มีมนุษย์ที่ไม่สังวรต่อมะเร็ง

หมูปิ้ง
หมูปิ้ง

คำถาม : กินหมูปิ้ง เป็นมะเร็งไหม
คำตอบ : เหมือนคนซื้อหวย กับคนไม่ซื้อหวย

ถ้ามีคนถามผมว่า ผมกินหมูปิ้งไหม
ผมขอตอบว่า ผมก็เป็นพวกไม่เจียมสังขาร เหมือนกัน

แม้มีความรู้ว่าหมูไหม้มีสารก่อมะเร็ง แต่ก็เห็นผู้คนหลั่งไหลกันไปทาน ซื้อหาอยู่เป็นนิจ เรียกว่ามีความรู้ มีข้อมูล แต่ไม่ได้ใช้ความรู้กันเท่าที่ควร .. เรียกได้ว่ามีพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุสมผล

ที่มา : สารโพล่าหรือสารก่อมะเร็งนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อเรานำเนื้อไปปิ้งหรือย่างแล้ว ไขมันจากเนื้อนั้นหยดลงไปถูกถ่านไฟที่ร้อนจัด เมื่อไขมันโดนถ่านไฟที่มีอุณหภูมิสูงก็จะเกิดเป็นควันซึ่งมีสารก่อมะเร็ง และควันที่เกิดขึ้นนั้นก็จะพาสารก่อมะเร็งลอยกลับมาที่เนื้อชิ้นนั้นอีก และหากเรากินเข้าไปสะสมในร่างกายเรื่อยๆ ก็อาจกลายเป็นมะเร็งได้ในที่สุด

เรื่องของสาร : สารประกอบกลุ่ม พีเอเอ็ช (PAH) พบได้ในเนื้อปิ้งย่าง ผัก น้ำมัน ธัญพืช ผลไม้ ปลารมควัน .. สารประกอบนี้เรียกว่า เบนโซ(เอ)ไพรีน (Benzo(a)pyrene) จัดอยู่ในกลุ่ม โพลีซัยคลิก อโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic aromatic hydrocarbon, PAH) และเป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็งที่แรงที่สุดในกลุ่มนี้   จากการศึกษาต่าง ๆ พบว่าสารประกอบนี้สามารถจับกับเซลของอวัยวะต่าง ๆ จากมากไปหาน้อย คือ แขนงหลอดลม (bronchus) > หลอดอาหาร(esophagus) >  ลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenum) > ลำไส้ใหญ่ส่วนขวาง (transverse colon)
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=21

ไว้ทุกข์เพราะทุกข์ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจ

เสื้อดำ เสื้อขาว
เสื้อดำ เสื้อขาว

22 พ.ย.54 วันนี้ไปร่วมงานศพคุณยายที่อยู่บ้านตรงข้าม พรุ่งนี้ไปงานศพแม่เพื่อนที่เชียงราย แล้วนึกย้อนกลับไปว่า เดือนพฤศจิกายน 2550 ครอบครัวเสียคุณยายไป 1 ท่าน และเดือนพฤศจิกายน 2551 ครอบครัวก็เสียคุณตาไปอีก 1 ท่าน ซึ่งก่อนหน้านี้เสียคุณปู่ในปี 2540 และคุณย่าทวดในปี 2541 เกิดมาเป็นมนุษย์ต้องสูญเสียบุพการี คนที่เรารัก เพื่อนสนิท มิตรสหาย และคนรู้จักไปมากมาย

เวลามีคนถามผมว่า ทำไมจึงสวมชุดดำทุกวัน ผมก็ตอบไปว่าไว้ทุกข์ให้บุพการีชั่วชีวิต เพราะทุกข์นั้นไม่มีวันเลือนหายไปจากใจ .. อันที่จริงผมไม่ได้เพียงแต่รับรู้ถึงทุกข์ในอดีตเท่านั้น แต่รวมถึงทุกข์อีกมายมายที่จะต้องพบในอนาคต เป็นความจริงที่ต้องสูญเสียอีกนับไม่ถ้วน .. หลายท่านคงบอกว่าเรื่องนี้ต้องปล่อยวาง  แม้ผมจะปล่อยวางหลายเรื่องลงได้ แต่ความจริงย่อมเป็นความจริง

