การเปลี่ยนแปลงได้มาถึงอเมริกาแล้ว (Change has come to America) เป็นคำกล่าวของ บารัก ฮุสเซน โอบามา ในการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 44 แล้วพฤศจิกายน 2555 เขาก็ได้รับเลือกอีกครั้งเป็นคนที่ 45 ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีสุข และทุกข์ปะปนกันไป บ้างก็ยอมรับ บ้างก็ต่อต้าน ได้ชมการแข่งขันฟุตบอลพบว่าแต่ละทีมก็จะเปลี่ยนผู้เล่นในทุกฤดู ซื้อบ้าง ขายบ้าง ป่วยบ้าง ที่เหมือนเดิมก็เป็นชื่อทีม แปลเป็นไทยก็มีทีมผี ทีมหงษ์ ทีมปืนใหญ่ ทีมไก่ อะไรทำนองนั้น การเล่นฟุตบอลต้องเล่นกันเป็นทีม ถ้ากัปตันวางเป้าหมายแล้วกำกับให้ตรงไปในวันและเวลาที่กำหนด แต่ลูกทีมอิดออด ขัดแย้ง อาทิ บอกว่าแข่งไม่ได้หรอกทีมติดธุระต้องทำบุญขึ้นออฟฟิสใหม่ จองตั๋วไปฮันนิมูลกับภรรยาใหม่ ไม่มีสนาม ฝนตกสนามแฉะ โค้ชป่วย ไม่มีเงินอัดฉีด ทีมนั้นก็คงไปไม่ถึงเป้าหมาย เพราะมีทีมที่พร้อมรอเป็นแชมป์เข้าแถวรอยาวเหยียด
พฤษภาคม 2555 บริษัทรีเสิร์ช อิน โมชั่น (RIM) ผู้ผลิต Black Berry พาบริษัทไปไม่ถึงเป้าหมาย อาจปลดพนักงานกว่า 6,000 คน แล้วมิถุนายน 2555 บริษัทโนเกีย มีแผนปลดคนงาน 10,000 คน แล้วสิงหาคม 2555 บริษัทโมโตโรลาได้ปรับโครงสร้างพร้อมปลดพนักงาน 4,000 คน แล้วตุลาคม 2555 บริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) ผู้ผลิตชิปในเครื่องคอมพิวเตอร์ จะปลดพนักงาน 1,800 คน แล้วบริษัทพานาโซนิค เตรียมปลดพนักงาน 10,000 คนในมีนาคม 2556 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปลดพนักงานผ่านการขายธุรกิจไป 36,000 คน แล้วบริษัทชาร์ป (Sharp) เตรียมปลดพนักงาน 5,000 คน ในมีนาคม 2556 บริษัทข้างต้นล้วนมีผลประกอบการตกต่ำ และใช้มาตรการลดคน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ของทุกองค์กร เพื่อพยุงส่วนที่เหลือให้เดินหน้าต่อไปได้
ปัจจัยของความสำเร็จคือผู้นำ หรือแม่ทัพ หากแม่ทัพ มีขุนศึก มีอาวุธ มีกลยุทธ์พร้อม ก็มักพากองทัพไปสู่ชัยชนะ มีการพูดถึง Steve Jobs และ Bill Gate ว่าเป็นผู้นำที่ทำให้บริษัทมีผลกำไร มั่งคั่งผ่านวิสัยทัศน์และนวัตกรรม โดยพาชาวโลกสู่การเปลี่ยนแปลง เช่นเปลี่ยนจากการใช้แป้นพิมพ์ไปใช้นิ้วสัมผัส เปลี่ยนจากการสั่งงานด้วย keyboard เป็นรับด้วย mouse เป็นแนวคิด Graphic User Interface หรือเปลี่ยนจากโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นเดิม เป็นสมาร์ทโฟน ทั้งหมดล้วนมีปัจจัยมาจากคำว่า กล้าเปลี่ยน รวมไปถึงทีมฟุตบอลที่ต้องการเป็นแชมป์ก็ต้องเปลี่ยนตัว หาผู้เล่นที่เก่งมาเสริมทีม