ระหว่างความรักกับความใคร่

เขารักฉันจริงๆ หรือเป็นแค่ความใคร่กันแน่?  แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นแค่แรงปรารถนาทางเพศหรือรักแท้กันแน่?

ความรักจะทำให้คุณรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่าย ขณะที่ความใคร่ทำให้คุณน่าเป็นห่วงเสียเอง

ความรู้สึกเหมือนเมาคือผลข้างเคียงจากการมี เซ็กส์สม่ำเสมอ ทว่าไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณพบกับคู่แท้ของคุณ Psychology Today รายงานว่าความใคร่จะทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับรางวัลและแรงบันดาลใจทำ งาน ขณะที่ความรักจะทำให้สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความรักและความเห็นอกเห็นใจทำ งาน เมื่อคุณอยู่ในห้วงแห่งความรัก คุณจะเป็นห่วงเขามากกว่าที่คุณห่วงตัวเองเสียอีก

ความรักจะทำให้คุณยอมรับตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย แต่ถ้าเป็นความใคร่คุณจะรักแค่แนวคิดของคนๆนั้น

จำช่วงแรกๆได้ไหม? จำตอนที่คุณเพ้อถึงเขาขณะที่คุณกำลังทำงานอยู่ได้ไหม? คุณคิดถึงภาพที่คุณสองคนอยู่ด้วยกันบนเตียง ไปเดท และมีช่วงเวลาสำคัญในชีวิตร่วมกัน แม้กระทั่งการทะเลาะกันครั้งแรก ไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรก ที่สำคัญจูบแรกด้วย และเมื่อตื่นขึ้นมาจากความฝันคุณก็ยังรู้สึกว่าอยากเคียงคู่ชู้ชื่นอยู่กับ เขา นั่นแหละคือความรักแน่นอน

ความรักจะทำให้คุณอยากมีเซ็กส์หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานแสนนาน ส่วนความใคร่จะทำให้คุณอยากมีเซ็กส์ทุกครั้งที่เจอกัน

หากคุณกับคนรักคบกันมาเป็นเวลานานแล้วก็มี โอกาสที่กิจกรรมทางเพศกับความใกล้ชิดจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม ง่ายๆคือเมื่อความใกล้ชิดเพิ่มขึ้น กิจกรรมทางเพศก็จะลดลง นั่นเป็นเพราะความสัมพันธ์มีอย่างอื่นที่สำคัญกว่าเซ็กส์ คุณทั้งสองคนจะได้รู้จักกันมากขึ้น มีประสบการณ์ร่วมกันมากขึ้น และนอนหลับฝันดีไปด้วยกัน

ความรักจะทำให้คุณมองข้ามรูปลักษณ์ของเขา ขณะที่ความใคร่จะทำให้คุณสนใจแต่ใบหน้าของเขา

เมื่ออยู่ในห้วงแห่งความรักคุณจะมองเห็นคน รักของคุณแตกต่างจากที่คนทั้งโลกมองเห็น นั่นคือคุณจะมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกนอกของเขา รูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่เคยต้องตาต้องใจคุณจะไม่สำคัญอีกต่อไป เนื่องจากคุณจะสนใจความรู้สึกนึกคิดของเขามากกว่า

หากเป็นความรักคุณจะอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา ขณะที่ความใคร่คุณจะไม่พูดอะไรเลย

สิ่งที่คุณต้องการในช่วงแรกคือการได้พูดคุยกับเขาตลอดทั้งวัน ทุกคำพูดของคุณล้วนมีความหมายและเป็นสิ่งที่คุณต้องการให้เขารับรู้

ไม่ว่าจะเป็นความรักหรือความใคร่ คุณจะอยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

แต่ความใคร่คือพลังงานที่ถูกผลักดันด้วย ฮอร์โมน ขณะที่ความรักคุณจะรู้สึกแตกต่างออกไป อย่างไรก็ตามไม่สำคัญว่าคุณจะคบกันถึงขั้นไหนแล้ว แต่คุณควรตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เจอกับคนที่คุณต้องการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไปตลอดทั้งชีวิต

————ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://love.imeaw.com/s/40247

ภาพขนาดนี้ เตือนขนาดนั้น เลิกขายเลยดีกว่าไหม

ภาพขนาดนี้ เตือนขนาดนั้น เลิกขายเลยดีกว่าไหม

บุหรี่ สุรา ทำให้ข้างในดำ
บุหรี่ สุรา ทำให้ข้างในดำ

คำเตือนบนซองบุหรี่ในรูปประกอบ
เขียนชัดเลยว่า “วอน นิ่ง”
บุหรี่เป็นสาเหตุของสมองขาดเลือด
เขียนกันขนาดนี้ “เลิกขายไปเลยดีกว่าไหม”
ใครที่ไหนเค้าจะไปกล้าสูบกัน ???
เหตุผลที่ไม่สูบ ตามมาเป็นหางว่าว …
http://teen.mthai.com/variety/42165.html

มีเรื่องราวมากมาย ไม่ต้องแปล ไม่ต้องคิดลึก ตรงตัวเลย
1. บุหรี่ออกจะแพง
2. ทำให้สมองขาดเลือด
3. ทั้งรูป และเขียนเตือนจนน่ากลัว

เจตนาไม่ให้สูบออกจะชัด

โฆษณาซะขนาดนี้ คงไม่มีใครสูบล่ะมั้ง

วิธีลดอาการท้องอืดด้วยตัวเอง

ท้องอืดเป็นอาการที่พบได้ในคนทั่วไป มีสาเหตุจากระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เกิดแก๊สและกรดส่วนเกินในกระเพาะอาหาร แต่จะพึ่งยาลดกรดทุกครั้งไปก็อาจจะไม่ค่อยดีนัก มาลองปรับพฤติกรรมเพื่อลดอาการท้องอืดกันค่ะ

– ทานมื้อเล็กบ่อยๆ และเคี้ยวให้ละเอียด เพราะอาหารมื้อใหญ่ และการดื่มน้ำคราวละมากๆ จะทำให้กระเพาะอาหารโป่งออก ทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างหย่อนลง เกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น
– ค่อยๆ ลดของหวาน เนื้อสัตว์ และอาหารมัน โดยจดบันทึกรายการอาหาร ทำเครื่องหมายไว้ว่า วันเวลาใดมีอาการ เพื่อจะได้เลี่ยงอาหารชนิดนั้นเสีย เพราะกระเพาะอาหารใช้เวลาย่อยอาหารนาน 6-8 ชั่วโมง ซึ่งทำให้เกิดการหมักหมม กลายเป็นแก๊สในท้อง
– เลี่ยงผักดิบในตอนเย็น เพราะผักมีเส้นใยมาก ถ้ากินมากไปจะทำให้ท้องอืดได้ เนื่องจากร่างกายไม่มีน้ำย่อยเส้นใยนี้ แต่ต้องอาศัยแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นตัวย่อย ทางที่ดีหันมากินผักลวกหรือผักต้มแทนดีกว่า
– ถ้าจุกเสียดแน่นท้องแล้ว ให้ลุกขึ้นเคลื่อนไหวร่างกาย ดื่มน้ำอุ่น หรือกินสมุนไพรที่มีฤทธิ์ขับลมอย่างขมิ้นชัน หากท้องอืดก่อนนอนให้นำผ้าห่มหนุนหัวเตียงให้สูงขึ้น 6-8 นิ้ว จะทำให้กรดและน้ำย่อยไหลลงกระเพาะอาหารได้เร็วขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://women.thaiza.com/

