คนที่บ้านเป็นลม วัดความดันพบว่าต่ำ จึงไปหาหมอ
(ไม่เกี่ยวอะไรกับความดันทุรังนะครับ)
16 ก.ย.59 หมอแนะนำว่าให้ออกกำลังกาย
ให้ยาลดความเครียด
แนะนำให้ออกกำลังกาย
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ติดราวในห้องน้ำ เวลาเป็นลมจะได้มีที่เกาะ
จากนั้นก็ไปค้นข้อมูลเก็บไว้อ่าน ดังนี้
ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) คือ การที่ความดันโลหิตลดลงอย่างกระทันหันอาจเกิดเนื่องมาจากหัวใจล้มเหลว ที่จะรักษาระดับความดันไว้ได้ หรือเกิดจากการขาดของเหลวไหลเวียนอย่างรุนแรงในระบบหมุนเวียนโลหิต
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความดันต่ำ คือ การอดอาหารเป็นเวลานาน ๆ การใช้ยาระงับประสาทบางชนิด การเสียเลือดมากกว่าปกติ และความผิดปกติในการขับถ่าย ความดันต่ำไม่เป็นอันตรายก็จริง แต่ก็คงจะทำให้เป็นคนอ่อนแอ ไม่มีแรง ปวดหัวเวียนหัวอยู่ตลอดเวลา ทำงานที่ออกแรงไม่ได้ เป็นต้น
ความดันโลหิตโดยทั่วไปสำหรับผู้ ใหญ่
ถ้าเกิน 140/90 ถือว่าเป็นความดันโลหิตสูงเกินควร
ถ้าต่ำกว่า 100/60 ถือว่าต่ำเกินควร
ตัวเลขเหล่านี้เราจะรู้ได้จากการวัดด้วยเครื่องวัดความดันโลหิต (Sphygmomanometer) ซึ่งจะเป็นเครื่องวัดที่ต้องใช้หูฟัง (Stethoscope) หรือจะเป็นเครื่องวัดอัตโนมัติแบบที่เรียกว่าดิจิตอลก็ได้
(Omron : digital blood pressure monitor)
ความดันโลหิตต่ำเกิดขึ้นได้จากต้นตอ 2 ประการ คือ
อันตรายร้ายแรงจากระบบบกพร่องนั้น จะไม่ค่อยมี แต่ผู้ที่ความดันโลหิตต่ำมักจะ เป็นคนที่ไม่มีแรง เวียนหัว หัวหมุน และคลื่นไส้อาเจียนได้ง่าย ทำงานหนักไม่ค่อยจะได้ เหนื่อยง่ายส่วนที่ความดันโลหิตต่ำเพราะมีโรคภัยเฉพาะหน้าเกิดขึ้นนั้น อาจจะเกิดขึ้นเพราะโลหิตจางแบบเฉียบพลัน ซึ่งสาเหตุอาจจะเป็นเพราะอุบัติเหตุเสียเลือดมาก หรือมีสิ่งที่เป็นท้อกซินมากเข้าสู่ร่างกายอย่างกะทันหัน หรือต้องรับยาเคมีบางอย่าง เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งต้องรับเคมีบำบัด และต้องใช้รังสีบำบัด เป็นต้นความดันต่ำกว่าปกติสามารถก่อผลเสียอย่างทันทีได้มากมาย เนื่องจากอวัยวะสำคัญหลายชนิดต้องการเลือดและความดันเลือดในระดับหนึ่ง จึงจะทำหน้าที่ได้ดี เมื่อความดันต่ำลงมาก อวัยวะต่างๆ ก็จะเริ่มหยุดทำงานที่สำคัญๆ ได้แก่ ไต ตับ หัวใจ สมอง โดยเฉพาะสมองที่จะก่อให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมหมดสติ และในที่สุดอาจจะเสียชีวิตได้ถ้าไม่ได้แก้ไขสาเหตุของความดันต่ำ อาการนี้ทางการแพทย์เรียกว่า Shock
สาเหตุที่พบแบ่งตามลักษณะการเกิดและการรักษา
1. Hypovolumic shock ช๊อคความดันต่ำจากการเสียเลือดหรือเสียน้ำจากร่างกายมากๆ พบในอุบัติเหตุ หรือการติดเชื้อบางอย่าง(ท้องร่วง)
3. Cardiogenic shock ความดันต่ำช๊อคจากการที่หัวใจทำงานแย่ลง พอตัวปั๊มเลือดทำงานแย่ ความดันเลือดก็ลดลง พวกนี้เจอในโรคหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจวายทั้งหลาย
สามตัวนี้ ถ้าปล่อยไว้ ตาย… (บางทีรักษาไม่ไหวก็ตาย)
Symptomatic hypotension อื่นๆ ได้แก่โรคหรือภาวะใดๆที่ทำให้ร่างกายเกิดความดันต่ำขึ้นชั่วขณะ มีหลายๆตัว อันตรายบ้างไม่อันตรายบ้าง แต่อาการที่ตรงกันก็คือจะมีอาการหน้ามืด เป็นลม เหงื่อแตก ใจเต้นเร็ว หมดสติหรือเกือบหมดสติ
