ร้อยไหม…ช่วยให้กระชับได้จริงหรือ

โดย ผศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ภาควิชาตจวิทยา

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

การร้อยไหม ช่วยยกกระชับได้จริงหรือ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานยืนยันทางการแพทย์ว่า การร้อยไหมสามารถทำให้ผิวหนังเกิดการยกกระชับได้จริง หรือคงสภาพการกระชับได้นาน และจากรายงานผลการร้อยไหมชนิดมีเงี่ยง ทำให้ผิวดูกระชับขึ้นในช่วงเดือนแรกหลังการร้อยไหม เชื่อว่าเกิดจากการที่ผิวเกิดการบวมและอักเสบจากการสอดไหม อย่างไรก็ตาม ผิวจะกลับสู่สภาพเดิมในเวลาต่อมา อีกทั้งยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเส้นใยคอลลาเจน ที่เชื่อว่ามีการสร้างใหม่จากการร้อยไหมละลายเป็นคอลลาเจนปกติของผิวหนัง หรือเกิดจากแผลพังผืดที่อาจส่งผลต่อผิวหนังในระยะยาวได้ ซึ่งการร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้านั้นมีมานานแล้ว โดยในระยะแรกใช้ไหมชนิดมีเงี่ยง (barb) สอดเข้าไปในความลึกระดับชั้นไขมันใต้ผิวหนังเกี่ยวชั้นใต้ผิวหนังเพื่อล็อกเนื้อเยื่อ ก็จะช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าได้ ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยระดับหนึ่ง

ส่วนที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน จะเป็นไหมชนิดไม่มีเงี่ยง (non-barb) โดยจะสอดไหมในระนาบแนวความลึกของชั้นหนังแท้ ใช้เส้นไหมขนาดความยาวตั้งแต่ 2.5-6 มิลลิเมตร จำนวนตั้งแต่ 20 ถึงกว่า 100 เส้น สอดเข้าไปในผิวหนังที่แพทย์ผิวหนังต้องอาศัยทักษะความชำนาญสูง และยิ่งนำไหมทองมาใช้ ซึ่งไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว สิ่งที่ต้องทราบคือ การร้อยไหมทองไม่สามารถแก้ไขหรือเอาออกได้ เนื่องจากทองถูกพังผืดยึดเอาไว้ หากดึงออกมาจะทำให้ผิวบุ๋มจนเสียโฉมได้ ส่วนผลในระยะยาว หากเจ็บป่วยแล้วไม่บอกแพทย์ว่า เคยร้อยไหมทองมาก่อน เมื่อเข้ารับการตรวจด้วยเครื่องมือที่ให้ความร้อน หรือเกิดกรณีรังสีแม่เหล็กวิ่งเข้าสู่ทองซึ่งเป็นโลหะ จะทำให้เกิดความร้อนจนไหม้ ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายมาก เนื่องจากรูปหน้าคนเรามีการเปลี่ยนแปลงทุกวินาที เมื่อร้อยไหมแบบถาวร หากวันหน้ามีการหย่อนคล้อยก็ต้องแก้ไปเรื่อยๆ สิ่งแปลกปลอมก็จะสะสมมากจนเกิดเป็น เนื้องอกขึ้นได้

ว่าไปแล้วมีหลายวิธีที่ช่วยให้ผิวใส กระชับ และปลอดภัย เช่น ทำความสะอาดใบหน้าให้ถูกวิธี ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะกับผิวและวัย รับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และคุณประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-10 แก้ว จะช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ที่สำคัญพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะช่วงเวลาขณะหลับเป็นเวลาที่ผิวฟื้นฟูตนเองให้กลับสดใสแข็งแรง กล้ามเนื้อใบหน้าผ่อนคลายเต็มที่ ไร้ริ้วรอย โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมค่ะ

———

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000044447

เตือนมาเรื่อยๆ น้ำแข็งขั้วโลกใต้ลดลง 10 เท่าในรอบพันปี

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

งานวิจัยล่าสุดชี้น้ำแข็งแอนตาร์กติกาละลายเร็วขึ้นถึง 10 เท่าในรอบ 1,000 ปี (ไลฟ์ไซน์)

งานวิจัยพบคาบสมุทรในทวีปแอนตาร์กติกาแถบขั้วโลกละลายเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าในรอบพันปี โดยการละลายส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อมโยงกับภาวะโลกร้อน และการละลายอย่างฉับพลันนี้อาจทำให้ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งที่ยื่นไปในมหาสมุทรพังทลายลงมาได้ ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นหากการละลายยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“สิ่งที่เกิดขึ้นหมายถึงคาบสมุทรแอนตาร์กติกา (Antarctic Peninsula) ได้ร้อนขึ้นระดับที่แม้แต่การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเพียงเล็กน้อยก็นำไปสู่การละลายของน้ำแข็งในช่วงหน้าร้อนได้มโหฬาร” เนริลี อาบรัม (Nerilie Abram) ผู้ร่วมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University) และองค์การสำรวจแอนตาร์กติกอังกฤษ (British Antarctic Survey) กล่าว