นาฬิกาอัจฉริยะหรือนาฬิกาฉลาด (itinlife538)

pebble smartwatch
pebble smartwatch

คำว่าสมาร์ทวอทช์ (Smart Watch) หรือนาฬิกาอัจฉริยะ มาจากภาษาอังกฤษ 2 คำคือ Smart แปลว่าฉลาด และ Watch แปลว่านาฬิกา เมื่อนำมารวมกันกลับไม่มีใครเรียกว่านาฬิกาฉลาด ก็จะเหมือนกับคำว่า Fire wall ที่ไม่มีใครเรียกว่า กำแพงไฟ แต่เรียกว่า ไฟร์วอลล์ คือ ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่ตรวจสอบข้อมูลเข้ามาก่อนปล่อยหรือไม่ปล่อยให้ผ่านเข้าไปในระบบ ส่วนสมาร์ทวอทช์ คือ นาฬิกาสุดล้ำยุคที่พยายามพัฒนาขึ้นมาให้ทำหน้าที่ได้เหมือนอุปกรณ์ทันสมัยรอบตัวเรา แต่ความสามารถพื้นฐานคือนาฬิกาบอกเวลานั่นเอง

สิ่งที่สมาร์ทวอทช์ในท้องตลาดสามารถทำได้ อาทิ บอกวันที่ เวลา และสภาพอากาศด้วยรูปแบบการแสดงผลที่ล้ำยุคและเปลี่ยนได้ตามชอบ รับการแจ้งเตือน สั่งงาน หรือเป็นโทรศัพท์โดยที่มีการเชื่อมโยงกับสมาร์ทโฟน (Smart Phone) ช่วยนำทางทั้งขับรถ ขี่จักรยาน และเดินด้วยเท้า ซึ่งทำงานร่วมกับระบบจีพีเอส (GPS) หรือมีเข็มทิศในตัว ดูรูปภาพ ฟังเพลง มีปฏิทิน ทำงานกับระบบฐานข้อมูลสุขภาพได้ รับส่งอีเมลได้ เชื่อมโยงระบบแจ้งเตือน (Notification) จากเครือข่ายสังคม เชื่อมต่อได้ทั้งบรูทูธ (Bluetooth) และวายฟาย (WiFi) และสามารถกันน้ำแบบ 5 ATM คือ ล้างมือ, ฝนตก, ล้างรถ, อาบน้ำ และว่ายน้ำได้ สมาร์ทวอทช์บางยี่ห้อไม่ยึดติดกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อด้วย เช่น Pebble ที่เชื่อมต่อได้ทั้ง iOS และ Android ซึ่งมีรีวิว (Review) ออกมาว่าการซื้อสมาร์ทวอทช์ต้องระวังเรื่องตกรุ่น เพราะพัฒนาไปเร็วมาก และอาจไม่คุ้มกับเม็ดเงินที่จ่ายไป

สำหรับนักพัฒนาแล้ว มีสมาร์ทวอทช์ ของ Pebble ที่แนะนำ เพราะเห็นเพื่อนอาจารย์ที่ ม.ราชภัฏภูเก็ตแชร์ผ่านเฟสบุ๊คว่าได้ซื้อมาทดสอบพัฒนาด้วยภาษาซี (C Language) สำหรับกำเนิดของ Pebble มาจากโครงการระดมทุนผ่านเว็บไซต์ Kickstarter.com ที่มีการแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์จนระดมทุนได้มากกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วจึงพัฒนาขึ้นมาจริง ขายผ่าน pebble.com ปัจจุบันพบว่า จอภาพบางรุ่นเน้นสีขาวดำช่วยประหยัดพลังงาน แล้วมี SDK: Software Development Kit ปล่อยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพพลิเคชั่น (Application) ส่งเข้าไปใช้ใน Pebble ได้ ซึ่งอุปกรณ์มีระบบปฏิบัติการของตนเองเรียกว่า Pebble OS และสามารถติดตั้งแอพเพิ่มโดยการเชื่อมผ่านบรูทูธกับอุปกรณ์ตัวอื่นที่มี Android หรือ iOS ทำงานอยู่

http://smartwatchthai.com/pebble-app-development-on-cloudpebble/

http://www.beartai.com/news/itnews/72550

http://pantip.com/topic/31216131

http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9580000091679

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=15485.0

ไต้หวันแผ่นดินไหว 6.4 ตึกสูงพังถล่ม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 03.57 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ประมาณ 02.57 น. ตามเวลาไทย) เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 6.4 บนแผ่นดินทางใต้ของเกาะไต้หวัน ใกล้กับเมืองไถหนัน ไต้หวัน เป็นเหตุให้อาคารอย่างน้อย 4 หลัง พังถล่มลงมา

