ในขณะที่หายใจ ) หายใจเข้าออกติดต่อกันสัก ๑๐ ครั้ง ความโกรธก็จะสลายหมดไป กลายเป็นความสบายใจมาแทนที่

วิธีที่ 6 วิธีนี้ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับเพื่อนสนิท หรือ คู่รัก ในยามที่เกิดความไม่เข้าใจกัน
หรือ ทะเลาะกันจนต่างฝ่ายต่างโกรธ นั่นคือ “การให้ของขวัญ” เป็นวิธีแก้ไข ปัญหาความโกรธที่ได้ผลดีอีกวิธีหนึ่ง วิธีนี้เป็นการแสดงออกที่ทำให้หายโกรธทั้งผู้ให้และผู้รับ

วิธีที่ 7 ให้มองว่าทั้งตัวเราและคนที่เราคนโกรธ ต่าง เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น
คือ ไม่มีใครสามารถรอดจากความทุกข์ แก่ เจ็บ ตายได้สักคน ให้คิดจินตนาการมองเห็นคนที่เรากำลังโกรธอยู่ เห็นภาพในอนาคตสมมุติว่าเขากำลังป่วยหนักใกล้ตาย เขาจะต้องพบกับความทุกข์ทรมานแค่ไหน จากนั้นให้หวนคิดถึงตัวเราเองว่า เราเองสักวันหนึ่งก็ต้องพบกับความทุกขทรมานและความตายเหมือนเขาเช่นเดียวกัน พวกเราล้วนตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมเดียวกันด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะมามัวโกรธกันอยู่ทำไมกัน

วิธีที่ 8 ใช้วิธีกราบพระเพื่อระงับความโกรธ
การกราบพระทำให้จิตใจเกิดความอ่อนน้อม หมดความมานะถือตัว สภาพจิตใจเช่นนี้ ความโกรธเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นหากท่านใช้วิธีระงับโกรธหลายวิธีแล้วยังไม่ได้ผล ขอแนะนำให้ใช้วิธีกราบพระ ท่านว่าได้ผลชงัดนัก วิธีง่าย ๆ เมื่อใดที่โกรธ ให้ก้มลงกราบพระทันที และในขณะที่ท่านกราบพระ ให้นึกถึงใบหน้าของ คนที่ท่านโกรธ ท่านจะพบด้วยตนเองว่าตราบใดที่ท่านยังกราบพระอยู่ ความโกรธจะไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้เลย

ขอบคุณข้อมูลจาก http://space.postjung.com/blog-show.php?sid=1097303&id=89228

ประโยชน์ของ “งาดำ” และ “งาขาว”

งาขาว งาดำ
งาขาว งาดำ

งา เป็นพืชล้มลุก ผลเป็นฝัก มีเมล็ดเล็กๆ สีขาวหรือสีดำ มีการเพาะปลูกมานานเพราะต้องการใช้เมล็ดงานี้เป็นอาหาร เครื่องเทศ และบีบเอาน้ำมันได้ มีการใช้เมล็ดงากันมากเป็นพิเศษในแถบตะวันออกกลาง และเอเชียเพื่อเป็นอาหาร

งา พืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย โดยงา จะมี 2 แบบ คือ งาดำ และ งาขาว นอกจากนี้ ยังมีน้ำมันงาที่นำมาใช้ปรุงอาหาร เพราะมีกลิ่นหอมและกรดไขมันที่มีประโยชน์ ทั้งนี้สารอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดงาล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น

ประโยชน์ และ สรรพคุณของงา

ประโยชน์ ของงา ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ กรดอะมิโนเมธิโอนีน นอกจากนี้ เรายังสกัดน้ำมันจากงาออกมาได้อีกด้วย ซึ่งน้ำมันที่ได้นั้นเป็นน้ำมันงาที่มีคุณสมบัติเยี่ยม คือ มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีคุณสมบัติช่วยลดคลอเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรง นอกจากนี้ ยังมีกรดไขมันไลโนเลอิค ที่ช่วยทำให้ผมดกดำ บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น

นอกจากนี้ งายังมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ โดยเฉพาะแคลเซียมที่มีมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และทองแดง และยังมากด้วยวิตามินบีชนิดต่างๆ ซึ่งดีต่อระบบประสาท ช่วยทำให้นอนหลับ ร่างกายกระฉับกระเฉง พร้อมกันนั้นยังมีสารบำรุงประสาทด้วย และวิตามินอีเป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ที่ช่วยต้านมะเร็ง