อีริค สไตจ์ (Eric Steig) ผู้ร่วมวิจัยและศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (University of Washington) สหรัฐฯ กล่าวว่า การละลายของน้ำแข็งในคาบสมุทรแอนตาร์กติก ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป มีสาเหตุหลักๆ มาจากภาวะโลกร้อนโดยฝีมือมนุษย์ ซึ่งคาบสมุทรดังกล่าวเป็นหนึ่งในสถานที่ร้อนขึ้นเร็วที่สุดในโลก และการวิจัยอื่นๆ ก่อนหน้านี้เผยให้เห็นว่า ฤดูกาลละลายของน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกายาวนานผิดปกติ

เพื่อศึกษาภูมิอากาศในอดีตของแอนตาร์กติกาไลฟ์ไซน์ระบุว่า ทีมศึกษาได้เจาะลึกลงไปถึง 364 เมตรในแกนน้ำแข็งของเกาะเจมส์ รอสส์ (James Ross Island) ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใกล้ปลายตะวันออกเฉียงเหนือของแอนตาร์กติกา โดยแกนน้ำแข็งได้ให้ร่องรอยของอุณหภูมิในอดีตของแอนตาร์กติกา และมีชั้นของของน้ำแข็งที่ละลายในหน้าร้อน และแข็งตัวขึ้นใหม่หลังจากนั้น ซึ่งมองเห็นได้จากแกนน้ำแข็งดังกล่าว ความหนาของของชั้นในแกนน้ำแข็งนี้เผยให้เห็นการละลายของน้ำแข็งในทวีปย้อนไปถึง 1,000 ปีที่ผ่านมา

อาบรัมกล่าวว่า ตอนนี้การละลายของน้ำแข็งในหน้าร้อยอยู่ในระดับสูงสุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในช่วง 1,000 ปีที่ผ่านมา และในขณะที่ช่วง 200-300 ปีแรกของสหัสวรรษ การละลายของน้ำแข็งก็เพิ่มสูงขึ้นมากครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 โดยการศึกษาของพวกเขาตีพิมพ์ลงวารสารเนเจอร์จีโอไซน์ (Nature Geoscience) ซึ่งบ่งชี้ว่า คาบสมุทรแอนตาร์กติกานั้นอาจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ส่วนภาพจากแกนน้ำแข็งที่เจาะขึ้นมาจากแอนตาร์กติกาตะวันตกนั้นยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก โดยมีลักษณะของอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นมากในอดีตคล้ายๆ กัน แต่ภาพดังกล่าวยังซับซ้อนและยากที่จะหาถึงสาเหตุที่แท้จริงของอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าการละลายของน้ำแข็งที่ฝั่งตะวันตกนั้นเกิดจากสภาพอากาศเอลนีโญเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1990

http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000046266

การออกเสียงอ่าน

forvo.com in einstein by walter isaacson
forvo.com in einstein by walter isaacson

จากหนังสือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน
หน้า xix หรือหน้า 19 ก่อนเข้าหน้า 1 ของหนังสือ
ในบท “จากผู้แปล” คือ ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ
เล่าให้ฟังว่า พบศัพท์หลายคำที่ไม่ใช่ภาษาไทย
แต่ต้องเขียนเป็นภาษาไทย จึงใช้บริการของ forvo.com
ออกเสียง และสะกดให้ได้ใกล้เคียงกับที่สุดจากเจ้าของภาษา
เช่น http://th.forvo.com/word/internet/

แชร์ให้เพื่อน
<script type=”text/javascript”
src=”http://th.forvo.com/_ext/ext-prons.js?id=223328″>
</script>


ถ้า download ต้องสมัครสมาชิก

http://th.forvo.com/download/mp3/internet/en/223328

อ่านเรื่อง forvo.com และทดสอบ script ที่เปิด share ของเขาแล้ว
ทำให้เกิดความคิดขึ้นมาว่าน่าจะปรับเว็บเพจ http://www.thaiall.com/listen/
ให้ใช้ได้แบบ spelling bee
เคยทำระบบนี้แต่ใช้เสียงของภรรยา และเด็กที่บ้านเ็ป็นภาษาไทย
ที่ http://www.thaiall.com/quiz/misspell/

p.644 เสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองแตก stroke อายุ 76 ปี