โดยสำนักงานติดตามสภาพอากาศส่วนกลางของไต้หวัน ระบุว่า ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อคระดับ 3.8 แมกนิจูด หรือมากกว่าตามมาอีกอย่างน้อย 5 ครั้ง ที่เมืองไถหนัน ราวครึ่งชั่วโมงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งแรก

ด้าน สถานีโทรทัศน์ฟอร์โมซ่าของไต้หวัน เผยภาพตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และทหาร ณ จุดเกิดเหตุอาคารที่พักอาศัยสูง 17 ชั้นพังถล่ม โดยนักข่าวของสถานีฯ กล่าวว่า สามารถได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้พักอาศัยบางส่วน ที่ติดค้างอยู่ข้างใน ซึ่งคาดว่ามีจำนวน 150 คน

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้พยายามฉีดน้ำเข้าไปที่บริเวณบางส่วนของอาคาร เพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้ในเบื้องต้น ขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ได้ใช้บันไดและรถเครน พยายามหาทางเข้าสู่พื้นที่ชั้นบนของอาคาร โดยหน่วยดับเพลิงระบุว่า สามารถช่วยเหลือผู้ประสบเหตุออกจากซากปรักหักพังได้แล้ว 69 คน

ด้าน ลี พัว มิน เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานป้องกันอัคคีภัยรัฐบาลนครไถหนัน กล่าวว่า ประเมินว่าจำนวนผู้พักอาศัยทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ราว 240 คน

ขณะเดียวกันที่อาคารที่พักอาศัยสูง 7 ชั้นอีกแห่ง ซึ่งพังถล่มลงมา เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือประชาชนออกมาได้อย่างน้อย 30 คน

ทั้งนี้ สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นเวลา 04.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น สามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 6.4 แมกนิจูด โดยจุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองไถหนัน ที่มีจำนวนประชากรเกือบสองล้านคน ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 43 กิโลเมตร

ขอขอบคุณภาพจาก news.qq.com และ thaipbs และ sanook.com

วิธีแก้เครียด

อย่าปล่อยให้ชีวิตต้องจมอยู่กับความเครียด ไม่ว่าจะจากการทำงาน อันเร่งรีบและเรียกร้อง หรือจากการใช้ชีวิต จากสิ่งแวดล้อมต่างๆ   ลองใช้วิธีการต่อไนปี้ที่ได้ชื่อว่าช่วยในการ คลายเครียดให้คุณได้