กลิ่นและรส ของเมล็ดงาคล้ายกับถั่ว องค์ประกอบสำคัญในเมล็ดก็คือน้ำมัน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 44-60% น้ำมันงานั้นต่อต้านการเกิดออกซิไดซ์ได้ดี มีการใช้ในอาหารพวกสลัด หรือเป็นน้ำมันปรุงอาหาร และมาการีนและในการผลิตสบู่ ยา และน้ำมันหล่อลื่น และยังเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางบางชนิด

เดิมนั้นงาอาจเป็นพืชพื้น เมืองของเอเชีย หรือตะวันออกของแอฟริกา แต่ปัจจุบันพบได้ในพื้นที่เขตร้อน กึ่งร้อน และร้อนทางใต้ในทุกเขตทั่วโลก

ก่อนสมัยโมเสส ชาวไอยคุปต์ใช้เมล็ดงาป่นแทนแป้งธัญพืช ส่วนชาวจีนรู้จักงามาอย่างน้อยก็ 5,000 ปีมาแล้ว พวกเขาเผาเมล็ดงาเพื่อใช้ทำแท่งหมึกจีนที่คุณภาพดี ส่วนชาวโรมันบดเมล็ดงาผสมขนมปังเป็นอาหารรสดี ชาวไทยก็มีขนมที่ใช้เมล็ดงา เรียกว่า ขนมงาตัด ใช้งากวนกับน้ำตาล แล้วตัดเป็นแผ่น

ในบางถิ่นมี ความเชื่อว่าเมล็ดงามีอำนาจอาถรรพณ์ และยังปรากฏในนิทานเรื่อง อาหรับราตรี ตอน อาลีบาบา กับโจรทั้งสี่สิบ ซึ่งมีคำกล่าวว่า เปิดเมล็ดงา (Open sesame)

ต้น งานั้นมีความสูงระหว่าง 0.5-2.5 เมตร ขึ้นกับสภาพที่ปลูก บางพันธุ์ก็มีกิ่งก้าน บ้างก็ไม่มี ที่แกนในแกนหนึ่งมีดอกราว 3 ดอก เมล็ดนั้นสีขาว ยาวราว 3 มิลลิเมตร เมื่อแห้ง เปลือกเมล็ดจะเปิดอ้า และเมล็ดจะหลุดออกมา การเก็บงาจึงต้องอาศัยแรงงานคนเพื่อมิให้เมล็ดงาร่วงหล่น ภายหลังเมื่อไม่นานมานี้ มีการพัฒนาพันธุ์มิให้เมล็ดแตะกระจาย ทำให้สามารถเก็บด้วยเครื่องจักรได้

ประโยชน์ และ สรรพคุณของงาดำ

ประโยชน์ ของงาดำ และ สรรพคุณของงาดำนั้น งาดำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum orientale L. อยู่ในวงศ์ Pedaliaceae ชื่อสามัญคือ sesame มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศเอธิโอเปีย และถูกนำเข้าไปยังอินเดียและแพร่ต่อไปในจีน แอฟริกาเหนือ เอเซียใต้ และทวีปอเมริกา ซึ่งงาดำมีประโยชน์อย่างมาก การบริโภคงาดำเป็นประจำ จะช่วยให้นอนหลับ กระปรี้กระเปร่า ป้องกันโรคเหน็บชา บำรุงกระดูก ป้องกันอาการท้องผูก ลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดบรรเทาอาการริดสีดวงทวาร และช่วยบำรุงรากผม

ส่วนประโยชน์และสรรพคุณของงาดำ อีกอย่างหนึ่ง คือ ถ้าใช้น้ำมันงาดิบนวดตัวในตอนเช้าก่อนอาบน้ำ จะช่วยปรับระบบประสาทและระดับฮอร์โมน ให้เข้าสู่สภาวะสมดุล ช่วยคลายเครียดทำให้จิตใจสงบ และยังสามารถนำน้ำมันงาดิบไปใช้นวดตัว เพื่อขจัดอาการปวดเมื่อย คลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดเข่า เล็ดขัดยอก และทำให้กล้ามเนื้อไม่เหี่ยวย่น ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก http://space.postjung.com/1097303-blog-74068.html