หนังไทย พี่มากพระโขนง มีรายได้ 3 ร้อยกว่าล้าน

อันดับหนังทำเงิน เทียบรายการไทยกับฝรั่ง
อันดับหนังทำเงิน เทียบรายการไทยกับฝรั่ง
เห็นปกนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ บอกว่า พี่มากพระโขนง ทำรายได้แซงโกโบริไปมากมาย ก็มากกว่าถึง 10 เท่า ทำให้ผมสนใจว่า คนไทยดูภาพยนตร์เรื่องอะไรกันบ้าง
พบว่า การทำภาพยนตร์ของไทย ใน 30 อันดับ มีหนังประวัติศาสตร์ 7 เรื่อง มีหนังผีระทึก 4 เรื่อง มีหนังบู้ 3 เรื่อง มีหนังตลก และรัก 16 เรื่อง
แต่ไม่รู้จะเทียบหนังไทยกับหนังฝรั่งอย่างไร เพราะปัจจัยของการดูภาพยนตร์น่าจะอยู่ที่คนดู สำหรับประเทศไทย ผมรู้สึกไปเองว่าประเภทของภาพยนตร์ไทยขึ้นอยู่กับผู้สร้าง เพราะผู้ดูก็จะไปดูทุกเรื่องที่มีให้ดู แต่ผู้สร้างไม่ได้สร้างให้ดูก็คงจะไม่เห็นในรายการจัดอันดับหนังทำเงินของไทย เพราะเห็นความแตกต่างระหว่างรายการหลังไทย กับหนังฝรั่ง  แล้วหนังฝรั่งคนไทยก็ดูนะครับ อย่างรายการ top 50 นั่นผมดูแล้วทุกเรื่อง ส่วนหนังไทยยังดูไ่ม่ครบครับ
อันที่จริงมีคำถามในใจ ว่า “ทำไมคนไทยไปดูหนังเรื่องพี่มากพระโขนง มากถึง 3 ล้านคนเลยเหรอ” เพราะรายได้ 300 ร้อยกว่าล้าน ที่ได้จากผู้ชมคนละร้อย ก็น่าจะมีคนชมกว่า 3 ล้านคน
1. สุริโยไท
2. พี่มากพระโขนง
3. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 1
4. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2
5. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี
6. ต้มยำกุ้ง
7. ATM เออรัก เออเร่อ
8. บางระจัน
9. นางนาก
10. รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ
11. หลวงพี่เท่ง
12. แฟนฉัน
13. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง
14. กวน มึน โฮ
15. สุดเขตสเลดเป็ด
16. มือปืน/โลก/พระ/จัน
17. ลัดดาแลนด์
18. 5 แพร่ง
19. ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ
20. 32 ธันวา
21. องค์บาก 2
22. คุณนายโฮ
23. แหยมยโสธร
24. องค์บาก
25. สตรีเหล็ก
26. แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า
27. สาระแนห้าวเป้ง
28. ก้านกล้วย
29. วงศ์คำเหลา
30. โหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง

ชีวิตประสบผลสำเร็จ ด้วย 10 วิธี

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

1. อย่านอนดึกตื่นสาย

เป็นเรื่องธรรมดาที่หลังจากวันทำงานอันแสนเหน็ดเหนื่อย ใครๆก็อยากนอนแหมะอยู่กับเตียงในช่วงวันสุดสัปดาห์กันแทบทั้งนั้น แต่ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Rush University ในสหรัฐฯ เผยว่าการนอนดึกตื่นสายทำให้ความสามารถในการจดจำลดลง และถ้าช่วงสุดสัปดาห์คุณเอาแต่นอนตื่นสาย มันก็จะส่งผลต่อการทำงานในวันจันทร์ต่อมาอีกด้วย ดังนั้นถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตก็ตั้งนาฬิกาปลุกซะ แล้วก็อย่าจมอยู่กับเตียงนานเกินไปด้วย

2. อย่าหมายคว้าดาวที่สูงเกินไปนัก

แม้เราๆแทบทุกคนจะอยากควงคู่คนสวยๆหล่อๆระดับพระเอกนางเอกซุปเปอร์สตาร์ แต่ผลการวิจัยชี้ว่าการตั้งเป้าหมายจะหาคนรักที่เลิศเลอแตกต่างกับตัวเราเองจนเกินไป มักจะนำไปสู่ความรักแบบปรบมือข้างเดียวได้เท่านั้น ทางที่ดีเราควรมองคนที่อยู่ในระดับที่ใครเคียงกับเราซะจะดีกว่า เพื่อที่ชีวิตของคุณจะได้ไม่ต้องจมอยู่กับความฝันลมๆแล้งๆจากเรื่องแบบนี้ด้วยไงล่ะ

3. เกาะติดเทรนด์

การตามเทรนด์แฟชั่นคงไม่ใช่อะไรที่มีประโยชน์ต่อชีวิตการงานเท่าไหร่นัก แต่การตามเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตการงานจะช่วยทำให้คุณเข้าใกล้ความสำเร็จได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการอ่านข่าวเป็นประจำ ติดตามข่าวสาร กฎเกณฑ์ใหม่ๆที่เพิ่งประกาศใช้ ฯลฯ ให้คุณสามารถเก็บเกี่ยวสิทธิประโยชน์ต่างๆที่คุณควรจะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