วิธีแก้เครียด

  1. ออกกำลังกาย การ ออกกำลังกายจะทำให้เกิดการหลังของสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งทำให้คุณรู้สึกดี มีพลัง และต่อต้านความเครียดได้ดี ควรใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที่ในการออกกำลังเพื่อลดความเครียด โดยเลือกการออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณ เช่น การออกกำลังกายที่ง่ายๆที่สุด คือการวิ่งหรือเดินเร็ว หากเป็นผู้สูงอายุหรือเป็นผู้ที่ไม่สามารถรับแรงกระแทกได้ควร ว่ายน้ำ หรือเล่นโยคะ หากต้องการเล่นกีฬาเป็นทีมควรเลือก ฟุตบอล หรือเทนนิส
  2. หยุดพักหรือท่องเที่ยว การหยุดพักหรือหยุดคิดจะช่วยให้ร่างกายและจิตใจลดความตึงเครียดและผ่อนคลาย แม้แค่เพียง 5-10 นาที การพักยาวหรือไปเที่ยวในสถานที่แปลกใหม่ พบผู้คนในสถานที่นั้น จะช่วยให้เบนความสนใจในเรื่องที่คิด กังกล หรือเครียดอยู่
  3. ทานอาหารคลายเครียด อาหารที่ลดความเครียดได้แก่ กล้วย ส้ม บลูเบอรี่ นมและโยเกิร์ต ปลา ถั่ว เนื้อไก่ และ ธัญพืช ซึ่งมีสารทริปโตเฟน และกรดอะมิโนที่ช่วยหลั่งสารแห่งความสุข และทำให้รู้สึกสงบ รวมทั้งวิตามินต่างๆที่ช่วยลดความเครียดได้ และต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วย
  4. ฝึกหายใจ ทำสมาธิ เมื่อร่างกายเครียดจะทำให้การหายใจผิดปกติ การหายใจลึกๆ จะช่วยให้เลือดและสมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น ทำให้สดชื่นขึ้น โดยใช้กล้ามเนื้อกระบังลมบริเวณหน้าท้อง เมื่อหายใจเข้าลึกและช้า หน้าท้องจะค่อยๆพองออก และเมื่อหายใจออก หน้าท้องจะค่อยๆยุบลง ใช้มือแตะท้องเพื่อรับรู้สภาพป่องและแฟบของท้องแล้วฝึกไปเรื่อยๆ อาจฝึกร่วมกับการเกร็งและคลายกล้ามเนื้อ
  5. พูดระบายความเครียด การพูดคือการระบายความเครียดอย่างหนึ่ง หาเพื่อนสนิท ไว้ใจได้ และมีความอดทดสูงในการฟัง ถ้าไม่มีอาจพูดกับสัตว์เลี้ยง หรือกับตัวเองก็ได้ ระบายความรู้สึกทั้งหมดออกมา เพราะเท่ากับเราได้ทบทวนตัวเองไปด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์จากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาหรือรับฟังเรื่องราวของเรา
  6. รู้จักปฏิเสธ ถ้าคุณรู้สึกว่ากำลังทำงาน เข้าสังคมพบปะผู้คน หรือต้องรับภาระทางครอบครัวมากจนเกินไป คุณควรจะเรียนรู้วิธีการบอกปฏิเสธ หรือร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เพื่อแบ่งเบาภาระหรือความกังวลกับเวลาและพลังงานที่ทุมให้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มากเกินไป
  7. คิดในแง่ดี ความเครียดส่วนใหญ่เกิดจากความคิดและการรับรู้ของแต่ละบุคคล ทำให้แต่ละคนแบกรับความเครียดได้ไม่เท่ากัน ลองหยุดคิดว่าคุณจำเป็นต้องเครียดกับเรื่องเหล่านี้จริงๆหรือ  และมีมุมุมองแง่คิดดีๆใดบ้าง ที่สามารถช่วยคุณหลุดพ้นจากความเครียดเหล่านั้น
  8. ทำกิจกรรมที่อยากทำ เช่น ดูหนังหรือรายการที่ชอบ การฟังดนตรี ปลูกต้นไม้ วาดรูป สะสมสิ่งของที่ชอบ การอ่านหนังสือ การบำบัดอโรมาเทอราพี การคลายความเครียดด้วยการนวด หรือสปา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.prapot.com/healthy

เมื่อร่ายกายขาดแคลเซียมจะเป็นอย่างไร

เมื่อร่างกายขาดแคลเซียมจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมากและทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาดังนี้
– ในสตรีขณะตั้งครรภ์จะมีอาการ ปวดฟัน ปวดเมื่อยหลังและเอว มีภาวะเครียด ร่างกายอ่อนแอ นอนไม่หลับ ตะคิวจับที่น่องบ่อยๆ ฯลฯ

– ในสตรีขณะให้นมบุตรจะมีอาการ ปวดฟัน ปวดเมื่อยหลังและเอว เป็นตะคิว กระดูกพรุน กระดูกหักง่าย

