วิธีแรก -> แหล่งขายน่าเชื่อถือเพียงใด?
เคาน์เตอร์แบรนด์ของเครื่องสำอาง เช่น ตามห้างสรรสินค้าชั้นนำ หรือบูธของเครื่องสำอางนั้นๆ มีความน่าเชื่อถือในการซื้อเครื่องสำอางมากกว่าตลาดนัด เพราะนอกจากเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าโดยตรงของแบรนด์นั้นเอง ยังมี tester ให้ลองก่อน
ในปัจจุบันมีช่องทางการขายเครื่องสำอางออนไลน์ตามเว็บไซต์ต่างๆ มากมาย สาวๆ จำนวนไม่น้อยไม่ว่างออกไปช้อป สะดวกคลิกสั่งซื้อทางออนไลน์มากกว่า ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อตามแหล่งซื้อขายที่มีความน่าเชื่อถือ มีสถานที่ตั้งและช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน มีบริการที่ดีทั้งในระหว่างการขายและหลังการขาย มีตัวแทนจำหน่าย สามารถคืนได้หากแพ้
วิธีสอง -> ผ่านการรับรองจาก อย. ล่ะยัง?
เห็นกันเกลื่อน! ตามร้านเปิดท้ายของห้างฯ หรือตามตลาดนัด แป้งพัฟ 50 บาท อายแชโดว์ 50 บาท ลิปสติก 5 แท่ง 100 บาท ทาวันเดียวติดทนไปสามวัน!!
กฎเหล็กเลยนะคะว่า เครื่องสำอางที่จะซื้อต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ อาทิ เช่น องค์การอาหารและยา (อย.) ดังนั้น ควรส่องหาเครื่องหมาย อย. บนฉลากเสียก่อน อย่าบุ่มบ่ามซื้อโดยไม่มี อย.อย่างซื้อเด็ดขาด เพราะเครื่องสำอางที่ไม่ผ่านการตรวจสอบและรับรอง อาจจะมีการผสมสารต้องห้ามที่เป็นพิษต่อร่างกาย ผสมสารปรอท คุณก็ทราบดีว่าพิษสงมันร้ายแรงขนาดไหน
อย่างกเงิน หรือคิดเพียงว่าราคาแค่นี้ ซื้อมาลองไม่เสียหาย แค่เงินไม่ถึงร้อยอาจทำคุณหน้าเน่า ยับเยิน ต้องเสียเงินเพื่อกู้หน้าเก่ากลับมาอีกเป็นปี จะไปฟ้องร้องใครก็ลำบาก เพราะไม่ไตร่ตรองก่อนซื้อเสียก่อน
วิธีสาม -> ต้องลองใช้ เกิดอาการแพ้ไหม?
ก่อนตัดสินใจซื้อไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ คนดังใช้ หรือได้รับการรับรองจากหลายสถาบันชั้นนำ ก็อาจจะไม่ถูกกับผิวของเราได้ แล้วอาการแพ้ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้น คุณๆ จึงควรทดสอบก่อน
สามารถทดสอบได้ง่ายๆ คือ การทาหรือฉีดลงบริเวณท้องแขน หลังหู หรือผิวเนื้ออ่อน ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น คัน เกิดรอยแดง ผื่นขึ้น บวม ระคายเคือง หรือแสบร้อน ควรหลีกเลี่ยงทันที ทว่า หากจะทดสอบควรทดสอบเครื่องสำอางประเภทเดียว ไม่ควรลองหลายอย่าง หากแพ้เราจะได้ทราบว่าแพ้ตัวใด ยี่ห้อไหน
วิธีสี่ -> อ่านฉลาก หมดอายุเมื่อไร?
เครื่องสำอางมีอายุหลังการผลิตประมาณ 3-5 ปี ก่อนซื้อจงตรองดูก่อน
วิธีสังเกตเครื่องสำอางหมดอายุ ดูได้จากสี กลิ่น เนื้อของเครื่องสำอางไม่เหมือนเดิม ส่วนผสมแยกชั้น ตัดใจทิ้งเถอะ
หรือหากคุณเป็นคนขี้ลืม อาจเขียนวันที่เราเปิดใช้ครั้งแรกเอาไว้ เพื่อจะได้รู้อายุเครื่องสำอางและเตือนความจำได้ง่ายขึ้น อ่านข้อมูลและส่วนผสม ซึ่งจะบอกได้ว่าเครื่องสำอางนั้นมีส่วนผสมที่เราแพ้หรือเปล่า เช่น บางคนที่อาจแพ้เครื่องสำอางที่มีน้ำหอม หรือแอลกอฮอล์ เป็นต้น
นอกจากนี้ อีกส่วนที่เราควรให้ความใส่ใจก็คือบริษัทผู้ผลิต หรือบริษัทนำเข้า ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เพื่อสอบถาม ร้องเรียนได้
วิธีใช้ของเครื่องสำอางในแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน เราควรรู้ว่าต้องใช้ในปริมาณเท่าใด กี่ครั้งต่อวัน ต้องใช้ที่จุดไหนของร่างกาย เพื่อให้ใช้ได้อย่างถูกต้อง เช่น ครีมบางตัวทาร่วมกับครีมอย่างอื่นไม่ได้ก็มีนะ และอย่าอุตริเอาลิปสติกมาทาเปลือกตา เพราะเครื่องสำอางบางประเภทเอาไว้ใช้เฉพาะที่เท่านั้น
http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9560000054096