เคล็ดลับ “ลดหน้าท้อง”

ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ล้วนแล้วแต่อยากมีหน้าท้องที่แบนเรียบ แต่หากใครกำลังมีปัญหาในเรื่องนี้อยู่ วันนี้มีเคล็ดลับ “การลดหน้าท้อง” มาฝากค่ะ

หมดปัญหา
หมดปัญหา

1. ใช้ฟิตเนสบอลเป็นตัวช่วย

การนั่งบนลูกบอลฟิตเนสลูกโตๆ แม้จะลำบากเอาการกว่าจะทรงตัวบนลูกบอลได้ แต่ลำบากอย่างนี้แหละ จะช่วยให้เราเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณท้องไปโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้น เวลาที่คุณสาวๆ นั่งดูทีวี ก็ลองเปลี่ยนเก้าอี้มาเป็นลูกบอลฟิตเนสดูดีกว่า รับรองว่าหน้าท้องหายไปแน่นอน ถ้าจะให้เห็นผลยิ่งขึ้น ลองหลับตาด้วยขณะทรงตัวบนลูกบอล เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักขึ้นในการรักษาความสมดุลนั่นเอง

2. เล่นโยคะ
การเล่นโยคะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายสมดุล มีสุขภาพดีแล้ว บางท่าของโยคะยังสามารถลดหน้าท้องได้ด้วย โดยขั้นแรกให้นอนหงาย มือประสานกันใต้ศีรษะ วางเท้าชิด จากนั้หายใจเข้า หายใจออก ยกลำตัว ยกขาซ้ายขึ้น 45 องศา ขาตรง ไม่งอเข่า เกร็งหน้าท้อง ไม่กลั้นหายใจ ค้างไว้ แล้วหายใจเข้า-ออก 5–10 วินาทีก่อนวางขาลง จากนั้นให้ทำสลับกับขาขวาเช่นเดียวกัน ทำซ้ำไปมา 2-3 ครั้ง แล้วให้หายใจเข้า หายใจออก ยกทั้งสองขาและลำตัวค้างไว้ หายใจเข้าออก 10 วินาที แล้วลดลง

3. มาเต้นกันดีกว่า
ทราบไหมว่า การเต้นหนึ่งชั่วโมงจะสามารถเผาผลาญได้ถึง 400 แคลอรี่ แถมยังจะช่วยให้คุณสาวๆ มีเชฟเป็นทรวดเป็นทรงมากขึ้นด้วย หรือใครอยากลดหน้าท้องจริงๆ ก็หัดเต้น Belly Dance ไปเลย

4. แขม่วหน้าท้อง
แขม่วท้องเป็นการออกกำลังกายง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ตลอดเวลา แถมยังช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง ช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานตลอดเวลาด้วย ลองแขม่วท้องให้ติดเป็นนิสัยดูสิ รับรองว่ากล้ามเนื้อจะกระชับขึ้น แถมยังช่วยให้ขับถ่ายสะดวกขึ้นด้วย

5. ซิทอัพ+ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ
หลายคนเข้าใจว่า การซิทอัพจะช่วยให้หน้าท้องแบนเรียบ แต่จริงๆ แล้ว การซิทอัพแค่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องเท่านั้นเอง แต่ไขมันยังคงอยู่ เพราะฉะนั้น ควรซิทอัพผสมกับการออกกำลังแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่งจ้อกกิ้ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 3 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญไขมันออกไป

6. นอนให้เร็วขึ้น
รู้ไหมคะว่า การเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำไม่ให้เกิน 4 ทุ่ม จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยเผาผลาญพลังงานออกมา เป็นวิธีที่จะช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออกได้อย่างง่ายดาย และถ้าจะให้ดี ควรนอนหลับให้ได้ไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงต่อวันด้วย

ชอบวิธีไหนทำกันดูนะค่ะ..

ข้อมูลจาก ISNHOTNEWS

http://variety.teenee.com/foodforbrain/56915.html

อาการของโรคมะเร็งตับ

อย่ามองข้ามหมั่นสังเกตุความผิดปกติของร่างกายเรานะค่ะ เรื่องเล็กๆ น้อยไม่ควรมองข้ามค่ะ ผิดปกติรีบปรึกษาแพทย์ค่ะ วันนี้มีข้อมูลของอาการโรงมะเร็งตับมาฝาก… รู้ไว้ใช่ว่าค่ะ…

ตับ
ตับ

โรคมะเร็งตับ
ไม่มีอาการเด่นในระยะแรก ส่วนใหญ่จะเริ่มแสดงอาการในระยะกลางและระยะสุดท้าย อาการของโรคมะเร็งตับระยะแรกมักไม่ได้รับความสนใจหรือถูกละเลยไปจากผู้ป่วย และถึงเวลาไปตรวจก็วินิฉัยออกเป็นโรคมะเร็งตับระยะสุดท้ายแล้ว ดังนั้น ต้องเรียนรู้ก่อนว่า อาการของโรคมะเร็งตับที่แสดงออกทางร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง

อาการของโรคมะเร็งตับที่แสดงออกทางร่างกาย

๑. บริเวณของตับเจ็บ: การเจ็บแบบเล็กน้อยตรงบริเวณตับส่วนขวาบน เป็นอาการสำคัญที่พบบ่อยของโรคมะเร็งตับปฐมภูมิ เนื่องจากปริมาณของตับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเนื้องอกรุกเข้าเยื่อหุ้มของตับหรือท้อง ทำให้ตับเจ็บบวมอย่างต่อเนื่อง บางครั้งเนื้องอกรุกเข้าไปกล้ามเนื้อกระบังลม ทำให้ความเจ็บกระจายไปที่ไหล่หรือหลังด้านขวา สำหรับเนื้องอกที่ออกทางด้านหลังขวานั้น อาจก่อให้มีอาการเจ็บเอวด้านขวา นอกจากนี้ เมื่อปุ่มเนื้องอกแตกร้าวและเข้าไปในช่องท้อง จะมีอาการเจ็บท้องอย่างร้ายแรงและเยื่อหุ้มท้องอักเสบ

๒. ตับบวม: เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดของโรคมะเร็งตับปฐมภูมิ รวมอาการตับแข็ง ตับไม่เรียบ มีก้อนและปุ่มเนื้อเกิดขึ้น ปริมาณของตับบวมอย่างต่อเนื่อง และมีอาการกดแล้วเจ็บอยู่เสมอ

๓.โรคดีซ่าน: เนื่องจากเซลล์ของตับได้รับความเสียหาย และเนื้องอกบีบทับถุงน้ำดี ทำให้เกือบหนึ่งในสามของผู้ป่วยโรคมะเร็งตับมีอาการนี้เกิดขึ้นในระยะสุดท้าย