– ในระยะการเจริญเติบโตของเด็ก มีการเจริญเติบโตช้า ภูมิต้านทานต่ำลง เป็นหวัดง่าย เป็นโรคกระดูกอ่อน ฟันผุ สายตาสั้น

– ในวัยกลางคน จะเป็นตะคิว นิ้วล็อก กล้ามเนื้อกระตุก เครียด นอนไม่หลับ หัวใจเต้นผิดปกติ ร่างกายมีสภาวะเป็นกรด

– ในวัยทอง จะปวดเมื่อยหลังและเอว นอนไม่หลับ มีภาวะเครียด ชอบสันโดษ อารมณ์ไม่ดีหรือไม่คงที่

– ในวัยกลางคนและในวัยสูงอายุ มักมีอาการ นอนไม่หลับ เป็นตะคิว กระดูกพรุน กระดูกหักง่าย ร่างกายหดตัวลง ปวดเมื่อยหลังและเอว ชอบสันโดษ

——————–ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://betagen2683.exteen.com/20120126/entry-1

วงจรปิดจับภาพชายประหลาด ไม่มีเงาในกระจก เขาเป็นอะไรกันแน่ ?

คนไทยหลายคนมีความเชื่อที่ว่า ผีหรือวิญญาณ จะไม่มีเงาในกระจก สำหรับฝรั่งเองก็เช่นกัน บุคคลที่ไม่ใช่มนุษย์ ซึ่งอาจจะเป็นปีศาจ หรือ แวมไพร์ ก็อาจจะไม่มีเงาสะท้อนในกระจกเช่นเดียวกัน

อย่างเช่นเหตุการณ์แปลกๆ นี้ ที่เกิดขึ้นในเมืองซาวันนาห์ รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อกล้องวงจรปิดในร้านรองเท้าแตะแห่งหนึ่ง จับภาพชายที่มีผิวสีซีด สวมแว่นกันแดด สวมเสื้อและกางเกงสีดำสนิท เดินผ่านกระจกบานใหญ่ในร้านไป แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ ชายคนนี้ไม่มีเงาสะท้อนในกระจก มาลองดูหลักฐานชัดๆ จากคลิปนี้กัน

https://www.youtube.com/watch?v=0s8wuNg3coM

ส่วนฝรั่งเชื่อกันว่า ชายคนนี้มีรูปร่างลักษณะที่ดูเหมือนแวมไพร์ ซึ่งไม่แน่ว่า แวมไพร์อาจจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ก็เป็นได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://petmaya.com/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%81

ปิดฉากรัก! ปลื้ม ประกาศเลิก ทับทิม ที่ผ่านมารักกันแบบเพื่อน

ล่าสุด (3 ก.พ.) ปลื้ม สุรบถ หลีกภัย ได้โพสต์ข้อความชี้อแจงลงอินสตาแกรม pleum_official ยืนยันว่า ตนเองและทับทิม “เลิกกันแล้วจริงๆ” หลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกว่า 3 ปี

“ตามที่เห็นข่าวของผมกับทับทิม และผมได้คุยกับทับทิมแล้ว ผมจึงได้รับหน้าที่เป็นคนชี้แจงข่าวครับ ผมขอชี้แจงว่า “ครับ เราเลิกกันมาสักพักแล้ว” แต่ไม่ใช่เพราะว่าเราทะเลาะกันหรือมีเรื่องไม่พอใจต่อกันครับ เราคุยกันดี และเราเข้าใจกัน เราต่างรู้ว่า “เรารักกันมากแค่ไหน” แต่เราเพิ่งมารู้ว่า “เรามีความรักและความห่วงใยกันแบบเพื่อน” อาจเป็นเพราะเราเริ่มกันมาแบบเพื่อน เราห่วงใยกัน ดูแลกัน ผูกพันกัน เราเข้าใจกัน เราเลยคิดว่ามันเป็นความรักแบบคนรัก แต่หลังจากมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เราจึงเพิ่งเข้าใจว่า “มันไม่ใช่แบบคนรักแต่มันเป็นแบบเพื่อน มันไม่ใช่ในรูปแบบชีวิตคู่” ทับทิมคือเพื่อนที่แสนดีของผม เราดีต่อกันมาตลอด และต่อจากนี้เราก็จะดีต่อกัน กราบขออภัยทุกท่านที่ติดตามนะครับ ขอให้ทุกท่านโปรดเข้าใจและเคารพในการตัดสินใจของเราทั้งสองด้วย ทั้งหมดมันมีเพียงเท่านี้ครับ