ดาวรุ่งลูกทุ่ง เนชั่นยู 2555

nationu
nationu

4 เม.ย.2555 มหาวิทยาลัยเนชั่นจัดประกวดแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่ง
และเต้นเป็นวง คล้ายรายการชิงช้าสวรรค์
มีเด็ก ๆ และนักร้องอาชีพมาร่วมกิจกรรมหลายคน
นายแบบ นางแบบตรึมครับ
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.283154258428333.65968.228245437252549

มหาวิทยาลัยเนชั่น จังหวัดลำปาง จัดงานใหญ่ “ ดาวรุ่งลูกทุ่งเนชั่นยู ”
ส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษา อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย

มหาวิทยาลัยเนชั่น จังหวัดลำปาง เตรียมจัดงานใหญ่ “ดาวรุ่งลูกทุ่งเนชั่นยู” ส่งเสริมให้เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา อนุรักษณ์เพลงไทยลูกทุ่ง พบศิลปินเพลงลูกทุ่งชื่อดังระดับประเทศ พร้อมการแสดงของนักศึกษาอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา ในเดือนเมษายน 2555 ณ ข่วงนครเทศบาลนครลำปาง/ชมฟรี
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์อินทร์ รักอริยะธรรม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเนชั่นจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ด้วยงานรับนักศึกษาและสื่อสารองค์กรมีหน้าที่หลักคือ การออกแนะแนวเพื่อประชาสัมพันธ์หลักสูตร และรับสมัครนักศึกษาให้เป็นไปตามเป้าหมายในแต่ละปีการศึกษา ซึ่งในช่วงปลายภาคเรียนที่ 2 นั้นเป็นช่วงที่นักเรียนจะเริ่มมองหาที่ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย มีผู้ปกครองเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ และเป็นโครงการต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากการจัดในปี 2554 ได้มีการจัดแข่งขันเต้นขึ้นเพื่อสร้างกิจกรรมให้กับนักเรียนในกลุ่มเป้าหมายและเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์หลักสูตร ร่วมกับการรับสมัครนักศึกษาใหม่ไปด้วย
ซึ่งในปีนี้ มหาวิทยาลัยเนชั่น จังหวัดลำปาง โดยงานรับนักศึกษาและสื่อสารองค์กร พร้อมทีมงานมืออาชีพ ได้จัดโครงการ “ดาวรุ่งลูกทุ่งเนชั่นยู” ประจำปีการศึกษา 2555 เพื่อเป็นการจัดกิจกรรมให้กับกลุ่มเป้าหมายคือ นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง สร้างการรับทราบข้อมูลของมหาวิทยาลัยที่ถูกต้องและชัดเจนเกี่ยวกับหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยเปิดสอน และภาพลักษณ์ใหม่ของมหาวิทยาลัยในปีการศึกษา 2555 และรับสมัครขึ้นทะเบียนนอกสถานที่

โดยในปีนี้มหาวิทยาลัยเนชั่น จะได้จัดการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง, การประกวดเต้นเพลงลูกทุ่ง, การแสดงเดินแฟชั่นโชว์ของนักศึกษา, การจัดนิทรรศการแนะแนวการศึกษาต่อ ประจำปีการศึกษา 2555, การจำหน่ายสินค้า OTOP, การจำหน่ายสินค้าและอาหารพื้นเมือง พร้อมกับได้เชิญศิลปินนักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดังระดับประเทศมาแสดงบนเวที โดยในปีนี้ได้จัดรูปแบบงานอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา เข้าชมฟรี

ผู้ที่สนใจหรือจะเข้าร่วมการแข่งขัน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ งานรับนักศึกษาและสื่อสารองค์กร (โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น) โทร.054-265170-6 ต่อ 135, 209 หรือที่คุณณัฐวรรณ ธรรมวัชรากร
โทร. 081 – 2874749 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นิเวศน์ อินติ๊บ (ภาพ/ข่าว)
https://www.facebook.com/nivate2012

http://it.nation.ac.th/news/new_view.php?id=407
http://blog.nation.ac.th/?p=1900

กิจกรรมงาน Road Show ของมหาวิทยาลัยเนชั่น
จะจัดขึ้นวันที่ 4 เมษายน 2555 ณ ข่วงนคร ลำปาง (ห้าแยกหอนาฬิกา)
โดยจะมีกิจกรรม ดังนี้
1.  ประกวดดาวรุ่งลูกทุ่งเนชั่นยู  (เต้น ในธีมเพลงลูกทุ่ง)
2.  ประกวดเสียงดีมีทุน  (รับจำนวนจำกัด)
3.  พบกับศิลปินญา ญ่า หญิง นักแสดงจากละครทางช่อง 3 (ต้มยำลำซิ่ง)
4.  การแสดงแฟชั่นโชว์ของนักศึกษา  สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเนชั่น
5.  การแสดงจากนักศึกษามหาวิทยาลัยเนชั่น