๔. ความเป็นไข้: เนื่องจากองค์ประกอบของมะเร็งถูกทำลายและย่อยด้วยระบบร่างกาย หรือเนื้องอกบีบทับถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีอักเสบ มีอาการเป็นไข้อุณหภูมิสูงย่างต่อเนื่อง (บางครั้งมีอุณหภูมิสูงกว่า 39℃) และเป็นไข้อุณหภูมิสูงแบบผิดปกติ

๕. อาการทางกระเพาะอาหารและร่างกาย: มีอาการไม่หิวอาหาร อาการไม่ย่อย อาเจียน ท้องร่วง อ่อนเพลียไม่มีแรง และน้ำหนักตัวลดลงเป็นต้น

๖. อาการลาม: มะเร็งตับสามารถลามไปที่ปอด กระดูก ทรวงอก และสมองเป็นต้น กรณีลามไปที่ปอดและทรวงอก จะมีอาการไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก และน้ำขังเป็นเลือดในทรวงอก กรณีลามไปที่กระดูก จะมีอาการเจ็บกระดูกเฉพาะที่ และกระดูกหักผิดปกติ กรณีลามไปที่กระดูกสันหลัง และบีบรัดประสาท จะมีอาการเจ็บเฉพาะที่ และอัมพาตเป็นต้น และกรณีลามไปที่สมอง จะมีอาการปวดหัว อาเจียน และเส้นประสาทเฟเชียล

๗. อาการอื่นๆ: ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานผิดปกติของเนื้องอก ทำให้มีกลุ่มอาการทางระบบต่อมไร้ท่อเกิดขึ้น เรียกได้อีกว่า กลุ่มอาการเนื้องอก มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

๑) ภาวะเลือดน้ำตาลต่ำแบบปฐมภูมิ: เนื่องจากเซลล์ของตับคัดหลั่งฮอร์โมนอินซูลินหรือฮอร์โมนประเภทอินซูลินผิดปกติ และระบบเนื้องอกสิ้นเปลืองน้ำตาลกลูโคสมากเกิน ทำให้ 10%~30% ของผู้ป่วยมีภาวะเลือดน้ำตาลต่ำ จนกระทั่งเกิดอาการสลบ ช็อก และเสียชีวิต
๒) โรคเซลล์เม็ดเลือดแดงสูง: เนื่องจากฮอร์โมนผลิดเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น ทำให้ 2%~10% ของผู้ป่วยเกิดอาการนี้ขึ้น
๓) อาการอื่นๆ: ยังมีอาการไขมันในเลือดสูง แคลเซียมในเลือดสูง กลุ่มอาการประเภทมะเร็ง อาการโรคคัดหลั่งฮอร์โมนทางเพศ อาการโรคโพรพีเรีย และโรคผลิตไฟบริน (fibrin) ผิดปกติเป็นต้น อาการพวกนี้อาจเป็นเพราะ องค์ประกอบของตับผลิตโปรตีนผิดปกติ มีของคัดหลั่งผิดสถานที่ และระบบเผาผลาญพลังงานของโพรพีเรียทำงานผิดปกติ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.asiancancer.com/thai/cancer-symptoms/liver-cancer-symptoms/

บำบัดอาการ “ปวดหัว” ด้วยวิธีธรรมชาติ

บำบัดอาการปวดหัวด้วยวิธีธรรมชาติ

ปวดหัว
ปวดหัว

1. บำบัดด้วยน้ำ วางถุงน้ำแข็งบนหน้าผาก หรือจะใช้ผ้าเย็นๆ โพกศีรษะก็ได้ ทำไปพร้อมกับการแช่เท้าในน้ำอุ่น ค่อยๆเพิ่มความร้อนของ น้ำขึ้น ใช้เวลา15-20 นาที อาการปวดหัวจะทุเลาลง

2. งดอาหาร อาหารแสลงบางชนิด เช่น เนื้อรมควัน ชอคโกแล็ค ผงชูรส ไส้กรอก เบคอน และ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน มักเป็นสาเหตุ ให้เกิดอาการปวดหัวได้

3. ใช้วิตามิน การขาดวิตามิน B- COMPLEX อาจทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ ลองมองหาอาหารที่มี วิตามินบีมากๆ เช่น ผักโขม กะหล่ำปลี ข้าวซ้อมมือ และอาหารธัญพืชต่างๆ

4. ขิง มีงานวิจัยพบว่า ขิงมีคุณสมบัติในการแก้ไมเกรน หากมีอาการปวดหัวในช่วงบ่ายๆ ลองจิบน้ำขิงอุ่นๆ สักแก้ว ถ้าไม่สะดวก จะต้มเอง ขิงผงบรรจุซองก็สะดวกดี

5. น้ำมันหอม น้ำมันหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ มีคุณสมบัติในการลดความกระวนกระวายใจได้ ลองนำมานวดบริเวณขมับ ไรผม และต้นคอ จะ ช่วยผ่อนคลายได้
6. นวด การนวดจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จะทำให้รู้สึก ผ่อนคลายได้ หาใครสักคนมาคอยนวดที่ต้นคอและช่วงไหล่

7. ไปเดินเล่นสักห้านาที การเดินเล่นจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดฟินส์ ซึ่งเป็นยาแก้ปวดขนานเอก

8. ดนตรีบำบัด ถ้าคุณปวดหัวจากความเครียด ในทางการแพทย์ค้นพบว่า ดนตรี ช่วยบำบัด อาการได้ โดยเฉพาะดนตรีทีมีท่วงทำนองเรียบง่าย ฟังสบายๆ อาจมีสรรพเสียง ของธรรมชาติ เช่น เสียงนกร้อง เกลียวคลื่น เสียงนก หรือลมฝน จะช่วยกล่อมจิตใจให้สงบนิ่งขึ้น ช่วยลดความตึงเครียดได้

แปดวิธีข้างต้น เป็นวิธีแก้อาการปวดหัว แบบธรรมชาติกันจริงๆ ใครชอบ แบบไหนก็ลองทำดูนะ รับรองว่าไม่มีผลข้างเคียงใดๆ แต่ถ้าทำ ทุกวิธีแล้วยังไม่หาย ก็ถึงเวลาที่คุณควรไปพบแพทย์แล้วล่ะค่ะ