ขอบคุณครับ/ค่ะ…ปลื้ม/ทับทิม”

—————————-

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.sanook.com

แก้ปัญหาผมร่วงด้วยตัวเองโดยวิธีธรรมชาติ

วิธีแก้ผมร่วงโดยวิธีธรรมชาติด้วยตนเอง  โดยคุณสามารถเลือกทำวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

  1. นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันเอสเซนเชียล (essential oil) 2- 3 หยดหรือ น้ำมันพืชเช่น น้ำมันมะกอก นวดจนซึมเข้าสู่หนังศีรษะจนทั่ว ห่อด้วย พลาสติก หรือผ้าอุ่น ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเล็กน้อย และแชมพูอ่อน ปฏิบัติเป็นประจำ วิธีนี้จะช่วยให้รูขุมขนชุ่มชื่นขึ้น
  2. ผสมน้ำแอปเปิ๊ล กับ ชาเขียว ล้างผมเป็นประจำ จะช่วยให้ผมเจริญขึ้นใหม่ได้ดีขึ้น
  3. ผสมน้ำมันละหุ่งอุ่นเล็กน้อยและน้ำมันเมล็ดแอลมอนด์ นวดหนังศีรษะโดยทั่ว อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
  4. บดเมล็ดมะนาวกับพริกไทยดำผสมเข้าด้วยกันในขนาดเท่า ๆ กันในน้ำ ทาบริเวณหนังศีรษะเป็นประจำ
  5. ทาหนังศีรษะบริเวณที่ล้าน ด้วยหัวหอม แล้วตามด้วยน้ำผึ้ง ทำวันละ 1 ครั้ง
  6. นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันเมล็ดอัลมอนด์วันละ 1 ครั้ง ช่วยลดผมร่วง
  7. นวดหนังศีรษะและผมด้วย น้ำมันมะพร้าวและอโลเวราเจล ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเล็กน้อย ทำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์
  8. นวดหนังศีรษะและผมด้วยน้ำผึ้งผสมไข่แดงทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออก เพื่อป้องกันการหลุดร่วงของผม
  9. รับประทานงาขาว 1 กำมือทุกวันตอนเช้า 1 กำมือของงาขาวจะมีแคลเซียมและแมกนีเซียม 1,200 มิลลิกรัม ช่วยเพิ่มสารอาหารของหนังศีรษะให้แข็งแรงขึ้น
  10. นวดหนังศีรษะด้วยน้ำมันมะพร้าว ทุกวัน 10 -15 นาที ใช้น้ำต้มใบสะเดาทิ้งไว้ให้เย็น ช่วยในการล้างน้ำมันมะพร้าวออก
  11. เพิ่มการรับประทานเนื้อสัตว์ ถั่ว (เพิ่มการรับประทานโปรตีน) โดยเฉพาะโปรตีนจากถั่วเหลืองหรือนมถั่วเหลืองถ้าสามารถกินได้วันละ 1/2 ลิตรได้ เส้นผมจะงอกใหม่เร็วมาก
  12. รับประทานโยเกิร์ต 1 ถ้วยทุกวัน
  13. เพิ่มอาหารพวกผักใบเขียว สลัด จมูกข้าวสาลี และธัญพืช

ขอบคุณข้อมูลจาก http://xn--12cm6duahd2am4em9v.thaihaircenter.com/a17-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87