ถ้าจะให้รู้ว่าเพราะโลหิตจางหรือไม่ คงจะต้องตรวจเลือดก่อนแล้วดูที่ปริมาณเม็ดเลือดขาวก่อนเป็นตัวแรกต่อจากนั้นให้ดูที่เฮโมโกลบิน (ตัวที่รับเอาออกซิเจนเข้าไว้ในเลือด) แล้วดูเฮมาโตคริต (เปอร์เซ็นต์ของเม็ดเลือดแดงทั้งหมด)ถ้าชนิดของเลือดเหล่านี้ต่ำกว่าเกณฑ์จะค่อนข้างแน่ใจว่าโลหิตจาง และถ้าวัดความดันโลหิตว่าต่ำกว่าเกณฑ์ก็ต้องให้เลือดเป็นการด่วน แต่การปฏิบัติเช่นนี้เป็นหน้าที่ของแพทย์ทำเองไม่ได้ เมื่อแก้อาการโลหิตจางตามนี้ได้แล้ว ความดันโลหิตของคุณน่าจะขึ้นมาได้อยู่ในระดับปกติ
แต่อีกอย่างหนึ่งที่จะต้องเฝ้าดูเป็นพิเศษ คือ การที่คุณโลหิตจางนั้นเกิดจากการเลือดออกภายในร่างกายหรือไม่ เลือดออกภายในนี้อาจจะเป็นที่แผลในกระเพาะหรือลำไส้ คุณรับประทานอะไรเข้าไปเป็นกรดหรือย่อยไม่หมด ก็จะทำให้แผลภายในเลือดออกไม่หยุด อย่างนี้อันตรายแบบเฉียบพลัน ความดันโลหิตต่ำอย่างแน่นอนฉะนั้น อย่าวางใจถ้าความดันโลหิตต่ำจนหมดแรงจะเป็นลม แต่ไม่พบอาการผิดปกติอย่างอื่นให้ดูให้แน่ว่ามีเลือดออกภายในร่างกายหรือไม่ รีบส่งโรงพยาบาลด่วน โรคเฉพาะหน้าที่ทำให้ความดันโลหิตต่ำอีกอย่างหนึ่งและไม่ค่อยมีใครสังเกตพบ ก็คือ ผู้ที่เป็นหวัดอย่างแรง หรือไปติดเชื้อหวัดใหญ่มา ความดันโลหิตมักจะต่ำ แต่ก็ไม่มีใครค่อยสังเกต เพราะถ้าใครเป็นหวัดใหญ่ ก็มักจะให้คนไข้นอนพัก ให้ยาแก้ไข้ ให้อาหารบำรุงไม่กี่วันก็จะหายแต่ข้อสังเกต ถ้ามีโอกาสตรวจความดันโลหิตและปรากฏว่าเป็นความดันต่ำแล้วละก็ รีบให้ยาบำรุงเลือดด้วย
คำแนะนำเพื่อช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตต่ำ
1. ดื่มชาโสม ชาโสมจะมีประโยชน์ในกรณีอ่อนเพลีย
2. ดื่มชาขิง ชาขิงจะช่วยกระตุ้นและสนับสนุนระบบหมุนเวียนโลหิต
3. การพักผ่อนนอนหลับให้สนิทและมากๆ มีความจำเป็นเพราะการนอนไม่หลับจะทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ
4. รับประทานผลไม้เพื่อให้ได้วิตามิน
5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ถ้ามีปัญหาเรื่องขาดอาหาร ก็ควรให้สารอาหารชดเชย เช่น
– กรดโฟลิคจากน้ำผึ้งช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง
– กรดอะมิโนในสาหร่ายเกลียวทองเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อผนังเส้นเลือดและระบบประสาทอัตโนมัติ
– วิตามิน เกลือแร่ ในว่านหางจระเข้ช่วยให้เกิดสมดุลของความดันโลหิต
– วิตามินซี ช่วยในการดูดซึมแคลเซี่ยม ธาตุเหล็กและกระบวนการเมตาโบลิซึมของร่างกาย
– วิตามินอีในเมล็ดทานตะวันช่วยลดการแตกตัวของเม็ดเลือดแดง
1. แก้ด้วยอาหาร ควรจะให้อาหารที่เพิ่มโปรตีน ให้มากๆ สำหรับท่านที่กินอาหารชีวจิตอยู่แล้ว เราให้กินโปรตีนทั้งจากพืชและจากเนื้อสัตว์ได้ จากพืชก็คือ ถั่วต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วแดง และผลิตผลจากถั่ว เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร เป็นต้น และเราให้กินปลาหรืออาหารทะเลได้ อาทิตย์ละ 2 ครั้งอาจจะเพิ่มปลาได้เป็นอาทิตย์ละสัก 3 ครั้ง และถั่ว-เต้าหู้ให้เพิ่มขึ้นเป็น 25% แทนที่จะเป็น 15%
2. กินวิตามิน B COMPLEX 100 มก. เป็นประจำวันละ 1 เม็ด และให้แถม B1 100 มก.และ B12 500 ไมโครแกรม อีกอย่างละเม็ด
3. แคลเซียม 1,000 มก. และโปแตสเซียม 500 มก. กินประมาณ 1 เดือน เว้น 1 เดือน
4. วิตามิน E 400 IU. วันละ 1 เม็ด
5. ขอให้ออกกำลังกายเบาๆก่อน ใช้วิธีรำตะบองแบบชีวจิตจะดีที่สุด แรกใช้
6. ใช้หัวแม่มือนวดเบาๆ บริเวณกลาง หน้าอกแล้วเลื่อนไปที่บริเวณใกล้รักแร้สองข้าง
+ http://www.thairath.co.th/content/134141
+ https://en.wikipedia.org/wiki/Hypotension
+ http://med.mahidol.ac.th/ramachannel/index.php/knowforhealth-20140914-3/
+ http://www.thaihealth.or.th/node/17259
+ http://www.thailabonline.com/sec31hypo.htm