สาเหตุทีี่ทำให้คนเราปวดหัว มีดังนี้ค่ะ

ปวดหัวจากความเครียด มีอาการปวดบริเวณรอบศีรษะ รู้สึกมึนๆ เหมือนสมองถูกบีบ มักเกิดจากความเครียด หรืออาการอ่อนเพลีย การพักผ่อนให้เพียงพอ หรือนวดบริเวณต้นคอและขมับจะช่วย บรรเทาอาการปวดหัวชนิดนี้ได้ หรือจะใช้วิธี การฝึกหายใจเข้าออกช้าๆ และหายใจลึกๆ และสำหรับการทำงานที่ติดต่อกันหลายชั่วโมง ก็ควรจะหยุดพักเป็นระยะๆ รวมทั้งออกกำลังกาย เป็นประจำ จะช่วยป้องกันการเกิดอาการ ปวดหัวชนิดนี้ได้
ปวดหัวจากแอลกฮอล์ มักมีอาการปวดบริเวณเบ้าตา ,ถ้าคืนไหนคุณดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป ก่อนเข้านอนควรจะดื่มน้ำตามมากๆด้วย เนื่องจากน้ำจะช่วยต้านฤทธิ์ของแอลกฮอล์ได้ ส่วนรุ่งเช้าควรดื่มน้ำหรือน้ำผลไม้ จะช่วย บรรเทาอาการปวดหัวจากเมาค้างได้

ปวดหัวจากไซนัส จะมีอาการปวดบริเวณดั้งจมูกและเบ้าตา วิธีการบรรเทาอาการปวดหัวแบบนี้ ต้องพึ่ง ยาลดน้ำมูก เพื่อให้จมูกโล่งหรืออาจจะใช้วิธี ประคบด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น การจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ ก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าคุณมีไข้ ควรจะหา หมอด้วยนะ

ปวดหัวจากคาเฟอีน จะมีอาการปวดตุ๊บๆบริเวณด้านบนของศีรษะ อาการส่วนใหญ่จะคล้ายๆกับปวดหัวที่เกิดจาก ความเครียด ถ้าคุณปวดหัวแบบนี้ การพักผ่อน ให้เต็มอิ่ม จะช่วยได้ดีทีเดียว การหลีกเลี่ยง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และการนอนเป็นเวลา จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการปวดหัวชนิดนี้ได้ แต่ถ้าคุณติดกาแฟ ก็ควรจะดื่มให้เป็นเวลา (เวลาเดียวกันทุกวัน) และดื่มเพียงวันละ 1-2 แก้ว จะดีกว่า

ปวดแบบไมเกรน จะมีอาการปวดตุ๊บๆ บริเวณศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง บางคนอาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดไมเกรนนั้น เชื่อว่า เกิดจากระดับฮอร์โมนผิดปกติ อาหารบางชนิด อาจทำให้บางคนเกิดอาการไมเกรนกำเริบ มากขึ้นได้ เช่น ไวน์แดง เนื้อสัตว์แปรรูป ผงชูรส การเปลี่ยนแปลงของอากาศ เช่นร้อนอบอ้าวเกินไป ความหิว ความตื่นเต้น การเดินทางหลายๆ แห่ง ในช่วงเวลาสั้นๆ อาจทำให้เกิดไมเกรนได้ คนที่เป็นไมเกรนบ่อยๆ จึงควรหมั่นสังเกตว่าเกิด จากปัจจัยอะไรจะได้หลีกเลี่ยงได้ การเข้านอน เป็นเวลา และหลับให้เต็มตา จะช่วยผ่อนคลาย อาการไมเกรนได้ ส่วนเซ็กส์ที่สุขสมนั้น มีงาน วิจัยยืนยันว่า เป็นยาขนานเอกในการบำบัดอาการ ไมเกรนกันทีเดียว

คนที่มีอาการปวดหัวเรื้อรัง ปวดหัวบ่อยๆ นักวิจัยเขาแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีสาร Tyramines และ Nitrite เพราะบางคน อาจจะมีความไวต่อสารสองชนิดนี้ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ของหลอดเลือดและระบบประสาท ทำให้เกิดอาการปวดหัวได้

ช็อกโกแลต ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยที่เป็นไมเกรน จะมีอาการ กำเริบขึ้นทุกครั้งที่กินช็อกโกแลต คนที่ชื่นชอบช็อกโกแลต อย่า เพิ่งเศร้าใจนะคะ เพราะนักวิจัยเขาบอกต่ออีกว่า ช็อกโกแลต ชนิดขาวกินได้ไม่ทำให้ปวดหัวหรอก

ไวน์แดง ผลการวิจัยพบว่า คนที่ดื่มไวน์แดง จะเกิดอาการปวดหัว อย่างรุนแรง บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ เมื่อเทียบกับคน ที่ดื่มวอดก้ามะนาว ซึ่งไม่เกิดอาการดังกล่าว ผู้ที่มีอาการไมเกรน เรื้อรัง ควรหลีกเลี่ยงไวน์แดงจะดีกว่า

กุนเชียง เนื้อแดดเดียว เป็นอาหารที่ผ่านกรรมวิธีทำให้มีสีแดง โดยเติมดินประสิวลงไป ซึ่งก็คือสาร Nitrite ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิด การปวดหัวได้

ลูกชิ้นเด้งทั้งหลาย ผู้ผลิตบางรายจะใส่สารบอแร็กซ์ ซึ่งเป็น สารอันตราย ทำให้บางคนเกิดอาการปวดหัว คลื่นไส้ และอาเจียนได้ สารให้ความหวานแทนน้ำตาล สำหรับคนที่มีอาการปวดหัว เรื้อรัง ควรหลีกเลี่ยง เพราะผลการวิจัยระบุว่า ผู้ป่วยไมเกรนจะมี อาการกำเริบขึ้นเมื่อกินสารชนิดนี้เข้าไป

——————–

ข้อมูลจาก http://variety.teenee.com/foodforbrain/56689.html

แรงบันดาลใจ ของนักศึกษากลุ่มนิเทศศาสตร์

แรงบันดาลใจ ของนักศึกษากลุ่มนิเทศศาสตร์

3.1 ความรักกับมิตรภาพ (มิตรภาพระหว่างกัน)
หลายคนให้นิยามของความรักไว้ต่างๆนานา “ความรักคือการให้” “ความรักเป็นสิ่งสวยงาม” “ความรักคือความซื่อสัตย์” รักคือการให้ และอีกมากมาย แต่หากความรักไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ เมื่อความรักต้องสิ้นสุดลง มันก็สร้างความเจ็บปวดให้กับคนเรา
ความรัก คือสิ่งที่สวยงาม มีอยู่ทุกที่ ที่เราไป
แต่บางคนอาจจะมองว่า “ความรัก”
เป็นสิ่งเจ็บปวดเมื่อเราเสียมันไป
และความเจ็บปวดนั่นแหละที่จะทำให้ “ใจ” ของเรา
เข็มแข็งขึ้น และสามารถเดินไปข้างได้
อย่าเก็บเรื่องราเก่า ๆ มาผูกมัดตัวเราเอาไว้
แค่เก็บมันเป็นความทรงจำที่สวยงาม หรือบทเรียน
แค่นั้นก็พอแล้ว สำหรับหัวใจดวงน้อย ๆ ดวงนี้
1.    ภัทรีพันธ์   มะโนพฤษ์
2.    กันต์กนิษฐ์  สท้านไตรภพ
3.    นภสินธุ  นิตย์ใหม่
4.    อิทธิกร  ขุนนราศัย
5.    กรกนก  เผือกใจแผ้ว
6.    อิทธิกร   ยิ้มละมัย
http://www.youtube.com/watch?v=ifBRuuQ4LnE