หมายเหตุ
เงินรางวัลการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง และเต้นประกอบเพลง “ดาวรุ่ง ลูกทุ่ง Nation-U
1.  รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวนเงิน 10,000 บาท
2.  รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวนเงิน 8,000 บาท
3.  รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 จำนวนเงิน 5,000 บาท
4.  รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล ๆ ละ 2,000 บาท

เงินรางวัลการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง “เสียงดี มีทุน
1 รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวนเงิน 3,000 บาท
2 รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จำนวนเงิน 1,500 บาท
3 รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 จำนวนเงิน 1,000 บาท
4 รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล ๆ ละ 500 บาท
รวมรางวัลมูลค่ากว่า 35,000 บาท
http://www.nationubangkok.com/news/detail-news.php?id=36




ปิดซื้อซองประมูลทีวีดิจิทอล (itinlife415)

เด็กดูทีวี
เด็กดูทีวี

http://www.personal.psu.edu/users/d/j/djw5068/assignment%205.html

ระบบทีวีในประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนไปจากระบบอนาล็อกที่มีเพียงไม่กี่ช่อง เป็นระบบดิจิทอลที่มีนับร้อยช่อง โดย กสทช. ได้เปิดให้มีการซื้อซองประมูล ทีวีดิจิตอล ระหว่าง 10-12 ก.ย.56 แล้วเปิดให้ยื่นซอง 28-29 ต.ค.56 แล้วประกาศรายชื่อผู้เข้าประมูลไม่เกิน 45 วันหลังรับซอง พบว่ามีเอกชนเข้าซื้อซองกว่า 33 ราย จำหน่ายไป 49 ซอง ในราคาซองละ 1,070,000 บาท ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถซื้อซองที่มีราคาสูงระดับนี้ได้อย่างแน่นอน แล้วการประมูลก็หมายถึงการแข่งขันด้านราคา ใครให้ผลตอบแทนสูงสุดก็จะชนะการประมูล เมื่อมีการแข่งขันก็ต้องมีผู้ผิดหวัง เพราะมีช่องทีวีที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินการได้มีเพียง 24 ช่อง หรือครึ่งหนึ่งต้องผิดหวังไป

ช่องรายการที่เปิดประมูลประกอบด้วย หมวดเด็ก เยาวชน และครอบครัว 3 ช่อง ซื้อซอง 8 ราย  ส่วนหมวดข่าว 7 ช่อง ซื้อซอง 12 ราย ส่วนหมวดทั่วไปคมชัดปกติ (SD) 7 ช่อง ซื้อซอง 17 ราย และหมวดทั่วไปความชัดสูง(HD) 7 ช่อง ซื้อซอง 12 ราย จะพบว่าการแข่งขันสูงสุดอยู่ในหมวดเด็ก เยาวชน และครอบครัว เป็น 2.67 เท่าของจำนวนช่องที่เปิดประมูล รองลงมาคือหมวดทั่วไปคมชัดปกติ เพื่อมีผู้ซื้อซองกว่า 2.4 เท่า และอีกสองหมวดเท่ากันมีผู้ซื้อซองมากกว่าช่องที่เปิดประมูลเป็น 1.7 เท่า

เป็นที่น่าสนใจของสื่อทุกแขนงที่จะหยิบเรื่องนี้มาเล่าต่อ วิเคราะห์วิพากษ์ เพราะบริษัทที่เข้าประมูลทั้งหมดเป็นบริษัทขนาดใหญ่ เป็นที่น่าสนใจแล้วกระทบต่อการสื่อสารกับประชาชนโดยตรง เมื่อเอ่ยชื่อบริษัทเหล่านั้นก็จะเป็นที่คุ้นเคยในแวดวงสื่อ เป็นการเริ่มต้นประวัติศาสตร์ใหม่ของระบบทีวีดิจิทอลในประเทศไทยว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่เวทีนี้มีจำกัด เมื่อมีผู้อาสาเข้ามามากกว่าพื้นที่ที่มีก็ต้องมีคนได้ไปต่อ และมีคนที่ไม่ได้ไป สำหรับเงื่อนไขการพิจารณาคือวงเงินงบประมาณที่จะจ่ายให้กับภาครัฐ ใครจ่ายมากก็จะได้ไปต่อ เป็นการแข่งขันครั้งสำคัญที่กระทบสื่อทุกแขนง บริษัทที่มีประสบการณ์ต่างหันหัวเรือเข้าหาทีวีดิจิทอลมากเป็นประวัติกาล แล้วเราชาวไทยคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในปีต่อไป