แม้จะใช้อุบายลวงจิตก็แล้ว แต่ความทุกข์ก็จะไม่มีวันเลือนหายไปจากใจ

คนเหนือคัน กับคนใต้คัน

น้ำท่วม คนเหนือคัน กับคนใต้คัน
น้ำท่วม คนเหนือคัน กับคนใต้คัน

ตัวแทน 20 ชุมชนดอนเมือง เผยพรุ่งนี้จะมีการหารือจี้รัฐให้รื้อบิ๊กแบ็ก ยันปิดโทลล์เวย์แน่หากไม่ทำตาม โอดคนเหนือคันไม่ได้เป็นไพร่แบบที่รัฐเคยพูดไว้ พร้อมลั่นอยากให้ลงมาดูพื้นที่จริงบ้าง อย่าพูดแต่ในสภา
วันที่ 12 พ.ย.54 เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ทางรายการ “ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม” ทางช่องไทยพีบีเอส นายธนรัตน์ พราหมณกุณ ผู้ประสานงานเครือข่าย 20 ชุมชนแขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กล่าวว่า ผู้นำไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรี ไม่ทราบว่าคิดอย่างไรที่เอาบิ๊กแบ็กมากั้น ชุมชนเหนือแนวได้รับความเดือดร้อนมาก ที่หมู่บ้านสิรินธรน้ำสูง 1.6 เมตร น้ำเน่าเสียเหม็นมาก และไม่เคยมีใครมาดูแลเลย
จากที่เปิดแนวกระสอบทรายยักษ์ไว้ 6 เมตร วันนี้ไม่ทราบว่ามาจากฝ่ายไหน ก็มาปิดเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งผู้นำ 20 ชุมชน ก็ได้เปิดออกไปแล้ว ตามที่สัญญากับสำนักระบายน้ำ หรือรองปลัดกทม. ที่ให้สัญญาว่าเปิดไว้ ตามเดิม 6 เมตร ชุมชนก็ไม่ได้ละเมิดเปิดไว้เท่านี้
พรุ่งนี้จะมีการหารือร่วมกัน 20 ชุมชน ถ้ารัฐบาลไม่ยอมเปิดทางระบายน้ำให้กว้างกว่านี้ หรือเอาออกไปเลย จะขึ้นโทลล์เวย์แน่นอน เพื่อเรียกร้องว่าชุมชนเหนือบิ๊กแบ็กไม่ได้เป็นไพร่ แล้วคนใต้บิ๊กแบ็กเป็นเจ้าขุนมูลนายตามแบบที่คุณพูดไว้
เมื่อถามว่าต้องการให้เปิดบิ๊กแบ็กกว้างเท่าไหร่ นายธนรัตน์ กล่าวว่า ต้องรอมติจากการประชุมก่อน แต่ทางที่ดีเอาออกไปเลยดีกว่า เพราะทั้งรัฐบาลและกทม.ก็ประโคมข่าวว่ากทม.น้ำลด ๆ แล้วจะมากักน้ำไว้อีกทำไม
ไม่มาดูเลยที่ประกาศน้ำลดๆ แต่ชุมชนที่นี่น้ำยังสูงเป็นเมตรๆ ลดแค่ 4 ซ.ม. อีกทั้งการมาวางบิ๊กแบ็กไม่มีแจ้งก่อนด้วยว่าจะทำ มาถึงก็ทำเลย
นายธนรัตน์ กล่าวต่อว่า พรุ่งนี้ 9 โมงเช้า 20 ชุมชนจะหารือกัน ถ้ารัฐไม่ช่วยเหลือ และเปิดทางให้ คงต้องขึ้นไปหาความเป็นธรรมให้ 20 ชุมชน และชาวบ้าน 80,000 คน อยากให้ลงมาดูบ้าง อย่าพูดแต่ในสภา

3.9G คืออะไร (itinlife 317)