3.3 กลุ่มหนุ่มพเนจร (ไปเลี้ยงสุนัขที่วัด)
แรงบันดาลใจนี้มาจากศิลปินคนหนึ่ง ที่มีใจเป็นจิตอาสา เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อสังคม
1.    วรวุฒิ  กิตติอภิญญา
2.    กิตติ  กิติรส
3.    รัฐโรจน์  กุลธีรประเสริฐ
4.    ภีรศีลป์  ชมพูลาว

3.4 ความพยายาม (ตกแล้วเริ่มต้นใหม่)
ทุกความพยายามอาจไม่ได้นำมาซึ่งความสำเร็จ แต่ทุกความสำเร็จต้องอาศัยความพยายาม คนทุกคนเกิดมาจะต้องพบกับความทุกข์กันทุกคน แต่จะผ่านความทุกข์นั้นไปได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความพยายามและกำลังใจจากคนรอบข้าง ถ้ามีความพยายามเราก็สามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้ ขอเพียงอย่าท้อให้กับอุปสรรค และความทุกข์ที่ผ่านเข้ามา เพราะความทุกข์อยู่กับเราไม่นาน เมื่อเกิดควาทุกข์ขึ้นก็ให้ลุกขึ้นสู้ เพียงเราปรับตัวให้มีความสุขกับมัน ไม่คิดมาก ไม่ว่าจะทุกข์ในเรื่องตกงาน อกหัก หรือเรื่องใดก็ตาม เราก็จะสามารถผ่านความทุกข์ต่าง ๆ เหล่านั้นไปได้
1.    วรวรรณ นาควิโรจน์
2.    มธุรส วงศ์แก้วมูล
3.    ภัทรพีร์ กรัณย์ไท
4.    ฉัฏฐมี วนชยางค์กูล
http://www.youtube.com/watch?v=cDrYtNhKh3o

3.5 หายใจเพื่อตัวเอง (คบหาและเปลี่ยนใจ)
บางครั้งคนเราก็จำเป็นต้องเจ็บปวดเพื่อให้เราเติบโตขึ้น
จำเป็นต้องล้มเหลว เพื่อแลกกับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่
เพราะบทเรียนที่มีค่าที่สุดในชีวิต
คือบทเรียนที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด
บางครั้งการลบใครบางคนออกไปจากชีวิต
ก็ทำให้เรามีที่ว่างสำหรับคนที่ดีกว่า
1.    ฐิติยา ธรรมสอน
2.    วีรภัทร อภัยกาวี
3.    สุชาวลี ทาจันทร์
4.    ญาณิศา สิริกุลขจร
5.    ณัฐภัทร บุญอุ้ม
6.    เบ็ญจา พรมเปียง
7.    มณีรัตน์ หลากสุขถม
http://www.youtube.com/watch?v=ig45EGlOmWs

3.6 ความสำเร็จเป็นผลของความพยายาม (กลุ่ม dance)
ถ้าคนเราเปรียบความสำเร็จเป็นเหมือนเส้นชัยนั้น
เราก็จะเปรียบความพยายามเป็นตัวช่วยระหว่างทาง ความพยายามสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้มนุษย์ทุกคนสามารถก้าวผ่านอุปสรรค ระหว่างทางไปได้ เพียงใจของเราเข้มแข็งและไม่ย่อท้อ แม้บางครั้งจะมีล้มไปบ้าง แต่เราก็สามารถลุกขึ้นมาได้ใหม่ เพียงแค่จิตใจเรานั้น พยายามก็พอแล้ว
1.    สุภิญญา ปาปุ๊ดปลูก
2.    รันติญา ธรรมศรีใจ
3.    ธนพัทธ อาสนเวช
4.    ธนิดา วรธงไชย
5.    ศิริกมล หลี้แซม
6.    พฤกษา คนเที่ยง
http://www.youtube.com/watch?v=HC7zBMmFo8g

3.7 แรงบันดาลใจ (สาวเหนือ)
คลิ๊ปนี้แสดงให้เห็นว่ายังมีบุคคลอีกหลายคน หลายกลุ่มที่มีฐานะยากจน ขาดแคลน ด้อยโอกาส จึงต้องทนทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการเพื่อครอบครัว คนที่รัก ถึงแม้ว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดก็ต้องทำ ซึ่งอาจจะเปรียบได้ว่า เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลในทั้งด้านการใช้ชีวิตเพื่อความอยู่รอด และเป็นกำลังใจให้ผู้ที่สิ้นหวังได้เห็นว่าชีวิตของคนเราไม่แน่นอนเสมอไป จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่าด้วยความไม่ประมาท
1.    นัคนันท์ นัคพันธ์
2.    พิชัยยุทธ สุดใจ
3.    พิมชนก วังอ้าย
4.    สุรัชยากร พานิชย์
5.    ไอริน นาขัยลอง
6.    ธิดารัตน์ คงงาม

แรงบันดาลใจ ของนักศึกษากลุ่มบัญชี กับตลาด

แรงบันดาลใจ ของนักศึกษากลุ่มบัญชี กับตลาด

1.1 avenue (3เรื่องมิตรภาพ)
แรงบันดาลใจของกลุ่มเราคือ เราเคยคิดว่าเวลาที่เราผิดหวัง ท้อแท้เราไม่มีใคร ไม่มีใครอยู่กับเรา แต่ที่จริงแล้วมีมากมายเราไม่เห็นเอง เพราะเรามัวแต่อยู่กับตัวเองจมอยู่กับความผิดพลาดไม่สนใจคนที่อยู่รอบตัวเรา แล้วเราก็จะเคลียดอยู่คนเดียว นี่เป็นประสบการณ์จริงของเพื่อนในกลุ่มเรา เราจริงเอามาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่าอย่าลืมว่าเรายังมี เขาเหล่านั้นเสมอที่คอยอยู่เคียงข้าเรา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน แฟน หรือครอบครัว จงอย่าลืม
1.    ธนวัฒน์  ศรีหรั่งไพโรจน์
2.    จารุภา  ดวงจันทร์
3.    จันทร์จิรา  วงศ์แก้ว
4.    วิไลพร  แก้ววงศ์ษา