4. กินปลาเยอะๆ

มีงานวิจัยจำนวนนับไม่ถ้วนค้นพบว่าการกินปลาช่วยให้คุณฉลาดขึ้นได้ ล่าสุดบทความที่ลงตีมพิมพ์ในนิตยสาร British Journal of Nutrition  ระบุว่าอาหารที่อุดมไปด้วยสาร โอเมกา-3 จะช่วยเพิ่มสมรรถภาพการทำงานของความคิด และยังเพิ่มอัตราความเร็วของปฏิกิริยาโต้ตอบของร่างกายได้อีกด้วย ดังนั้นถ้าคุณอยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นก็ควรกินปลาที่มีน้ำมันปลาสูงๆอย่างแมคเคอเรล, ทูน่า, หรือปลาแซลมอน

5. ตั้งเป้าหมายในชีวิต

น่าเศร้าที่แค่ความต้องการจะประสบความสำเร็จ ไม่ได้ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จจริงๆได้ ดังนั้นถ้าคุณอยากไปถึงฝั่งฝันก็ควรวางแผนการชีวิตให้เป็นรูปเป็นร่าง ตั้งเป้าหมายแล้วกำหนดเป็นขั้นตอน กำหนดวันที่คุณหวังไว้ว่าจะทำมันได้สำเร็จ เพื่อช่วยเป็นแรงบันดาลใจและดึงให้คุณโฟกัสอยู่ที่เป้าหมายตามที่ได้วาดฝันไว้

6. หารายได้เพิ่ม

พอเราหมายถึงการประสบความสำเร็จ เราไม่ได้หมายความแต่ถึงเรื่องเงิน แต่แน่นอนว่าพลังทางการเงินก็ช่วยให้คุณมีอิสรภาพและความมั่นคงเพียงพอที่จะเรียกได้ว่าคุณประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ถ้าคุณอยากจะมีเงินมากขึ้น ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการจัดการบัญชีรายรับรายจ่ายต่างๆในชีวิต ออมเงินทุกเดือน ลดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นออก

ถ้าทุกคนได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายดูแล้ว คุณก็จะรู้เองว่า ในทุกๆวันคุณต้องหมดเงินไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องมากแค่ไหน ยกตัวอย่างง่ายๆก็เครื่องดื่มน้ำตาลเยอะทุกๆแก้วที่คุณซื้อมากินตอนบ่าย เรียนรู้ที่จะหักห้ามใจตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก ถ้าทำได้ซักเดือนก็ลองเอาไปเปรียบกับเดือนก่อนๆดูซิว่าคุณเก็บเงินได้มากขึ้นแค่ไหน?

7. หาหนุ่ม/สาวในฝัน

ถ้าคุณตัดสินว่าสุขภาพที่ดีกับชีวิตที่ยืนยาวเป็นหนึ่งในปัจจัยของความสำเร็จในชีวิต เห็นทีคุณคงต้องหารักแท้ให้ได้แล้วล่ะ เพราะสถิติเผยให้เห็นว่าอัตราการเสียชีวิตของชายโสดอายุระหว่าง 30-59 ปี สูงกว่าชายที่มีคู่แล้วถึง 2.5 เท่า! ส่วนสาวๆก็คล้ายๆกัน เพราะหญิงโสดก็มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าหญิงที่สละโสดไปแล้วถึง 23% ดังนั้นถ้าคุณอยากจะอยู่บนโลกใบนี้ไปนานๆก็คงต้องหาแฟนดีๆ ซักคนให้ได้นะ

8. ออกกำลังกายกลางสัปดาห์

จริงอยู่ที่พอเลิกงานแล้ว เราๆส่วนใหญ่ก็อยากจะรีบตรงดิ่งกลับบ้านไปพักผ่อน ไม่ก็นั่งดูทีวีรายการโปรด แต่ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย University of Bristol ในอังกฤษค้นพบว่าคนที่ออกกำลังกายในช่วงวันทำงานจะมีความสุขมากกว่าและเครียดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย

9.  เปลี่ยนพฤติกรรม

การมีตังค์เหลือมากขึ้นจะช่วยให้คุณตามไล่ล่าความฝันได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นคุณก็ควรลองเปลี่ยนพฤติกรรมที่ฟุ่มเฟือยๆบางอย่างเพื่อให้เก็บตังค์ได้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เลิกไปยิมแพงๆหรูๆแล้วหันไปหาอุปกรณ์ออกกำลังกายไว้ใช้เองที่บ้านหรือตามสวนสาธารณะก็ได้ หรือจะเลิกไปกินอาหารร้านเว่อร์ๆแล้วลองเปลี่ยนมาทำอาหารเองอยู่บ้านดูดีกว่ามั๊ย? สังเกตตัวเองแล้วหาจุดด้อยมาแก้ไขเปลี่ยนพฤติกรรม ให้คุณได้เข้าใกล้ความฝันของคุณได้ไม่มากก็น้อย