19 พ.ย.54 ปัจจุบันโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตของคนทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางคนต้องพก 2 เครื่อง เพื่อใช้ในการทำงาน และใช้ส่วนตัว ส่วนนักเรียน นักศึกษาเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่ถูกยอมรับว่ามีกำลังซื้อสูงสุด เพราะเปลี่ยนมือถือตามแฟชั่น ผู้ผลิตออกรุ่นใหม่มาเป็นต้องเกาะกะแสไม่เคยพลาด ไม่เหมือนผู้ใหญ่ที่จะเปลี่ยนแต่ละทีคิดแล้วคิดอีก กำเนิดของโทรศัพท์เกิดในปีพ.ศ.2419 โดยนักประดิษฐ์ชื่ออเล็ก ซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander  Graham  Bell) แล้วในปี พ.ศ. 2420  โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas  Alwa  Edison) ก็นำมาพัฒนาต่อจนสามารถใช้งานได้จริง สำหรับประเทศไทยเริ่มใช้โทรศัพท์ในปีพ.ศ.2450 โดยกรมไปรษณีย์โทรเลขได้นำเครื่องโทรศัพท์ระบบไฟกลาง (CENTRAL BATTERY: CB)  ติดตั้งเครื่องชุมสายระบบไฟกลางวัดเลียบ ซึ่งเป็นเครื่องชุมสายแห่งแรกในประเทศไทย

แต่ละยุคมีเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ยุคแรก หรือ 1G ใช้ Cellular ที่ยังเป็น Analog มาเป็นยุค 2 G ใช้ GSM ที่เริ่มเป็น Digital แล้ว ยุค 2.5 ใช้ GPRS ยุค 2.75G ใช้ EDGE ยุค 3G ใช้ WCDMA ยุค 3.5G ใช้ HSDPA ยุค 3.9G ใช้ HSDPA+ โดยสรุปแล้ว 3.9G เร็วกว่า 3G กว่า 20 เท่า แล้ว 3G ก็เป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยไปแล้ว ส่วน 4G ยังเป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่เกิดขึ้นในโลก ดังนั้นเราไปได้ไกลสุดก็เพียง 3.9G

ถ้าเราใช้ 3.9G ก็จะเป็นประเทศแรก ๆ ในอาเซียน และให้บริการระยะเดียวกับญี่ปุ่น ระบบนี้ใช้คลื่นความถี่ 2100 MHz เป็นคลื่นความถี่สากล โดยเราเป็นประเทศที่ 24 ของโลก และเป็นประเทศที่ 4 ของเอเชียที่ใช้คลื่นนี้ ถ้ามีโทรศัพท์ที่รองรับ 3.9G คือ รองรับ HSDPA+ ก็จะโทรศัพท์แบบเห็นกันได้   เล่นอินเตอร์เน็ตด้วยความเร็วถึง 42 Mbps แต่โทรศัพท์ที่รองรับเทคโนโลยีนี้ยังหาได้ยากในท้องตลาด และมีราคาสูง ซึ่งเชื่อได้ว่าอีกไม่นานเราก็จะได้ใช้ 3.9G กันทุกคน เพราะถ้าผู้ส่งต้องการเห็นภาพของเรา แต่โทรศัพท์ของเรายังเป็นจอสีเดียว คงสื่อสารกันไม่สนุก แล้วเวลานั้นก็คือเวลาที่ต้องเปลี่ยนโทรศัพท์อีกครั้ง