1.2 Story name is “Success”
Video clip นี้สื่อให้เห็นถึงความพยายาม ความอดทน ความเพียร และความตั้งใจ ที่จะตั้งใจเรียนหนังสือ เหมือนกับคำว่า “เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง”
1.    ฐิตินันท์ ดำรงสิทธิ์
2.    รัฐกฤษ จารุวิทยานันท์
3.    ภูษิต ภูมมะภูติ
4.    พิษณุพงษ์ อุทัยบุรม
5.    รัชภาคย์ ดวงแก้ว
6.    ปรีชา ชมพูกุล
7.    ดวง  ชีพรม
http://www.youtube.com/watch?v=A59r1IVdhH0

1.3 ทางกลับบ้าน (เรียนให้จบ)
อยากสื่อให้ทุกคนเห็นถึงความรู้สึกของเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ได้ก้าวมาใช้ชีวิตในเมือง ซึ่งอาจจะรู้สึกท้อแท้ รู้สึกเหนื่อยบ้าง ได้เจอกับผู้คนมากมายแต่จะมีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเรา ความจริงใจจากผู้คนมากมายสุดท้ายไม่มีความหมาย เพราะโลกที่มันลวงหลอก      มันช่างโหดร้าย บางครั้งมันก็เหนื่อยเกินกว่าที่เราจะแบกความหวังของใครไว้ แต่ถ้ามันคือความหวังและความสุขของพ่อและแม่ เราเลือกที่จะแบกมันไว้ไปตลอดชีวิต เพราะเมื่อไหร่ที่นึกถึงผู้มีพระคุณ แม้หนทางมันยังห่างไกลก็จะไม่ถอดใจ และจะทำให้ฝันนั้นเป็นจริง …
1.    ทิชากร ใจเปี้ย
2.    มยุรีย์  สีมา
3.    พิชชาวดี  วงค์บุตร
4.    ปิยะภรณ์  ทิพยมณฑล
5.    เกศินี  นันตาเครือ


1.4 เธอคือแรงบันดาลใจ (รุ่นพี่แนะนำ)

วีดีโอนี้สื่อให้เห็นว่ามีนักศึกษา 2 คน มีความพยายาม และอยากเรียนหนังสือให้เก่งเหมือนรุ่นพี่คนหนึ่ง จึงได้เข้าไปถาม จากนั้นก็ได้ทำตามคำแนะนำด้วยความพยายามและตั้งใจ จึงได้ประสบความสำเร็จ
1.    ชลิดา มุระดา
2.    ปารณีย์  โกเมศ
3.    รัตติยากร รอดทุกข์
4.    ณัฐพิมพ์ จุลพันธ์
http://www.youtube.com/watch?v=p_jiaDnyrMU

1.5 ถ้าฉันผอม จะสวยให้ดู (ลดหุ่น)
การที่เราต้องการจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  ด้วยความพยายาม มุ่งมั่น ตั้งใจ ทำกับมันอย่างเต็มที่ที่สุดความสามารถไม่ท่อถอยกับอุปสรรคที่ มากระทบจิตใจ เหมือนกับผู้หญิงคนที่ต้องการจะลดน้ำหนักเธอพยายามที่จะหักห้ามใจกับขนมที่แสนอร่อย และหันมาทานผลไม้ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อวันหนึ่งเธอหวังว่าเธอจะรูปร่างที่ดีและผอมกว่านี้ ด้วยความพยายามและความตั้งใจของเธอ เธอจึงประสบความสำเร็จ ตามที่ตนได้ปรารถนาไว้…
1.    เนตรนภา   อินตะเป็ง
2.    วิภาวดี    สุทธิปัญโญ
3.    วาทินี     กติกา
4.    น้ำฝน     ลีลาลักษณ์
5.    สุธาทิพย์  มีคุณ
6.    ชนาภรณ์  นามะยอม
7.    เจนจิรา    ใจงำเมือง


1.6 เด็กติดเกม

ในปัจจุบันมีเด็กจำนวนมากที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับคอมพิวเตอร์ ในการเล่นเกมส์ ติดเฟสบุ๊ค จนทำให้ผลการเรียนเสีย ดังตัวอย่างในวีดีโอที่เรานำเสนอไป ที่เขาทำให้พ่อต้องเสียใจที่ได้ส่งลูกมาเรียน แต่ลูกกลับติดเกมส์ กลายเป็นคนก้าวร้าว ผลการเรียนตกต่ำ เมื่อเขาเห็นพ่อเสียใจและล้มป่วย เขาจึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะกลับตัว กลับใจมาตั้งใจเรียนหนังสือและทำคะแนนให้ดีเท่าเพื่อนๆ เมื่อเขามีความพยายาม มุ่งมั่น จึงทำให้เขาสามารถประสบความสำเร็จในการเรียนได้
1.    จรินทร์ทิพย์   สัทธาพล
2.    สุวนันท์   สุวรรณกาศ
3.    นัฐสิมา    แสงเพชร
4.    จุฑารัตน์  ชุติมาเทวินทร์
5.    จีระพงศ์  จันทร์ลอน

7 วิธีทำให้หน้าเด็ก

วิธีทำให้หน้าดูเด็กลง
วิธีทำให้หน้าดูเด็กลง

1. ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ

ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ครีมกันแดด เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปกป้องผิวจากภัยแดดที่ขึ้นชื่อว่า >b?เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่น การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจึงเป็นเสมือนการสร้างเกราะคุ้มกันให้กับผิวหน้า ถ้าไม่ได้ไปเผชิญกับแดดแรง ๆ เลือกครีมกันแดดที่มีค่า>SPF 15 ก็พอค่ะ และในช่วงกลางวันที่แดดจ้า หลบแดดได้จะเป็นวิธีปกป้องผิวที่ดีที่สุด หรือถ้าต้องไปรับไอแดดกันจริง ๆ ควรสวมหมวกปีกกว้าง สวมแว่นกันแดด และใส่เสื้อผ้าโทนสีเข้ม เนื้อหนา ที่สามารถป้องกันการทะลุทะลวงของรังสี UV ทั้ง UVA ที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวคล้ำและมีริ้วรอย และ UVB ที่ทำให้ผิวไหม้เกรียม

2. อย่ารบกวนผิวมากเกินไป

การรบกวนผิวมากไป ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพผิวแต่อย่างใดการล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือขัดถูเช็ดผิวหน้าอย่างรุนแรงเพื่อให้มั่นใจ ว่าสะอาดเพียงพอ กลับเป็นการทำร้ายผิวแบบไม่รู้ตัว เพราะอาจทำให้ผิวมีริ้วรอยและหยาบกร้านได้โดยเฉพาะคนที่ผิวแห้ง การล้างหน้าต้องทำอย่างนุ่มนวลเช็ดผิวอย่างเบามือ เพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวัยนอกจากนี้ควรเลือกใช้ผลิตภัณท์ที่อ่อนโยนต่อผิวด้วย