http://prachatai.com/journal/2013/09/48721

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/viewNews.aspx?NewsID=9560000115326

http://www.3bb.co.th/news/techno_detail.php?cnt_id=3199

สมองพัฒนาได้ ด้วยการเจริญสติ

มีการเผยแพร่ข้อมูลการวิจัยว่า การฝึกสมาธิ จะทำให้สมองเปลี่ยนแปลงได้ เป็นการทำลายความเชื่อที่ว่าสมองของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ดังนั้นการนั่งสมาธิก็จะมิใช่การนั่งหลับตาอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะถ้าทำให้สมองเปลี่ยนแปลง และเป็นผลดีต่อสุขภาพ ผลการวิจัยนี้ก็จะช่วยยืนยันทางวิชาการว่า .. การเจริญสมาธิเป็นผลดีต่อสุขภาพ
ที่มา สมองพัฒนาได้ ด้วยการเจริญสติ ผู้จัดการออนไลน์

สมองของคนเรา เป็นตัวควบคุม ความคิด อารมณ์ความรู้สึก ความจำ ซึ่งมีการทำงานอันสลับซับซ้อน วิชาการที่เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของสมอง เราเรียกว่า วิชา วิทยาศาสตร์ทางระบบประสาท (Neuroscience) ซึ่งเป็นวิชาการที่มีความสำคัญมาก กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในทางการแพทย์ เนื่องจากมันทำให้เราเข้าใจกลไกการทำงานต่างๆของสมองในด้านต่างๆ เช่น ความคิด ความจำ การรับอารมณ์ความรู้สึก

สำหรับเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก เช่น ความสุข ความทุกข์ ความเจ็บปวด เสียใจ เศร้าใจ ท้อแท้ เป็นต้น วิชาการที่ศึกษาเรื่องระบบประสาทต่ออารมณ์ความรู้สึกนี้ เรียกว่า Affective Neuroscienceมีนักวิจัยทางด้านระบบประสาทเกี่ยวกับอารมณ์คนหนึ่งที่มีผลงานน่าสนใจ คือ ศาสตราจารย์ริชาร์ด เดวิดสัน (Richard Davidson Ph.D)

ศาสตราจารย์ผู้นี้สนใจและศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอารมณ์ต่อระบบประสาท และวิธีการฝึกสมาธิและการเจริญสติต่อการเปลี่ยนแปลงของสมอง มีงานวิจัยที่น่าสนใจ คือ แต่เดิมนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เซลล์สมองที่มีมาแต่เกิดจะค่อยๆโตขึ้น จนเต็มที่ในวัยหนุ่มสาวและกลางคน เมื่อเข้าสู่วัยชราก็จะเริ่มเสื่อมลง และตายลงในที่สุด เซลล์สมองมีจำนวนเท่าไหร่ก็มีเท่านั้น ไม่มีการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงใดๆ

ต่อมา ดร.เดวิดสัน ได้ทำการศึกษาในพระทิเบตรูปหนึ่งชื่อ พระ ดร.แมทธิว ริคาร์ด ซึ่งฝึกสมาธิมาเป็นเวลา 20-30 ปี เมื่อตรวจด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ fMRI ก็พบว่า

คนที่ฝึกสมาธิเป็นเวลานานๆ สมองมีส่วนเปลือกนอกสีเทาๆ ที่เรียกว่า Gray Matter ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ของเซลล์ประสาท จะหนาตัวขึ้น นั่นหมายถึง มีเซลล์สมองเพิ่มขึ้น และบริเวณส่วนหน้าแถวหน้าผากด้านซ้าย จะมีการทำงานของคลื่นสมองดีขึ้น มีลักษณะของคลื่นสมองช้าลงและสม่ำเสมอมากขึ้น ที่เรียกว่า “คลื่นแกรมม่า” ซึ่งพบในคนที่จิตเป็นสมาธิลึกๆ

