พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า

ประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ
วันที่ 11 มกราคม 2560  สภาพอากาศ 7 วันข้างหน้า
เผื่อเพื่อน ๆ จะได้เตรียมตัวกันนะจ้า ตามนี้เลย

คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 11-13 ม.ค. 60 ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนเกิดขึ้นในระยะนี้ สำหรับภาคใต้จะมีฝนน้อย ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ม.ค. 60 ประเทศไทยตอนบน จะมีอากาศเย็นลง โดยอุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. 60 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง และคลื่นลมมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ร้อนก็กางจ้อง (Umbrella)
ร้อนก็กางจ้อง (Umbrella)

ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. 60 ประชาชนในภาคใต้ตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และปริมาณฝนที่ตกสะสม ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.tmd.go.th/thailand.php

ฝนตกก็กางจ้อง (Umbrella)
ฝนตกก็กางจ้อง (Umbrella) ภาพจาก http://thaiabc.com/lampangnet/admin/2548/

 

เห็นฝนตกแล้วนึกถึงเพลง เล่าสู่กันฟัง ของ พี่เบิร์ด ธงชัย

“ฝนที่ตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ ยังอยากได้ยินทุกเรื่องราว
เธอลำบากอะไรไหม เธอสู้ไหวหรือเปล่า อย่าลืมเล่าสู่กันฟัง”

https://www.youtube.com/watch?v=9SM2hywQIVo

disaster from flood, cold, drought

จากข้อมูลเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2555 ใน thaiflood.com ประเทศไทยเผชิญภัยหลายรูปแบบเหลือเกิน
ทั้ง ภัยน้ำท่วม ภัยหนาว และภัยแล้ง
เมื่อแสดงข้อมูลทั้งหมด แล้วนับจากที่เห็น มีประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น ที่รอดพ้นทุกข์ภัย

ถ้ามีใครกำหนดตัวบ่งชี้ความสำเร็จด้วยความอยู่ดีมีสุขของชุมชน ก็คาดได้ว่า ตก ไปเรียบร้อยแล้ว ในภาวะแบบนี้ คนทั้งประเทศคงต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน
ฝ่าฟันความจริงของชีวิต และความโหดร้ายของธรรมชาติ จนกว่าจะผ่านพ้นไป

คุณสมิธ ธรรมสโรช ทำนายเรื่องน้ำท่วมผิดไป 9 ปี


ปี 2553 คุณสมิธ ธรรมสโรช ทำนายว่าอีก 10 ปี น้ำอาจท่วมกรุงเทพฯ ผลคือทายผิดครับ เพราะหลังจากนั้น 1 ปี น้ำก็ท่วมกรุงเทพฯ แล้ว และมีคำถามที่คุณสมิธฝากไว้ในคลิ๊ปด้วยครับ

จากคลิ๊ป เมื่อวันที่ 5 ต.ค.53 ที่ อาคารรัฐสภา 2 ชั้น 3 ห้องรับรอง 1-2 คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ร่วมกับคลื่นข่าวเอฟเอ็ม 101 จัดสัมมนา ” กรุงเทพนครใต้น้ำ” เนื่องจาก กทม.เป็น1 ใน 21 เมืองชายฝั่งที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีประชากรสูงถึง8 ล้านคน ภายในปี 58 มีความเปราะบางสูงมากที่จะถูกน้ำท่วม จากผลวิจัยของสถาบันเวิลด์วอทช์