10. กลับไปวัยเรียน

ว่ากันว่าชีวิตคือการเรียนที่ไม่สิ้นสุด และถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต คุณก็ต้องไปหาวิชาความรู้เพิ่มเติม ลองไปหาข้อมูลคอร์สเรียนที่เปิดสอนในวิชาที่จะช่วยยกระดับคุณสมบัติและความสามารถของคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาขาวิชาที่ดูดีเป็นที่ต้องการเวลาคุณกรอกข้อมูลลงใบสมัครงานในฝันของคุณ ศึกษาเปรียบเทียบของแต่ละสถาบันดูเพื่อให้ได้คอร์สที่ดูมีคุณภาพและราคาที่เหมาะสมที่สุด

และที่สำคัญที่สุดต้องมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะทำในสิ่งนั้นๆ นะค่ะ รับรองประสบผลสำเร็จแน่นอนค่ะ


http://lifestyle.th.msn.com/beauty/10-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%88#image=11

ดาราไทยกับอาหารสดในต่างแดน

dog in china
dog in china

ไปเดิน bigc หรือ lotus ในแผนกอาหารสด ก็เห็นแต่สัตว์ที่ตายแล้วเต็มไปหมด ปลาหมึก หมู วัว ไก่ ปลา ก็เห็นจะมีปลาบางตัวที่ยังว่ายน้ำอยู่ หากท่านใดสนใจก็จะชี้ปลาตัวนั้น ผมว่านั่นสดจริง ๆ

ย้อนนึกถึงสุนัขที่คนไทยบางกลุ่มส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นลำรถที่เดียว และออกเป็นข่าวบ่อย ๆ เนื่องจากคนไทยไม่นิยม เมื่อค้นดูก็พบว่ามีการห้อยสุนัขเหมือนเป็ด เหมือนไก่ เหมือนข้าวขาหมู ก็คงเป็นอาหารที่ไม่สด เนื่องจากไม่ได้ฆ่าสัตว์นั้นตรงนั้น แล้วกินกันเลย แต่มีการฆ่าแล้วก็หั่นเอาเฉพาะส่วนที่น่าทานเสิร์ฟไปยังร้านอาหารต่าง ๆ ก็คงเหมือนกับ KFC หรือ MK หรือ PIZZA หรือ Shabushi หรือ Santafe ที่ต้องฆ่าสัตว์นั้น ๆ ก่อน แล้วก็คงแช่แข็งไว้ หากมีลูกค้าสั่งถึงจะนำออกมาวางให้หยิบเข้าปาก

เคยมีรายการเที่ยวต่างประเทศ ที่ดาราไปเกาหลีแล้วเข้าร้านเปิปพิสดาร ทานปลาหมึกลวก (live octopus) ประเด็นที่น่าสนใจคือ ปลาหมึกตัวนั้นยังไม่ตาย ยังสด ๆ แล้วดาราคนนั้นก็ทานไม่ลง แต่คนในร้านทานกันอย่างเอร็ดอร่อย เรียกว่าวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่แตกต่างกัน ซึ่งดาราไทยปรับตัวไม่ได้ในระหว่างท่องไปในต่างแดน

ผมเองก็ทานอาหารสด จำไ้ด้ว่าเคยไปกว้านพะเยา แล้วมีแม่ค้าเอากุ้งเต้นมาขาย ใส่กล่องโฟมแบบยำแล้ว ราคาประมาณ 30 บาทในสมัยนั้น บางตัวก็เต้นอยู่ แต่เพราะอยู่กับพริก จึงทะยอยหยุดเต้นจนเหลือมีชีวิตอยู่ไม่กี่ตัว .. ภาคหลังไ้ด้ค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ได้ข้อมูลว่าในกุ้งเต้นมีพยาธิปริมาณมาก และอาจเป็นเหตุของโรคภัยสารพัด จึงต้องหยุดเป็นลูกค้าในเวลาต่อมา

http://dailykimchi.com/buzz/china-food-festival-over-15000-dogs-on-the-menu/

ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน

ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน 9786165154147
ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน 9786165154147

หน้าก่อนหน้า ix
ข้อความในจดหมายที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เขียนถึงลูกชาย เอดูอาร์ด ไอน์สไตน์
ว่า “ชีวิตเหมือนการขี่จักรยาน
ถ้าไม่อยากล้ม ลูกต้องขี่ไปข้างหน้าเรื่อย ๆ อย่าหยุด

ได้หนังสือ ไอน์สไตน์ โดย วอลเตอร์ไอแซคสัน
Albert Einstein by Walter Isaacson
ชีวประวัติ และจักรวาล (ฉบับสมบูรณ์)
His Life and Universe

ที่แปลโดย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ และคณะ
ซึ่ง อ.อัศนีย์ ณ น่าน รับประสานให้บุคลากร และจัดซื้อราคาพิเศษ
ราคาตามปกคือเล่มละ 495 บาท
ได้หนังสือวันที่ 9 เม.ย.56
หนังสือพิมพ์ครั้งแรก มี.ค.56
ในเล่มภาษาอังกฤษนั้น พิมพ์ครั้งแรก เม.ย.50
เล่มแปลมีเลขหน้าถึงหน้าที่ 763 จากทั้งหมด 816 หน้า
มีทั้งหมด 25 บท เขียนคำนิยมโดย