http://www.thailand39g.com

http://www.39gthailand.com

ปล้นบ้านปลัดคมนาคม

ปล้นบ้านปลัดคมนาคม
ปล้นบ้านปลัดคมนาคม
“ภาณุพงศ์” นำทีมแถลงจับแก๊งปล้นบ้าน “ปลัดคมนาคม” พร้อมของกลางเงินสด 2.8 ล้าน สร้อยทอง อุปกรณ์งัดแงะ และเครื่องมือตัดสัญญาณโทรศัพท์ หลัง จนท.ออกตามสืบล่าตัวมาได้ 2 ราย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ระหว่างหลบหนี สารภาพวางแผนและดูลาดเลามานาน 1 ปี ก่อนสบโอกาส โดยได้เงินไปกว่า 200 ล้านบาท อ้างลงมือเข้าปล้นบ้านปลัด เพราะโกงมาจากทางราชการ
วันนี้ (17 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผกก.สส.4 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าว พร้อมชุดสืบสวน บช.น.ร่วมแถลงผลการจับกุมแก๊งคนร้ายที่ร่วมปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย นายสิงห์ทอง หรือ ไก่ ใจชมชื่น อายุ 44 ปี ที่อยู่ 135/46 ตรอกอาคาร 7 แขวงและเขตคลองเตย กทม.และ นายเสาร์แก้ว หรือ แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี ที่อยู่ 238 ม.7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ พร้อมของกลางเงินสด 2,822,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 2 เส้น อุปกรณ์ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องช็อตไฟฟ้า 3 อัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยจับกุม นายสิงห์ทอง ได้ที่ห้องพักย่านคลองตัน และจับกุม นายเสาร์แก้ว ได้ที่บ้านพัก จ.เชียงราย
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปปล้นบ้านของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่บ้านเลขที่ 77 ซ.ลาดพร้าว 64 แยก 2 โดยกลุ่มคนร้ายอาศัยช่วงจังหวะที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน บุกเข้าไปใช้เทปพันสายไฟมัดมือของแม่บ้าน 2 คน และเข้าไปในห้องน้ำชั้น 2 ได้เงินสดไป 5 ล้านบาท ก่อนขับรถกระบะหลบหนีไป ซึ่งคนร้ายได้ทิ้งชะแลงเหล็ก 3 อัน คัตเตอร์ 1 อัน และผ้าปิดปากไว้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.สส.บช.น.ได้รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบกับการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า รถกระบะวีโก้ 4 ประตู ขับออกจากที่เกิดเหตุมุ่งหน้าไปยังถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา และต่อมาได้มีประชาชนได้แจ้งเบาะแส ว่า พบบุคคลต้องสงสัยซึ่งมีพฤติกรรมการใช้เงินเปลี่ยนไป โดยร่ำรวยผิดปกติ เจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่าเป็น นายสิงห์ทอง จึงได้เชิญตัวมาสอบสวน ซึ่งพบพิรุธหลายอย่าง และไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ จนกระทั่งยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพรรคพวกรวม 6 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ดังกล่าวจริง
โดยมี นายวีระศักดิ์ หรือ โก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี อยู่ที่ 260 หมู่ 2 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เป็นหัวหน้าแก๊ง นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี นายพงษ์ศักดิ์ หรือ เจี๊ยบ นามวงศ์ อายุ 35 ปี ที่อยู่ 238 ม.7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย นายสมบูรณ์ หรือ บูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี ที่อยู่ 40 ม.5 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย และ นายคำนวณ หรือ นวน เมฆน้อย อายุ 38 ปี อยู่ที่ 449 ม.9 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกระทำผิดด้วย