ต่อมา เขาได้ทดลองในอาสาสมัครที่ฝึกสมาธิทุกวัน วันละ 30 นาที เช้าและเย็น เป็นเวลา 3 เดือน แล้วตรวจดูด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ fMRI ก็พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน แสดงว่า สมองคนเรามีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและการทำงาน ซึ่งเขาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Neuroplasticity หรือ ความยืดหยุ่นของสมอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ค้นพบใหม่ และได้ทำลายความเชื่อเก่าที่ว่า สมองเปลี่ยนแปลงไม่ได้

เขาได้ทดลองทั้งแบบสมถและวิปัสสนากรรมฐานก็พบว่า ได้ผลเช่นเดียวกัน สมองของคนเราสามารถพัฒนาได้ตลอดเวลาโดยการจริญสติ ทำให้สมองสร้างเซลล์สมองใหม่ๆมากขึ้น การทำงานดีขึ้น คลื่นสมองสม่ำเสมอ ช้าลง ซึ่งเป็นลักษณะของคนที่มีความสุข สุขภาพจิตดี

นอกจากนั้น เขายังได้ศึกษากรณีของอารมณ์เครียด อารมณ์โกรธ และอารมณ์ซึมเศร้า ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในสมองในทางตรงข้าม คือมันทำให้เซลล์สมองเสื่อม ความจำเสื่อมลง และเซลล์อายุสั้นลง

ดร.ริชาร์ด เดวิดสัน นักวิจัยทางระบบประสาท
ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของโลก

ศจ.ดร.เดวิดสันจบปริญญาตรีทางจิตวิทยาในปีค.ศ. 1972 และต่อปริญญาโทและเอก ด้านจิตวิทยาและจิตเวชศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 1976

หลังจบการศึกษาแล้ว ได้ทำงานเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ค 8 ปี เขาได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของสมองกับอารมณ์ไว้มากมาย

ต่อมา ดร.เดวิดสันได้ย้ายมาทำงานที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน ตั้งแต่ปี 1984 ถึงปัจจุบัน และได้เริ่มต้นบุกเบิกงานวิจัยด้านอารมณ์ต่อสมอง ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณราว 10 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบัน เขาเป็นผู้อำนวยการของศูนย์วิจัย 3 แห่งของมหาวิทยาลัย คือ

1. Waisman laboratory for Brain Imaging and Behavior
2. Center for Investigating Healthy Minds
3. Laboratory for Affective Neuroscience (psyphz.phych.wisc.edu)

และมีผลงานตีพิมพ์ 150 เรื่อง เขียนหนังสือ 13 เล่ม ซึ่งเป็นการศึกษาการทำงานของสมองกับอารมณ์ในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ เช่น เด็กสมาธิสั้น คนที่มีความเครียด โรคซึมเศร้า ศึกษาการทำงานของสมองในคนที่มีบุคลิกแบบชอบใช้ความรุนแรง คนที่เป็นฆาตกร คนที่มีบุคลิกก้าวร้าว ทำให้ได้ค้นพบคลื่นสมองและวงจรที่มีลักษณะเฉพาะในคนเหล่านี้

สุดท้าย ดร.เดวิดสันได้ทำการศึกษาคลื่นสมองในคนฝึกสมาธิและวิปัสสนา ทำให้ได้ทราบว่า สมองคนเราสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ตลอดเวลา โดยการทำสมาธิและวิปัสสนา ซึ่งจะแก้ไขอารมณ์ด้านลบได้ โดยการพัฒนาสมองส่วนที่เกี่ยวกับการรับอารมณ์ และวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงสมองคือการเจริญสติให้อยู่กับปัจจุบัน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการป้องกันโรคจิต โรคประสาท ทำให้มีสุขภาพจิตดี

ดร.เดวิดสันได้รับรางวัลทางวิชาการจำนวนมาก ในปี ค.ศ.2000ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่นของสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา และเป็น 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลต่อคนในโลก ในปี 2006 ของนิตยสารไทม์

ศจ.เดวิดสันทำสมาธิภาวนาอยู่เป็นประจำทุกวัน เขาสนใจพุทธศาสนาตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์ปีที่ 2 ได้มีโอกาสเดินทางมาเรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกสมาธิในอินเดีย และได้เป็นกรรมการสถาบัน Mind and Life Institute ในปี 1991เป็นต้นมา

