ใส่ซองน้อยเกิน เจอคืนซอง น้องก็เลยโพสต์สื่อซะเลย

เพื่อน ๆ ใส่กันเท่าไรหรา ๆๆ เวลาไปงานแต่งงาน
แถวบ้านพี่เค้าใส่กัน 500
แถวบ้านน้องเค้าใส่กัน 200
เป็นวัฒนธรรมการใส่ซองที่แตกต่างกันไปน่ะครับ
มนุษย์เรามีความเชื่อเป็นของตนเอง

ใส่ซองแต่งงานน้อยไป
ใส่ซองแต่งงานน้อยไป

จริงเท็จประการใดไม่รู้ คิดว่า
หลักของพี่เค้า คือ การแต่งงานคือการลงทุน ต้องมีกำไร
หลักของน้องเค้า คือ เมตตา ยินดีเมื่อเห็นพี่เป็นสุข ใส่ตามศักยภาพของตน
หลักของพ่อแม่พี่เค้า คือ กรุณา ใส่ซองเยอะให้ลูกหลายไปตั้งตัว

คนแรก
บอกว่าซองแต่งงานต้อง 500
เพราะค่าโต๊ะ ค่านักร้อง ค่าเวที ต่ำกว่านี้ก็จะไม่คืนทุน

คนที่สอง
บอกว่าซองแต่งงาน 200 ก็พอ
เพราะเงินเก็บมีน้อย ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ ให้แม่ ให้ลูก ให้แฟน
ไม่ให้ซองก็จะโกรธกันอีก ให้น้อยโดนโกรธเฉยเลย

คนที่สาม
บอกว่าซองแต่งงานเหรอ แกล้งลืมเลยล่ะกัน
ไม่เจนตนานะ ลืมเฉย ๆ

คนที่สี่
บอกว่าไปดูที่จดไว้ก่อน ว่าตอนชั้นแต่ง
เธอใส่เท่าไร ก็จะใส่ไปเท่านั้น เพิ่มเติม 50 พองาม

คนที่ห้า
บอกว่าสนิทมาก ต้อง 500 สิ
น้อยกว่านี้ได้ไง แล้วพา พ่อ แม่ แฟน กับลูก ๆ ไปด้วย
เหมา 1 โต๊ะ

สรุปว่า
เจ้าภาพอยากได้ซองหนัก ๆ
แขกร่วมงานเค้าคงคิดไม่เหมือนเจ้าภาพนะ
คิดต่างได้เสมอหละ เพราะหลักคิดต่างกัน

ลงชื่อเข้างานที่เปลี่ยนไป (itinlife306)

finger scan
finger scan

ทุกองค์กรต้องมีการบันทึกประวัติการเข้าทำงาน ขาด ลา และสายของบุคลากร โดยมีรายละเอียดว่าแต่ละวันเข้า-ออกงานเวลาเท่าใด ซึ่งงานทรัพยากรบุคคลต้องทำรายงานสรุปทุกสิ้นเดือนเสนอผู้บริหารที่เป็นผู้กำหนดนโยบายว่าจะดำเนินการอย่างไรกับผู้ที่ไม่รับผิดชอบต่อภาระงานที่ได้รับ มีหลายองค์กรวัดประสิทธิผลของการทำงานจากผลงาน มากกว่าเวลาเข้าทำงานที่แตกต่างกันไปตามประเภทภารกิจ  โดยทั่วไปผู้บริหารระดับหน่วยมีหน้าที่กำกับติดตามการทำงานของผู้ปฏิบัติงานโดยตรงให้มีผลงานตามที่สัญญาไว้ แต่ถ้าผลงานโดยรวมของหน่วยไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็จะต้องมีการวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากการขาดความรับผิดชอบ ระยะเวลาทำงานไม่เป็นไปตามที่ตกลง หรือมีสาเหตุอื่นใด เพราะถ้าบุคลากรส่วนหนึ่งสามวันดี สี่วันไข้ ใช้เวลางานทำธุรกิจส่วนตัว เข้างานสาย ทานข้าวนาน หรือออกงานก่อนเวลาก็คงทำให้ผลงานของหน่วยไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น

การลงเวลาเข้าทำงานในอดีตใช้การลงชื่อในเอกสาร เมื่อคนแรกลงเวลาเข้าทำงานแล้ว คนต่อไปก็จะลงเวลาในบรรทัดถัดไป เมื่อถึงเวลาก็จะเก็บเอกสารส่งงานทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ใช้เทคโนโลยี โดยมีกลไกการควบคุมด้วยจิตสำนึก และคุณธรรมที่อยู่ในตัวของผู้ปฏิบัติงาน บางหน่วยงานมีวัฒนธรรมที่ไม่ซื่อสัตย์ คือ ลงชื่อไม่เป็นตามเวลาจริง เช่น มาทำงานสายทั้งหน่วยงาน แต่ผลการลงชื่อปรากฎว่าไม่มีใครมาสายแม้แต่คนเดียวตลอดทั้งปี ซึ่งมีเหตุผลสำคัญมาจากการไม่ใส่ใจกำกับดูแลของผู้บังคับบัญชาอย่างจริงจัง ปัญหานี้แก้ไขโดยการใช้บัตรตอกเวลาทำงาน (Time Card)  แต่เวลาต่อมาก็มีบางคนให้เพื่อนที่มาก่อนช่วยตอกบัตรแทน ปัญหาเหล่านี้มีเหตุจากการขาดความซื่อสัตย์ที่เป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของการทำงานร่วมกันในองค์กร

ปัจจุบันภาคเอกชนนิยมหันไปใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Finger Scan) เพราะบันทึกข้อมูลได้ตามเวลาจริง และไม่มีใครถอดนิ้วมือให้กันได้ ในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรหลายพันคนก็จะมีเครื่องสแกนลายนิ้วมือที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายไปยังศูนย์ข้อมูล แต่ละเครื่องสามารถถ่ายโอนข้อมูลไปรวมกันแล้วประมวลผลจนได้สารสนเทศที่เสนอต่อผู้บริหารในแต่ละระดับใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินการกับผู้ที่ไม่ตรงต่อเวลา หรือขาดงาน การใช้เทคโนโลยีทำให้สามารถสรุปรายงานได้รวดเร็ว ลดความผิดพลาด และลดภาระงานของบุคลากรได้มาก ส่วนการลางาน หรือการปฏิบัติงานนอกสถานที่ก็จะมีบัญชีข้อมูลที่จะนำมาประมวลผลร่วมกับข้อมูลจากเครื่องสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งข้อมูลอาจสรุปเป็นรายเดือน หรือรายปีแล้วส่งให้กับบุคลากรได้รับทราบ และบุคลากรสามารถร้องขอทราบข้อมูลเพื่อใช้วางแผนในการหยุดงาน ลากิจ ลาป่วย หรือลาพักผ่อนต่อไป