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า แก๊งปล้นดังกล่าวได้ร่วมวางแผนมาหลายเดือนแล้ว มีการวนมาดูบ้านที่เกิดเหตุหลายรอบ แต่ยังไม่กล้าลงมือ จนกระทั่ง นายวีระศักดิ์ ได้ติดต่อมาว่าเตรียมอุปกรณ์ในการลงมือครบถ้วนแล้ว พร้อมที่จะลงมือได้โดยมีการใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องสัญญาณกล้องวงจรปิด เครื่องตัดสัญญาณประตูเลื่อนหน้าบ้าน หมวกไอ้โม่งไหมพรมสีดำ ถุงมือสีดำ เครื่องช็อตไฟฟ้า วิทยุสื่อสาร ชะแลงเหล็ก ในการลงมือ โดยในวันเกิดเหตุ นายวีระศักดิ์ ได้ขับรถกระบะวีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ 1166 กาญจนบุรี มารับ นายสิงห์ทอง กับพวกที่เหลืออยู่ ในห้องพักของนายสิงห์ทอง จากนั้น นายวีระศักดิ์ ได้ขับรถมายังหน้าบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นได้เปิดเครื่องตัดสัญญาณทั้งหมด และให้นายสิงห์ทอง ลงไปเปิดประตูรั้ว จากนั้นเข้าไปจับแม่บ้าน 2 คน มาอยู่ในห้องครัวมัดมือแล้วพานำขึ้นไปในห้องนอน แล้วเปิดตู้เสื้อผ้ากรีดกระเป๋าเอาเงินใส่กระสอบที่เตรียมมา จากนั้นก็ขึ้นรถกระบะหลบหนีไป
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า วันที่ 16 พ.ย.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวนขอออกหมายจับคนร้ายทั้ง 6 ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ ก่อนจับกุมนายสิงห์ทอง ได้ที่ห้องพักย่านคลองตัน พร้อมของกลางเงินสด 500,000 บาท สร้อยทองหนัก 5 บาท 2 เส้น รวมมูลค่า 760,000 บาท และขยายผลจับกุมนายเสาร์แก้ว ได้ที่บ้านพัก จ. เชียงราย พร้อมของกลางเงินสด 1,050,000 บาท โดย นายเสาร์แก้ว ให้การรับสารภาพว่าได้ส่วนแบ่งจากการปล้นครั้งนี้กว่า 1 ล้านบาท จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนพร้อมของกลางส่งดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ 4 คน จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมต่อไป นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติ นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี เคยมีประวัติคดีปล้นทรัพย์ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อปี 2525 และถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี
จากการสอบสวน นายสิงห์ทอง ให้การรับสารภาพว่า ได้วางแผนพร้อมกับดูลาดเลามานานประมาณ 1 ปี แล้ว โดยมี นายวีระศักดิ์ เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งทราบข่าวว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีเงินสดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในวันเกิดเหตุได้เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่าง พร้อมทั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ เข้าไปในบ้านทั้ง 5 คน ส่วน นายคำนวณ คอยดูต้นทางอยู่ข้างนอก เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วก็ได้บุกเข้าไปขโมยเงินสดที่ใส่อยู่ในถุง และเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องของปลัด ซึ่งพบว่ามีเงินสดจำนวนหลายถุง ส่วนเงินภายในตู้เซฟและเงินสินสอดพวกตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด
“ก่อนลงมือได้ให้นายคำนวณ เช่าอพาร์ตเมนต์รายวันชั้นสูงสุดที่ใกล้เคียงบ้านที่เกิดเหตุคอยดูความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน ก่อนจะตัดสินใจลงมือปล้น เบื้องต้นเงินที่พวกตนได้มาทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท โดยเบื้องต้น นายวีระศักดิ์ ได้ให้เงินจำนวน 15 ล้านบาท มาแบ่งกันใช้ไปก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือ นายวีระศักดิ์ เป็นคนเก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง โดยตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50 เปอร์เซ็นต์ แบ่งให้ลูกพี่ของนายวีระศักดิ์ ซึ่งเป็นข้าราชการ ส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นของ นายวีระศักดิ์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์แบ่งพวกตนที่เหลือ ส่วนภายในบ้านที่เกิดเหตุพบเงินสดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าต่างๆ รวมประมาณ 700-1,000 ล้านบาท ส่วนเหตุที่ตนได้เข้าปล้นครั้งนี้ ทราบมาว่า เป็นเงินที่โกงมาจากทางราชการ” นายสิงห์ทอง กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 4 ราย นั้น นายวีระศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่จังหวัดนครพนม นายคำนวณ หลบหนีอยู่ที่ชายแดนประเทศลาว ส่วน นายสมบูรณ์ และ นายพงษ์ศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่ จ.เชียงราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี

ปัญหาที่ทำให้ต้องย้ายบ้าน

อย่างนี้ต้องย้ายบ้าน
อย่างนี้ต้องย้ายบ้าน
6 พ.ย.54 เมื่อบ้านมีปัญหา ก็ต้องย้ายบ้าน เหตุผลของแต่ละคน หรือแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน บางคนบอกเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางคนก็รับไม่ได้ .. มีเพื่อนหลายคน ถามว่าทำไมต้องย้าย บ้านดีออก
สรุปปัญหาที่พบกับตัว หรือคนในบ้านเล่าให้ฟัง ดังนี้
1. คนเมามาอวก และถ่ายเบา หน้าประตูบ้านเป็นประจำ เพราะบ้านติดร้านเหล้า
2. ผัวเมียทะเลาะกัน เพราะมารอเมียที่มาดื่มเหล้ากับกิ๊ก ชีวิตดั่งละคร
3. ตีกันขั้นลงไม้ลงมือ ทั้งชายหญิงหรือหญิงหญิง คดีลงหนังสือพิมพ์ก็หลายครั้ง
4. หน้าบ้านเป็นที่โทรศัพท์ คุยอะไรกัน ในบ้านได้ยินหมด ไม่มีลับ
5. รถเข้าบ้านไม่ได้ เพราะมีรถลูกค้าข้างบ้านมาจอดขวาง ต้องไปหาที่จอดใหม่
6. ควันไอเสียจากรถลูกค้าร้านอาหาร แต่ที่หนักคือรถตู้เย็นที่ต้องสตาร์ททิ้งไว้
7. ตั้งแต่เที่ยงวันไปถึงเที่ยงคืนจะมีนักร้องสมัครเล่นมาขับกล่อมทุกวัน ชัดเจน
8. หนู แมลงสาบ ต๊กโต เป็นเพื่อนสนิทในบ้าน เพราะใต้บ้านเป็นร่องน้ำทิ้ง
9. คนผ่านไปใครมา เห็นในบ้านหมด ร้อน ๆ ถอดเสื้อผ้าก็อายเขา
10. บ้านปูนเป็นทาวน์เฮ้าเก่ากว่า 20 ปี ต่อเติมไม่ได้ ทางเทศบาลห้ามไว้

java version 7 update 1

ภาษาจาวา ของ sun ที่ถูกซื้อโดย oracle เมื่อปี 2009
java compiler รุ่น 7 update 1 มี logo ของ oracle ชัดเจน จึงต้องทำ clip แนะนำการติดตั้ง การเขียน การแปล และประมวลผล ตอนใหม่อีกแล้ว เพราะตำแหน่งเข้าถึงตัวแปลภาษาเปลี่ยนไป เปลี่ยนตามรุ่นของตัวแปลภาษา ตัวแปลภาษามีขนาดประมาณ 80 MB และยังใช้ javac กับ java ได้เหมือนเดิม แล้วยังใช้ editplus สั่งงานได้ มีวิธีติดตั้งที่
http://www.oracle.com/technetwork/java/javase/downloads/index.html
http://www.oracle.com/us/corporate/press/018363

อัตตาในบัวเงิน

ghost
ghost

ผมว่าเป็นเรื่องปกติที่เห็นอัตตาของคน หรือเห็นคนมีอัตตา
เห็นมาเยอะครับ ทั้งจอแก้ว จอเงิน
แต่ส่วนใหญ่เป็น คนที่การศึกษาไม่สูง เป็นกลุ่มคนที่ไม่รู้ ให้อภัยได้
อีกกลุ่ม ถูกฐานะ ลาภยศ ตำแหน่งการงานบังตา อันนี้เป็นธรรมชาติ
..
มีคนบอกว่า ความแตกต่างคือความงาม
ถ้าเหมือนกัน เหมาโหลไปซะหมด ก็ขาดคนคิดต่างสิครับ
ถ้าชีวิตเหมือน บ้านทรายทอง กับดาวพระศุกร์ไปทุกคน
คงเบื่อแย่ นาน ๆ จะมี เจ้านางน้อย กับอีเม่ย ในรอยไหมมาให้ดูซะที
แต่ผมอยากเป็นบัวเงินนะ .. อายุยืนดี
มีใครอยากเป็นอีเม่ยบ้างนะ .. เพราะเธอเป็นอมตะ

จัดกลุ่มหนังสือ แยกตามขนาด

หนังสือ book
หนังสือ book

30 ต.ค.54 ของสะสมนอกจากซีดีภาพยนตร์กับโปรแกรมแล้ว ก็ยังมีหนังสือ พอมีปริมาณมากก็มีปัญหาเรื่องการขนย้าย จัดเก็บ และจัดหมวดหมู่