สถาบันแห่งนี้เป็นสถาบันที่นักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการศาสนา พระภิกษุ มาพบกันเพื่อเสวนาทางวิชาการว่าด้วยพุทธศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ในแง่มุมต่างๆ ซึ่งมีการจัดประชุมวิชาการทุกปี โดยมีองค์ทะไลลามะ เป็นประธาน

ศจ.เดวิดสันได้ทำงานร่วมกับองค์ทะไลลามะอย่างยาวนาน ซึ่งท่านได้ให้การสนับสนุนงานวิจัยของเขาตลอดมา สถาบันแห่งนี้ได้สร้างองค์ความรู้และเชื่อมวิทยาศาสตร์เข้ากับศาสนา เป็นผู้จุดประกายให้นักวิทยาศาสตร์หันมาสนใจเรื่องของจิต เรื่องของศาสนาในแง่มุมต่างๆ และมีผลงานวิชาการออกมามากมายจนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน ศจ.เดวิดสันเป็นนักวิจัยทางระบบประสาทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของโลก มีงานวิจัยอันโดดเด่น ซึ่งทำให้วิชาวิทยาศาสตร์ทางสมองพัฒนาขึ้นมากในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา (ท่านผู้อ่านเข้าไปดูข้อมูลได้ใน www.richardjdavidson.com หรือฟังคำบรรยายใน youtube โดยพิมพ์ชื่อของเขาลงไป มีคำบรรยายให้ฟังหลายเรื่อง ที่ขอแนะนำ ได้แก่ Richard Davidson : science and Dharma 5/9/2011, Transform your mind,Change your Brain และNeuroplasticity : Implication of Scie ntific Research on Meditation for spiritual care. หรือพิมพ์คำว่า Neuroplasticity ก็จะมีคำบรรยายเรื่องนี้หลายตอนที่น่าสนใจ

พระ ดร.แมทธิว ริคาร์ด
นักวิทยาศาสตร์แห่งความสุข
จากดอกเตอร์ด้านวิทยาศาสตร์
สู่การเป็นพระสงฆ์ในพุทธศาสนา

พระทิเบตรูปหนึ่งที่ร่วมงานวิจัยทดลองผลของการฝึกสมาธิต่อสมอง กับ ศจ.เดวิดสัน คือ พระ ดร.แมทธิว ริคาร์ด (Matthieu Ricard) ชาวตะวันตกที่บวชเป็นพระทิเบต ในสำนักขององค์ทะไล ลามะ จบปริญญาเอกทางด้านโมเลกุลพันธุศาสตร์ สถาบันปาสเตอร์ กรุงปารีส ในปี 1972

หลังจบการศึกษา ท่านได้เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนที่เมืองดาร์จิริ่ง ทางตอนเหนือของอินดีย แถบเทือกเขาหิมาลัย และที่นี่เองที่ทำให้ท่านเกิดแรงบันดาลใจในการค้นหาหนทางแห่งความพ้นทุกข์ จึงได้บวชและศึกษาพุทธศาสนาแบบทิเบต ฝึกการทำสมาธิภาวนาอยู่ที่นี่เป็นเวลา 26 ปี

หลังจากนั้น ท่านได้เดินทางกลับไปเผยแผ่ธรรมที่ยุโรปและอเมริกา โดยได้รับเชิญไปบรรยายในมหาวิทยาลัยต่างๆ และเขียนหนังสือธรรมะ

ท่านได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับนักวิทยาศาสตร์ ในกิจกรรมของสถาบัน Mind and Life Institute และได้รับการชักชวนให้มาร่วมงานวิจัยกับศจ.เดวิดสัน ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน ในปี 2009

เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ท่านได้รับเชิญไปร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในการนำเอาวิถีทางแห่งพุทธธรรมมาใช้ในการบำบัดความทุกข์ และเมื่อเศรษฐกิจทุนนิยมกำลังล่มสลาย ท่านได้กล่าวกับนักธุรกิจใหญ่ของโลกจำนวนมากที่มาประชุม The World Economic Forum ณ เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ว่า

“โลกทุนนิยมเกิดจากความโลภของผู้คนอย่างไม่มีข้อจำกัด ความจริงสิ่งต่างๆที่อยู่ในโลกมีพอสำหรับความต้องการของทุกๆคน แต่ไม่พอสำหรับความทะยานอยากของคนจำนวนน้อย ถึงเวลาที่เราจะต้องหยุดความโลภในการแสวงหาวัตถุในนามของการทำธุรกิจเพื่อสังคมได้แล้ว