1. ว.วชิรเมธี มหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์
2. ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน
3. คุณสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการ

เล่มนี้ isaacson เขียนเสร็จก่อนเล่ม Steve Jobs
แต่สำนักพิมพ์ Nation books แปลเล่มของ Steve Jobs ก่อน
แล้วตามมาด้วยการแปลเล่มนี้

สารบัญ
บุคคลสำคัญในเรื่อง
บทที่ 1 บุรุษผู้ท่องไปกับลำแสง
บทที่ 2 วัยเด็ก, ปี 1879 – 1896
บทที่ 3 ซูริกโพลีเทคนิค , ปี 1896 – 1900
บทที่ 4 คู่รัก, ปี 1900 – 1904
บทที่ 5 ปีมหัศจรรย์: ควอนตัม และโมเลกุล, ปี 1905
บทที่ 6 ทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ, ปี 1905
บทที่ 7 ความคิดอันแสนสุข, ปี 1906 – 1909
บทที่ 8 ศาสตราจารย์ผู้ร่อนแร่, ปี 1909 – 1914
บทที่ 9 ทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไป, ปี 1911 – 1915
บทที่ 10 หย่า, ปี 1916 – 1919
บทที่ 11 เอกภพของไอน์สไตน์, ปี 1916 – 1919
บทที่ 12 ดังกระฉ่อน, ปี 1919
บทที่ 13 ไซออนิสต์พเนจร, ปี 1920 – 1927
บทที่ 14 รางวัลโนเบล, ปี 1921 – 1927
บทที่ 15 ทฤษฎีสนามรวม, ปี 1923 – 1931
บทที่ 16 เข้าสู่วัย 50, ปี 1929 – 1931
บทที่ 17 พระผู้เป็นเจ้าของไอน์สไตน์
บทที่ 18 ลี้ภัย, ปี 1932 – 1933
บทที่ 19 สหรัฐอเมริกา, ปี 1933 – 1939
บทที่ 20 การพัวพันเชิงควอนตัม, ปี 1935
บทที่ 21 ระเบิดปรมาณู, ปี 1939 – 1945
บทที่ 22 พลเมืองของโลกเพียงหนึ่งเดียว, ปี 1945 -1948
บทที่ 23 เด่นดัง, ปี 1948 -1953
บทที่ 24 หวาดกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์, ปี 1951 -1954
บทที่ 25 วาระสุดท้าย, ปี 1955
บทส่งท้าย สมองและความคิดของไอน์สไตน์

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (เยอรมัน: Albert Einstein) (14 มีนาคม พ.ศ. 2422 – 18 เมษายน พ.ศ. 2498) เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวที่มีสัญชาติสวิสและอเมริกัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นผู้เสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพ และมีส่วนร่วมในการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัม สถิติกลศาสตร์ และจักรวาลวิทยา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ในปี พ.ศ. 2464 จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก และจาก “การทำประโยชน์แก่ฟิสิกส์ทฤษฎี”

http://en.wikipedia.org/wiki/Albert_Einstein

http://bit.ly/14IVcmx
http://www.se-ed.com/eShop/Products/ProductList.aspx?CategoryId=5408&AspxAutoDetectCookieSupport=1

ถ่ายคลิ๊ปรูปถ่ายหมู่มหาฯ

มหาบัณฑิต ในพิธีประสาทปริญญาบัตรกลางแจ้ง
มหาบัณฑิต ในพิธีประสาทปริญญาบัตรกลางแจ้ง

21 ธ.ค.55 เป็นครั้งที่ 20 ที่มหาวิทยาลัยเนชั่นจัดพิธีประสาทปริญญาบัตรบัณฑิต และมหาบัณฑิต ณ ลานกลางแจ้ง ในมหาวิทยาลัย ริมอ่างตระพังดาว และเป็นปีแรกที่ใช้ชื่อมหาวิทยาลัยเนชั่น หลังรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเซ็นอนุมัติการเปลี่ยนชื่อจาก มหาวิทยาลัยโยนก เป็นมหาวิทยาลัยเนชั่น เมื่อวันที่ 28 พ.ย.54

โดยภาพนี้เป็นภาพหมู่ของมหาบัณฑิต ที่ใช้ชื่อมหาวิทยาลัยเนชั่นเป็นรุ่นแรก โดยมี คุณสุทธิชัย หยุ่น ประธานเครือเนชั่น คุณเสริมสิน สมะลาภา และ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เป็นเกียรติ และ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธี

ของขวัญ..ที่มาจากใจ

“ของขวัญ” อย่างที่ทราบกันว่าเราจะมอบให้กันในวาระพิเศษต่าง ๆ เช่น แสดงความยินดีในโอกาสต่าง ๆ  หรือวันปีใหม่  วันเกิด วันวาเลนไทน์… ซึ่งแต่ละโอกาสก็จะพยายามสรรหาของขวัญที่แตกต่างกันออกไป  ซึ่งแน่นอนผู้ได้รับย่อมมีความยินดี ปลาบปลื้มค่ะ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