3. เลือกใช้ผลิตภัณท์ที่มีส่วนผสมของ AHA

AHA หรือ Alpha hydroxy acid มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ขาวขึ้นแล้ว ยังช่วยรักษาริ้วรอยจากแสงแดดได้ด้วยซี่งปัจจุบัน เครื่องสำอางส่วนใหญ่ จะมีส่วนผสมของ AHAในปริมาณ 2-15 % ซึ่งมักไม่เป็นอันตรายกับผิว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรเลี่ยงที่จะไปตากแดดแรง ๆ เพราะการใช้ AHAจะทำให้ผิวหน้าไวต่อแดดมากขึ้นดังนั้นเพื่อป้องกันการแพ้ ควรใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยเสมอ

4. ลดริ้วรอยบาง ๆ ใต้ตาด้วยเรตินอล

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยใต้ตา อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความร่วงโรยของผิวได้ โดยเฉพาะผิวใต้ตา ซึ่งค่อนข้างบอบบาง

จึงเกิดริ้วรอยได้ง่าย หากทิ้งไว้ ก็กลายเป็นรอยตีนกาได้คงถึงเวลาที่คุณจะต้องหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล ซึ่งมีคุณสมบัติลดเลือนริ้วรอยจางๆ ได้ดี นอกจากนี้เรตินอลยังช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจน ทำใหผิวหน้าเต่งตึงขึ้นได้

5. อาหารต่อต้านริ้วรอย

ผู้เชี่ยวชาญท่านได้ศึกษาพบว่า อาหารที่อุดมไปด้วยผลไม้,ผัก และไขมันต่ำ จะช่วยให้ผิวพรรณของเราแข็งแรงพอที่จะต่อต้านสิ่งที่จะมาทำลายผิวให้อ่อนแอ จนเป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยได้ ค่ะ โดยเฉพาะแสงแดดภัยตัวฉกาจของการทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของหญิงสาวค่ะชนิดของอาหารที่แนะนำให้รับประทานก็คือ อาหารที่มีไขมันต่ำลดการรับประทานเนื้อแดงและของหวานลง นอกจากนี้ก็ควรเพิ่มการรับประทานผักใบเขียว, ผลไม้ เมล็ดถั่วต่างๆ, น้ำมันมะกอกที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัว รวมทั้งเมล็ดธัญพืชต่างๆค่ะซึ่งอาหารดังกล่าวจะอุดมไปด้วยวิตามินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอและซี และอี จะช่วยให้ผิวของคุณแข็งแรงและปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้

6. เว้นอาหารที่ทำลายผิวพรรณ

ไขมันอิ่มตัวในเบคอน ไส้กรอก ไอศกรีม และเนยสด กระบวนการเผาผลาญอาหารเหล่านี้ จะเกิดอนุมูลสารอิสระสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ของร่างกายเหี่ยวย่น และเสื่อมโทรม ส่วนอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป มีผลขัดขวางกระบวนการสร้างคอลลาเจนของเซลล์ผิว ทำให้ผิวหย่อนยาน

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน คาเฟอีนจะดูดซับความชื้นจากผิว ถ้าคุณติดกาแฟจนยากที่จะเลิก เมื่อคุณดื่มกาแฟ 1 แก้ว ก็ควรดื่มน้ำเปล่าแก้วโต ๆ ตามไป 1 แก้วเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ร่างกายขาดน้ำ และผิวพรรณขาดความชุ่มชื้นไปด้วย เครื่องดื่มแอลกฮอล์ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวพรรณ ขาดความเปล่งปลั่ง ถ้าคุณเป็นนักดื่ม ทุกครั้งที่ดื่มแอลกฮอล์ อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าแก้วโต 2 แก้ว เพื่อชดเชยไม่ให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และช่วยป้องกันไมให้ผิวขาดความชุ่มชื้น

7. ใช้ชีวิตอย่างสมดุล

สาวบ้างานทั้งหลาย มีสิทธิ์ผิวหย่อนยาน ไม่สดใส ได้เร็วขึ้นเพราะการทำงานหนัก ชนิดอดหลับอดนอน หรือไม่มีเวลาสำหรับพักผ่อน นอกจากร่างกายจะอ่อนล้าแล้ว ผิวพรรณก็หมองคล้ำ ทำให้คุณดูทั้งโทรมทั้งเหี่ยวเชียวล่ะ แม้อยากเป็นดาวรุ่งมากแค่ไหน ก็ควรจัดเวลางานและเวลาส่วนตัวให้สมดุลมีเวลาสำหรับการออกกำลังกาย และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ซึ่งจะช่วยให้เซลล์ผิวแข็งเรง ไม่หย่อนยานก่อนวัยหากปล่อยให้ความเครียดสุมหัว จนไม่มีเวลาคลายเครียด นานวันเข้า ผิวพรรณก็ร่วงโรย จนเกินเยียวยา เครื่องสำอางมหัศจรรย์ที่ว่าแน่ๆ ก็ไม่อาจจะช่วยฉุดรั้งความสดใส และความเปล่งปลั่งของผิวสาวกลับคืนมาได้หรอกค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก http://variety.teenee.com/foodforbrain/56368.html

ดู elysium แล้วย้อนดูตัว เรื่องแบ่งปันธรรมชาติ

elysium กับธรรมชาติ และน้ำ
elysium กับธรรมชาติ และน้ำ

เคยดูหนังเรื่อง elysium เป็นเรื่องในอนาคตปี 2154
เรื่องมีว่า ผู้คนฐานะดี ๆ เขารักธรรมชาติ มีเครื่องมือทางการแพทย์ดี ๆ
มีสวนหย่อม ต้นไม้ อากาศ และน้ำที่บริสุทธิ์
แต่ไปอยู่บนฟ้านู่น คนบนโลกก็อยู่กันแร้นแค้น ยากลำบาก
อันที่จริงก็รักธรรมชาติอยู่นะ จึงอยากไปอยู่กับธรรมชาติ พอขึ้นไป
ก็ถูกขีปนาวุธสอยร่วงกลางอากาศ
เพราะคนที่บอกว่ารักธรรมชาติ เขารู้ว่าถ้ามีคนไปใช้ทรัพยากรมากเข้า
ธรรมชาติที่มีอยู่จำกัดก็จะหมดไป
ดังนั้นผู้คนฐานะดี ๆ จึงหวงแหน และไม่พร้อมจะแบ่งปัน
ใครหาญเข้าไปขอแบ่งปันเป็นถูกสอยร่วงลงพสุธา

สรุปว่า ผู้คนใน elysium พูดเสมอว่ารักธรรมชาติ
ใครจะไปแบ่งปันธรรมชาติที่เขาหวงแหน .. มิได้เชียว