วิถีของทุนนิยมจะทำให้เกิดสงครามแย่งชิงทรัพยากร มีความขัดแย้งไปทั่ว คนที่แข็งแรงกว่าจะเอารัดเอาเปรียบคนที่อ่อนแอกว่า จะเกิดทำร้ายกัน ขาดความรักความเมตตาต่อกัน สภาพแวดล้อมของโลกจะถูกทำลาย ทำให้เราอยู่ไม่ได้”

ท่านได้เผยแพร่ความคิดเรื่อง การพัฒนาชีวิตเพื่อให้เกิดความสุข โดยการละความโลภ โกรธ หลง ตามแนวทางพุทธศาสนา และเขียนหนังสือเผยแพร่ทั่วไปในโลกตะวันตก หนังสือของท่านได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม

ท่านยังเป็นประธานองค์กร Karuna Shechen ซึ่งเป็นองค์กรการกุศล ไม่แสวงหากำไร ทำงานช่วยสังคมในแง่การศึกษา การรักษาโรค และงานสังคมสงเคราะห์ งานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ท่านอุทิศรายได้จากการจำหน่ายหนังสือและเงินบริจาคทำบุญ ทำโครงการเพื่อมนุษยชน 41 โครงการ เช่น สร้างสะพาน 8 แห่ง, สร้างโรงเรียน 13 แห่งในทิเบต และ 4 แห่งในเนปาล สร้างบ้านพักคนชรา 3 แห่ง ช่วยให้เด็กนักเรียนได้เรียนหนังสือ 15,000 คน ช่วยรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลได้ 1 แสนคนต่อปี ท่านสอนให้คนมีน้ำใจอันดีงาม มีความเมตตากรุณา ช่วยเหลือผู้อื่น ให้รักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งหาได้ยากในโลกวัตถุนิยม

ปัจจุบัน ท่านเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงในโลกตะวันตก ได้รับการยกย่องให้เป็นนักวิทยาศาสตร์แห่งความสุข และรัฐบาลฝรั่งเศสได้มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งชาติฝรั่งเศส (French National Order of Merit) เป็นรางวัลแห่งคุณความดี เพื่อยกย่องท่าน

ท่านผู้อ่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม ในwww.Matthieuricard.org และฟังคำบรรยายของท่านใน www.youtube.com/ Matthieu Ricard จะมีคำบรรยายอยู่หลายเรื่องที่น่าสนใจ เช่น The Devotion of Matthieu Ricard Official Trailer, Matthieu Ricard : The Habits of Happiness,change your mind change your brain : the inner conditions เป็นต้น

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 151 กรกฎาคม 2556 นพ.แพทย์พงษ์ วรพงศ์พิเชษฐ)

http://www.manager.co.th/dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9560000079672

http://www.manager.co.th/science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000109401

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=644376315595115&set=a.123791347653617.12060.100000682560259

ชุดนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เรื่องเกี่ยวกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับประชาธิปไตย
การเมืองไทย และการต่อสู้ ที่น่าจดจำ
การเป็นศิษย์ของสถาบันนี้ จึงเป็นที่น่าภูมิใจ

ความภูมิใจของนิสิต ที่ได้ใส่ชุดฟอร์มของสถาบัน
ความภูมิใจของนิสิต ที่ได้ใส่ชุดฟอร์มของสถาบัน

http://www.dek-d.com/board/view/1575736/

การแสดงตัวในที่สาธารณะว่าเป็นนิสิตของที่นี่
คือ .. สิ่งที่น่าชื่นชม
ทั้ง เข็มขัด เข็มกลัด สีเสื้อ คือ เอกลักษณ์ของแบบฟอร์ม

ก็เหมือนกับนักเรียนนายร้อยที่มักแต่งชุดเต็มยศ .. กลับบ้าน
ใคร ๆ เห็นก็รู้สึกดี และชื่นชม

.. นี่เป็นความรู้สึกของผม เกี่ยวกับคำว่า uniform


เรื่อง uniform
ชุดฟอร์มของนายร้อย ใคร ๆ ก็อยากสวม แต่ไม่มีสิทธิ.
ชุดนักศึกษาดูดีมีการศึกษา คนไม่ได้เป็นเขาก็อยากใส่
ชุดของสถาบันที่มีประวัติศาสตร์ ยิ่งสะท้อนถึงความภูมิใจชัดเจน
.. ก็เป็นเรื่องของ uniform ที่สะท้อนตัวตนในสังคม.

http://education.kapook.com/view70703.html