และในวันนี้เราจะมาพูดถึงของขวัญที่สามารถมอบให้กันได้ทุกวัน  ไม่ต้องรอมอบในช่วงเทศกาล   เราสามารถมอบให้กันได้ตลอดทั้งปี และเมื่อเรามอบของขวัญนี้แล้ว ผู้รับเกิดคุณค่ามากมายมหาศาลเลยทีเดียวค่ะ  ไม่ยากเลยค่ะ ลองอ่านต่อเลยนะค่ะ

ของขวัญจาก “การฟัง” จงตั้งใจฟังผู้อื่นให้มาก อย่าขัดจังหวะการพูด หรือขัดคอคนอื่น พูดให้น้อย ฟังให้มาก

ของขวัญจาก “ภาษากาย “ อย่าอายที่จะแสดงความรักแก่ครอบครัว หรือเพื่อนของคุณ การแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ที่บอกให้พวกเขารู้ถึงความสนิทสนมที่คุณมีให้ จับมือ โอบไหล่ สวมกอด หอมแก้ม ฯลฯ

ของขวัญจาก “ความเบิกบาน” แบ่งปันเสียงหัวเราะ และความสนุกสนานให้คนรอบข้าง มีเรื่องสนุก อย่าแอบหัวเราะคนเดียว

ของขวัญจาก “การเขียน” กระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือของคุณเอง เช่น ฉันรักคุณจังเลย ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ จะสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับคนอ่านได้ไม่น้อย

ของขวัญจาก “คำชม” ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ไม่ว่าใครก็อยากจะได้รับคำชม เช่น ผมทรงนี้ดูดีจัง กับข้าวอร่อยมากเลยนะ

ของขวัญจาก “ความมีน้ำใจ” ความจริงพวกเราทุกคนล้วนมีน้ำใจ สภาพสังคมที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันอยู่ตลอด ทำให้น้ำใจของหลายคนเกิดอาการหลับใน การแบ่งปันให้กัน จะทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้น

ของขวัญจาก “เวลาส่วนตัว” บางเวลาคนเราก็อาจอยากอยู่เงียบๆ ตามลำพัง อย่าลืมเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว เมื่อเขาต้องการ

ของขวัญจากการ “ให้กำลังใจ” คนเรายามที่จิตใจท้อแท้ ก็เหมือนรถน้ำมันหมด ช่วยเติมกำลังใจให้คนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาส ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวก็มีทางแก้ ยากกว่านี้ เธอยังทำได้เลย สักวันรถคุณเองก็อาจจะขาดน้ำมันเหมือนกันก็ได้

ของขวัญจาก “มธุรสวาจา” คำพูดดีๆ ทำให้เกิดความประทับใจต่อกันได้ดี อย่าลืมคำพื้นฐานอย่าง ขอบคุณ ขอโทษ คุณอยากฟังคำพูดดีๆ คนอื่นเขาก็เหมือนกัน

ช่วยกันมอบของขวัญที่มาจากใจให้กันและกันทุกวันนะค่ะ….โลกของเราจะได้มีแต่รอยยิ้ม..

http://variety.teenee.com/foodforbrain/51951.html

อึ้ง…พบเชื้อ HIV-HPV เพิ่มทุกปี “ออรัลเซ็กซ์” น่าห่วง

ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ เผยยอดชายซั่มชายใน กทม.มีสิทธิสูงกว่า 2 แสนราย พบสถิติติดเชื้อ HIV มากขึ้นทุกปี และ 85% มักพบเชื้อ HPV ร่วมด้วย เสี่ยงการเป็นมะเร็งปากทวารหนัก ด้านออรัลเซ็กซ์ก็น่าห่วง มีสิทธิเกิดมะเร็งในช่องปากและลำคอหากไม่สวมถุงยางอนามัย แนะผู้มีความเสี่ยงตรวจคัดกรอง ด้านแพทย์ศิริราชชี้ฉีดวัคซีนช่วยลดอัตราการติดเชื้อใหม่ได้ และป้องกันมะเร็งได้ 78%

ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต

วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่คลินิกนิรนาม ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย พญ.นิตยา ภานุภาค พึ่งพาพงศ์ รองหัวหน้าหน่วยวิจัย SEARCH ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ กล่าวในการแถลงข่าว “ชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย เสี่ยงเป็นมะเร็งปากทวารหนักจากไวรัส HPV” ว่า เชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) มีจำนวนมากกว่า 100 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นเชื้อต้นเหตุของหูด โดยมีจำนวน 40 สายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะเพศและทวารหนัก หากเป็นชนิดที่มีความเสี่ยงสูงจะมีประมาณ 13-15 สายพันธุ์ โดยการติดเชื้อ HPV ชนิดความเสี่ยงสูงแบบเรื้อรัง จะทำให้กลายเป็นเซลล์ระยะก่อนเป็นมะเร็ง ทั้งนี้ ในผู้หญิงพบว่ามีการติดเชื้อ HPV จนเกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกในอัตรา 9.9 คนต่อแสนประชากร ช่องคลอดอัตรา 0.5 คนต่อแสนประชากร และทวารหนัก 2.5 คนต่อแสนประชากร ขณะที่ผู้ชายพบเชื้อ HPV จนเกิดเป็นมะเร็งปากทวารหนักในอัตรา 1.6 คนต่อแสนประชากร และในองคชาติอัตรา 1 คนต่อแสนประชากร แม้อัตราส่วนมะเร็งปากทวารหนักจากเชื้อ HPV ในผู้หญิงจะพบมากกว่าผู้ชาย แต่เมื่อดูในรายละเอียดแล้วจะพบว่าผู้ชายที่เป็นมะเร็งปากทวารหนัก ร้อยละ 70-90 เป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย

“จากสถิติของกรมควบคุมโรค ประมาณการว่าชายไทยอายุ 15-49 ปี เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายขั้นต่ำประมาณ 3% แต่ถ้าใน กทม.ตัวเลขประมาณการอาจจะสูงกว่านี้ อาจจะอยู่ที่ 2 แสนกว่าราย ที่สำคัญพบว่าชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายพบการติดเชื้อ HIV เพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่ผู้หญิงติดเชื้อ HIV จากสามีลดลง นอกจากนี้ ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและติดเชื้อ HIV นั้นพบว่า จะมีการติดเชื้อ HPV ทุกชนิดร่วมด้วยถึง 85% เป็นเชื้อ HPV ชนิดที่มีความเสี่ยงสูง 58% หากเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็งขั้นต่ำสามารถหายเองได้ แต่หากเป็นขั้นสูงจะมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งปากทวารหนักในที่สุด” พญ.นิตยา กล่าว

พญ.นิตยา กล่าวอีกว่า เชื้อ HPV สามารถติดต่อกันได้ทางสัมผัส ที่สำคัญผู้ชายเป็นพาหะของเชื้อ HPV ทำให้เวลามีเพศสัมพันธ์มีโอกาสติดต่อได้ หากไม่มีการป้องกันที่ดี โดยเฉพาะบริเวณปากมดลูกและปากทวารหนัก เพราะเป็นโซนที่เซลล์มีการเปลี่ยนชนิดจากเยื่อบุเป็นผิวด้านนอก จึงเป็นแหล่งที่เชื้อชอบเข้าไปสะสม ทั้งนี้ ผู้ที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ขอให้ทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากทวารหนัก (Anal Pap Smear) ซึ่งเป็นวิธีเก็บเซลล์มาตรวจหาความผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณของรอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็ง หากพบว่าผิดปกติจะมีการตรวจต่อว่า มีความผิดปกติในช่วงใดจากนั้นจะทำการรักษาที่บริเวณนั้นก่อนลุกลามกลายเป็นมะเร็ง เพราะโอกาสการเป็นมะเร็งภายใน 1 ปี หากเป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายจะมีโอกาส 1 ใน 600 คน หากไม่ใช่กลุ่มดังกล่าวจะมีโอกาสเพียง 1 ใน 4,000 คน เท่านั้น ซึ่งการรักษาสามารถทำได้ด้วยการใช้เครื่องจี้อิฟราเรด หรือการแต้มกรด TCA ฯลฯ

“ที่น่าห่วงคือการเกิดมะเร็งในช่องปากและลำคอจากเชื้อ HPV ซึ่งเกิดการจากมีเพศสัมพันธ์ทางปาก (ออรัลเซ็กซ์) ซึ่งในเร็วๆ นี้ จะพยายามเร่งผลักดันให้มีการตรวจคัดกรองมะเร็งในช่องปากและลำคอจากเชื้อ HPV ด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นชายมีเพศสัมพันธ์กับหญิง หรือกับผู้ชายด้วยกันเอง ขอให้มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ด้วยการใส่ถุงยางอนามัย แม้แต่การทำออรัลเซ็กซ์ก็เช่นกัน ควรใส่ถุงยางอนามัยเพื่อความปอลดภัยด้วย” พญ.นิตยา กล่าว

รศ.นพ.มงคล เบญจาภิบาล ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชายสามารถลดอัตราการติดเชื้อได้ และมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากทวารหนักสูงถึงร้อยละ 78 อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนเป็นเพียงการป้องกันและลดโอกาสการติดเชื้อใหม่ ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาหรือช่วยลดเชื้อเดิมที่มีอยู่ ที่สำคัญเป็นวัคซีน HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ดังนั้น การตรวจคัดกรองยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีน เพราะยังมีโอกาสติดเชื้อ HPV สายพันธุ์อื่นได้เช่นกัน

http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9560000040418