ปล. ผมก็คงไม่กล้าไปขอแบ่งปัน ก็คงทำตัวอ่อนเป็นต้นหลิว
โน้มไปกับแรงลมฤดูฝน
ยกเว้นจะมีพระเอกหาญกล้า ที่กำลังเดือดร้อน
จำเป็นต้องแบ่งปันธรรมชาติ เพื่อการดำรงอยู่ของพวกเขา
จึงจะท้าทายอำนาจของเหล่าชาว elysium

Song book by andy idaho

Song book by andy idaho


celine dion : my heart will go on
celine dion : my heart will go on


1. Ain’t no sunshine : Bill Withers
2. All i want is you : 911
3. All out of love : Ott
4. Always somewhere : Scorpions
5. Baby, can i hold you : Tracy chapman
6. Beautiful stranger : Madonna
7. Blowing in the wind : peter paul and mary
8. Can’t help falling in love : UB40
9. Desperado : The eagles
10. Don’t cry : Guns n’roses
11. Eternal flame : Bangles
12. I do it for you : Bryan adams
13. Green fields : Brothers four
14. Have i told you lately : Rod stewart
15. High : Lighthouse family
16. I don’t want miss a thing : Aerosmith
17. I’ll have to say i love you in a song : Jim croce
18. I’ll never dance again : The wynners
19. Imagine : John lennon
20. Kiss me : Sixpence none the richer
21. Longer : Dan fogelberg
22. Love fool : The cardigans
23. Love me for a reason : Boyzone
24. Love will keep us alive : The eagles
25. Massachusetts : The bee gees
26. More than words : Extreme
27. My heart will go on : Celine dione
28. Oh! my love : John lennon
29. Stand by me : John lennon
30. Streets of london : Ralph McTell
31. Take me home country road : John denver
32. The long and widing road : The beatles
33. The old man down the road : John fogerty
34. Time in a bottle : Jim croce
35. Vincent : Don Mclean
36. When a man loves a woman : Micheel bolton
37. Who’ll stop the rain : C.C.R.
38. Why worry : Dire Straits
39. Wonderful tonight : Eric clapton
40. You’ll be in my heart : Phil collins
41. You’ve got a friend : James taylor

http://www.youtube.com/watch?v=HoiOkxJ_fLQ&list=PLYv8A28PGRQye4PBbd2u6t12IsGLmoPUI

หนังสือ เก่งภาษาอังกฤษจากเพลงดัง โดย Andy Idaho
ราคาตามปก 140 บาท แต่ซื้อ 70 บาท
พิมพ์ปี 2006 แต่ซื้อ 22 ก.ย.56

แท็บเล็ตช่วยการศึกษาจริงหรือ (itinlife416)

game ช่วยส่งเสริมจินตนาการของเด็ก
game ช่วยส่งเสริมจินตนาการของเด็ก

ติดตามข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการศึกษาควบคู่กันไป พบว่าผลการพัฒนาทั้งสองด้านไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ยิ่งสนับสนุนให้เด็กใช้แท็บเล็ต ใช้เทคโนโลยี ใช้อุปกรณ์มาก แต่กลับพบว่าการพัฒนาด้านการศึกษามีผลไม่เป็นตามที่คาดหวัง ในด้านเทคโนโลยีเราพบปัญหาในการแจกแท็บเล็ตนักเรียนหลายประเด็นทั้งกระบวนการจัดการเรียนการสอน เนื้อหา ทักษะ การดูแล และผลสัมฤทธิ์ การแจกอุปกรณ์ในระดับอุดมศึกษาก็มักมีเป้าหมายเพื่อการประชาสัมพันธ์ มิใช่การพัฒนากระบวนการในการจัดการเรียนการสอนให้ได้คุณภาพ

เมื่อตรวจสอบสถิติการเข้าถึงเว็บไซต์ด้านการศึกษาที่หวังว่าเยาวชนจะใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงเว็บไซต์ด้านการศึกษาที่มีมากกว่า 900 เว็บไซต์ก็พบว่า สถิติการเข้าถึงเว็บไซต์กลุ่มนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นชัดเจน และไม่มีเว็บไซต์ด้านการศึกษาใดอยู่ใน 30 อันดับแรกที่คนไทยเข้าใช้บริการ แต่สถิติในภาพรวมของการเข้าถึงเทคโนโลยีกลับเพิ่มขึ้น ทั้งการเข้าถึงเฟสบุ๊ก และไลน์ ส่วนยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตก็เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือ นักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุระหว่าง 13 ถึง 22 ปีนี้เอง ส่วนสถิติการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของประชากรโลกมี 2700 ล้านคนจากทั้งหมด 4300 ล้านคน

แม้สถิติการใช้เทคโนโลยีจะเพิ่มขึ้น แต่ข่าวด้านการศึกษากลับแย่ลง อาทิ ข่าวทุจริตครูผู้ช่วยสะท้อนถึงคุณภาพของครูที่จะไปสอนเด็ก ผลสอบของเด็กไทยในเวทีโลก การยุบโรงเรียนเล็กเพราะมีครูสองสามคนสอนเด็กทั้งโรงเรียน  และการจัดอันดับการศึกษาในกลุ่มอาเซียนเป็นที่ 8 อยู่รั้งท้ายของกลุ่ม แล้วยังมีข่าวการพัฒนาการศึกษาที่ยิ่งพัฒนาก็ยิ่งเห็นถึงปัญหา อาทิ ปัญหาการสอบตรง ปัญหาการเลื่อนชั้นแบบปล่อยผ่าน ปัญหาภาษาอังกฤษ ทำให้มีข้อสังเกตว่าเยาวชนไทยไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการศึกษาของตนหรือไม่ แต่ใช้เวลาไปกับการสื่อสาร การเข้าสังคม การดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม จนทำให้เวลาที่ต้องให้กับการศึกษาลดลง สำหรับเยาวชนบางคนอาจติดเทคโนโลยี จนกระทั่งเบียดเบียนเวลาเรียน เช่น โดดเรียนไปเล่นเกม ไม่ทำการบ้านเพราะติดเกม หรือเล่นเกมระหว่างเรียนในห้องเรียน จนมีบางโรงเรียนออกกฎ และมาตรการไม่ให้บริการเกมในโรงเรียนก็มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งสะท้อนได้ว่าเทคโนโลยีอาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาสำหรับเยาวชนบางคนก็เป็นได้ ถ้าไม่รู้จักใช้เทคโนโลยีให้เป็น ก็อาจถูกเทคโนโลยีปั่นหัวเอาได้

http://stuffpinho.com/facebook-wants-to-take-internet-to-the-rest-of-the-world/

http://www.news.com.au/technology/breaking-the-cycle-of-of-kids-tablet-troubles/story-e6frfro0-1226629555369