กำลังจะย้ายบ้าน ก็ได้ฤกษ์เคลียร์หนังสือ บางเล่มอยู่ที่เดิมมา 9 ปี (ตั้งแต่ 10 พ.ย.2544 – 6 พ.ย.2554) เคยมีเพื่อนบางท่านถามยืมหนังสือ ผมก็มักตอบไม่เต็มเสียงว่าหาไม่พบ วันนี้นำหนังสือส่วนใหญ่ของบ้าน จากตู้ในครัว ตู้เสื้อผ้า และตู้หนังสือ มาเรียงตามขนาดเพื่อการขนย้าย (ขี้แมลงสาบเพียบ) ถ้าย้ายไปที่ใหม่ก็จะมีตู้หนังสือมากกว่าเดิม น่าจะจัดหนังสือให้เป็นระเบียบตามหมวดหมู่ได้ อาจทำให้ความฝันในการจัดหมวดหนังสือออนไลน์เป็นจริง ตอนนี้ก็ได้ e-book หลายเล่มแล้ว ในอนาคตอาจมีหนังสือที่ scan ที่ไม่ติด copyright เข้า e-book ได้เพิ่มขึ้น

จากภาพ น่าจะมีหนังสือในกองนี้ประมาณ 700 เล่ม และยังไม่ได้มัดไว้ เพราะแค่แยกตามขนาด ก็ได้แผลมาหลายแห่งแล้ว ผิวค่อนข้างบ้าง ประกอบกับกลัวพิษขี้แมงสาบ ทำไปก็ต้องระวังไปพร้อมกัน

http://www.thaiall.com/me/book.php

จดหมายถึงพ่อ

เพลง จดหมายถึงพ่อ โดย อี๊ด ฟุตบาท & ครอบครัว

http://www.youtube.com/watch?v=3IypoUp343Y

อ่านคำบรรยาย
จดหมายถึงพ่อ
หนูยังรอวันพ่อกลับมาบ้าน
กล้ามะละกอที่พ่อนั่งหว่าน.
ยังปลูกไม่นานลูกโตน่าดู.
กระถินริมรั้วสูงขึ้นเลยบ่า
พุ่ม กระดังงาเลื้อยซุ้มประตู.
ทานตะวันชูคอ ชูช่อรออยู่
คงชะเง้อดูคอยพ่อกลับมา
แม่อธิบายที่พ่อไปทำงาน
เพื่อเงินเพื่อบ้าน
และเพื่อลูกยา.
จะมีบ้านโตมีรถโก้สง่า
มีหน้ามีตาเหมือนดังใครๆ.
พ่อไปคราวนี้แม้จะยาวนาน
พวกเราทางบ้านเป็นกำลังใจ.
แต่บางคืนแม่สะอื้นร้องไห้
หนูแกล้งหลับไป
สงสารแม่จัง.
….ดนตรี…
ส่วนน้องหญิงยิ่งยามเย็นย่ำ
อ้อนประจำเหตุผลไม่ฟัง.
ไม่เอาบ้านโตไม่เอาทุกอย่าง
จะเอาขี่หลังของพ่อคนเดียว.
กระถินริมรั้วสูงขึ้นเลยบ่า
พุ่มกระดังงาเลื้อยซุ้มประตู
ทานตะวันชูคอ ชูช่อรออยู่
คงชะเง้อดูคอยพ่อกลับมา
สุดท้ายนี้ ขออวยพรให้
พ่ออยู่แดนไกล
มีใจเด็ดเดี่ยว.
ขอพระคุ้มครอง
ยามใจห่อเหี่ยว
ปกป้องแลเหลียว
ร่ำรวยกลับมา.
กระถินริมรั้วสูงขึ้นเลยบ่า
พุ่ม กระดังงาเลื้อยซุ้มประตู
ทานตะวันชูคอ ชูช่อรออยู่
คงชะเง้อดูคอยพ่อกลับมา.
กระถินริมรั้วสูงขึ้นเลยบ่า
พุ่ม กระดังงาเลื้อยซุ้มประตู
ทานตะวันชูคอ ชูช่อรออยู่
คงชะเง้อดูคอยพ่อกลับมา.

http://music.forthai.com/music/lyric/?a=1836

รอยจูบบนฝ่าเท้า
http://www.youtube.com/watch?v=UJ-d50Uy6FE