เทคนิคทำให้หายโกรธ

โกรธจัด
โกรธจัด

วันนี้มีเทคนิคการทำให้หายโกรธมาฝากค่ะ ลองอ่านกันดูนะค่ะ

วิธีที่ 1 ยามใดเมื่อเราโกรธ
เราต้องรู้ตัวของเราเองว่า เรากำลังได้รับพิษร้ายเข้าไปแล้วควรสร้างความรู้สึก”สะดุ้งกลัว”ขึ้นมาทันที และ พยายามระงับความโกรธนั้นไว้ไม่ให้พิษโกรธกำเริบแสดงเป็นกริยาอาการอะไรออกมา อย่างเด็ดขาดด้วยการพิจารณาโทษของความโกรธให้มากที่สุด
ตัวอย่างวิธีคิด
“หากเราโง่เขลาคิดตอบโต้ผู้อื่นด้วยความโกรธเมื่อใด พิษร้ายของความโกรธก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและจะมีการหมักหมมอยู่ในใจมากขึ้น ทุกที มันจะคอยออกมาเผาผลานจิตใจของเราไปชั่วกาลนาน เสมือนหนึ่งเราได้สร้างนรกให้เกิดขึ้นในใจของตัวเอง ”

วิธีที่ 2 มองเห็นผลดีของการระงับความโกรธด้วยเมตตา
ว่าทำให้เรานอนหลับฝันดี มีเพื่อนเยอะแยะ ใครเห็นใครก็รักไคร่ มีสุขภาพจิตดี มีความสุขตลอดเวลา โห..คุ้มค่าจริง ๆ เลย

วิธีที่ 3 เมื่อรู้สึกโกรธ หรือ เคืองใจใครก็ตาม
ให้ตั้งสติระลึกนึกถึงความดีของคน ๆ นั้นไว้ในใจ เช่นเขาเคยทำดีอะไรให้แก่เราบ้างไหม หรือ เขามีส่วนดีอื่นๆ ที่น่าประทับใจอะไรบ้างนึกอย่างนี้มาแทนความคิดไม่ชอบใจ ความโกรธก็จะหายไปเอง
ตัวอย่าง   “นายมีโกรธนายแดงที่พูดจาดูถูกตน แต่พอนายมีนึกถึงเมื่อครั้งนายแดงเคยช่วยมาทาสีบ้านให้ทั้งวันเมื่อปีที่แล้ว นายมีก็หายโกรธนายแดง”
“คุณเจ ไม่ ชอบหน้าคุณจอนห์เลย เพราะคุณจอนห์ชอบพูดจากวนประสาท แต่คุณเจก็พยายามคิดว่าคุณจอนห์ถึงแกจะชอบพูดกวนประสาท แต่แกก็ยังดีที่ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ คิดได้ดังนี้คุณเจ ก็เกิดความรู้สึกที่ดีต่อคุณจอนห์ขึ้นมาบ้าง ”

วิธีที่ 4 เมื่อโกรธคนใกล้ตัว เช่น แฟน , พี่น้อง , เพื่อนร่วมงาน หรือ โกรธคนไกลตัวเช่นนักการเมือง ฯลฯ
ให้ลองนึกมโนภาพหน้าตาของเขาให้เป็นเด็กเล็ก ๆ อายุสัก 1-2 ขวบ โดยให้คิดเหมือนกับ ว่าเขาเป็นลูกของเรา สร้างความรู้สึกเอ็นดูเมตตาเหมือนพ่อแม่รักลูก ความโกรธจะหายไปเป็น ปลิดทิ้ง วิธีนี้แม้ดูง่าย ๆ และ น่าขำ แต่ก็สามารถทำให้หายโกรธได้ผลเป็นอย่างดีเลยทีเดียว

วิธีที่ 5 คิดตั้งหลายวิธีแล้วก็ยังไม่หายโกรธ มาลองใช้วิธี “ไม่คิด” ดูก็ได้ ด้วยการ
หายใจเข้าปอดลึก ๆ ยาว ๆ ทำลมหายใจให้ละเอียด (นึกจินตนาการว่าลมหายใจของเราเป็นอะไรบางอย่างที่ละเอียดอ่อนบางเบา ในขณะที่หายใจ ) หายใจเข้าออกติดต่อกันสัก ๑๐ ครั้ง ความโกรธก็จะสลายหมดไป กลายเป็นความสบายใจมาแทนที่

วิธีที่ 6 วิธีนี้ง่ายที่สุด เหมาะสำหรับเพื่อนสนิท หรือ คู่รัก ในยามที่เกิดความไม่เข้าใจกัน
หรือ ทะเลาะกันจนต่างฝ่ายต่างโกรธ นั่นคือ “การให้ของขวัญ” เป็นวิธีแก้ไข ปัญหาความโกรธที่ได้ผลดีอีกวิธีหนึ่ง วิธีนี้เป็นการแสดงออกที่ทำให้หายโกรธทั้งผู้ให้และผู้รับ

วิธีที่ 7 ให้มองว่าทั้งตัวเราและคนที่เราคนโกรธ ต่าง เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ด้วยกันทั้งสิ้น
คือ ไม่มีใครสามารถรอดจากความทุกข์ แก่ เจ็บ ตายได้สักคน ให้คิดจินตนาการมองเห็นคนที่เรากำลังโกรธอยู่ เห็นภาพในอนาคตสมมุติว่าเขากำลังป่วยหนักใกล้ตาย เขาจะต้องพบกับความทุกข์ทรมานแค่ไหน จากนั้นให้หวนคิดถึงตัวเราเองว่า เราเองสักวันหนึ่งก็ต้องพบกับความทุกขทรมานและความตายเหมือนเขาเช่นเดียวกัน พวกเราล้วนตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมเดียวกันด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะมามัวโกรธกันอยู่ทำไมกัน

วิธีที่ 8 ใช้วิธีกราบพระเพื่อระงับความโกรธ
การกราบพระทำให้จิตใจเกิดความอ่อนน้อม หมดความมานะถือตัว สภาพจิตใจเช่นนี้ ความโกรธเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นหากท่านใช้วิธีระงับโกรธหลายวิธีแล้วยังไม่ได้ผล ขอแนะนำให้ใช้วิธีกราบพระ ท่านว่าได้ผลชงัดนัก วิธีง่าย ๆ เมื่อใดที่โกรธ ให้ก้มลงกราบพระทันที และในขณะที่ท่านกราบพระ ให้นึกถึงใบหน้าของ คนที่ท่านโกรธ ท่านจะพบด้วยตนเองว่าตราบใดที่ท่านยังกราบพระอยู่ ความโกรธจะไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้เลย

ขอบคุณข้อมูลจาก http://space.postjung.com/blog-show.php?sid=1097303&id=89228