คนเหนือคัน กับคนใต้คัน

น้ำท่วม คนเหนือคัน กับคนใต้คัน
น้ำท่วม คนเหนือคัน กับคนใต้คัน

ตัวแทน 20 ชุมชนดอนเมือง เผยพรุ่งนี้จะมีการหารือจี้รัฐให้รื้อบิ๊กแบ็ก ยันปิดโทลล์เวย์แน่หากไม่ทำตาม โอดคนเหนือคันไม่ได้เป็นไพร่แบบที่รัฐเคยพูดไว้ พร้อมลั่นอยากให้ลงมาดูพื้นที่จริงบ้าง อย่าพูดแต่ในสภา
วันที่ 12 พ.ย.54 เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ทางรายการ “ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม” ทางช่องไทยพีบีเอส นายธนรัตน์ พราหมณกุณ ผู้ประสานงานเครือข่าย 20 ชุมชนแขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กล่าวว่า ผู้นำไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรี ไม่ทราบว่าคิดอย่างไรที่เอาบิ๊กแบ็กมากั้น ชุมชนเหนือแนวได้รับความเดือดร้อนมาก ที่หมู่บ้านสิรินธรน้ำสูง 1.6 เมตร น้ำเน่าเสียเหม็นมาก และไม่เคยมีใครมาดูแลเลย
จากที่เปิดแนวกระสอบทรายยักษ์ไว้ 6 เมตร วันนี้ไม่ทราบว่ามาจากฝ่ายไหน ก็มาปิดเหมือนเดิมแล้ว ซึ่งผู้นำ 20 ชุมชน ก็ได้เปิดออกไปแล้ว ตามที่สัญญากับสำนักระบายน้ำ หรือรองปลัดกทม. ที่ให้สัญญาว่าเปิดไว้ ตามเดิม 6 เมตร ชุมชนก็ไม่ได้ละเมิดเปิดไว้เท่านี้
พรุ่งนี้จะมีการหารือร่วมกัน 20 ชุมชน ถ้ารัฐบาลไม่ยอมเปิดทางระบายน้ำให้กว้างกว่านี้ หรือเอาออกไปเลย จะขึ้นโทลล์เวย์แน่นอน เพื่อเรียกร้องว่าชุมชนเหนือบิ๊กแบ็กไม่ได้เป็นไพร่ แล้วคนใต้บิ๊กแบ็กเป็นเจ้าขุนมูลนายตามแบบที่คุณพูดไว้
เมื่อถามว่าต้องการให้เปิดบิ๊กแบ็กกว้างเท่าไหร่ นายธนรัตน์ กล่าวว่า ต้องรอมติจากการประชุมก่อน แต่ทางที่ดีเอาออกไปเลยดีกว่า เพราะทั้งรัฐบาลและกทม.ก็ประโคมข่าวว่ากทม.น้ำลด ๆ แล้วจะมากักน้ำไว้อีกทำไม
ไม่มาดูเลยที่ประกาศน้ำลดๆ แต่ชุมชนที่นี่น้ำยังสูงเป็นเมตรๆ ลดแค่ 4 ซ.ม. อีกทั้งการมาวางบิ๊กแบ็กไม่มีแจ้งก่อนด้วยว่าจะทำ มาถึงก็ทำเลย
นายธนรัตน์ กล่าวต่อว่า พรุ่งนี้ 9 โมงเช้า 20 ชุมชนจะหารือกัน ถ้ารัฐไม่ช่วยเหลือ และเปิดทางให้ คงต้องขึ้นไปหาความเป็นธรรมให้ 20 ชุมชน และชาวบ้าน 80,000 คน อยากให้ลงมาดูบ้าง อย่าพูดแต่ในสภา

โรงเรียนข้างถนน (road-side school)

24 ต.ค.54 ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีเปิดโรงเรียนข้างถนนแห่งแรกของจังหวัด โดยนำเอาเด็กที่บ้านถูกน้ำท่วมมาเรียน
จังหวัดลพบุรี ได้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมมานานกว่า1ดือนแลวหลังจากที่หูช้างของ ประตูน้ำบางโฉมศรีพังลงทำให้มวลน้ำเข้าท่วมใน3อำเภอของจังหวัดลพบุรี ตั้งแต่อำเภอบ้านหมี่ อำเภอท่าวุ้ง อำเภอเมืองลพบุรี ทำให้มีชาวบ้านจำนวนกว่า7หมื่นครอบครัวประชาชนจำนวนกว่า2แสนคนได้รับความ เดือร้อน และขณะนี้ทางจังหวัดได้ทำการอพยพชาวบ้านมาอยู่ในจุดพักพิงผู้ประสบภัยน้ำ ท่วมจุดต่างของ3อำเภอแล้วกว่า3หมื่นคน โรงเรียนถูกปิดอย่างไม่มีกำหนด

หลังจากที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่เห็นโรงเรียนถูกน้ำท่วม จึงกังวลว่าเด็กที่ไม่ได้ไปโรงเรียนอาจได้รับอันตรายจากน้ำท่วมสูงของจังหวัดลพบุรี จึงหาทางรวมเด็กให้อยู่เป็นกลุ่มและหาผู้ดูแล ซึ่งทางนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดลพบุรี จึงมีการทำแผน ด้วยการจัดตั้งโรงเรียนข้างถนนขึ้น เพื่อร่วมเด็กเข้ามาอยู่รวมกันและจ้างชาวบ้าน หรือปราชญ์ชาวบ้าน อาสาสมัครต่าง ๆ มาสอนหนังสือให้กับเด็กที่อยู่ตามจุดอพยพริมถนน หรืออีกส่วนหนึ่งหากเด็กเดินทางมาไม่ได้ก็จะให้อาสามนัครเดินทางไปสอนถึงบ้าน โดยมีค่าใช้จ่ายให้กับเด็กนักเรียนวันละ30บาทเป็นค่าขนม ซึ่งถ้ามาเรียนที่จุดของจังหวัดจัดก็จะมีข้าวให้กิน

โดยนายฉัตรชัย กล่าวว่าสำหรับโรงเรียนข้างถนนแห่งแรกบริเวณริมถนนสายสระบุรี-ลพบุรี ถนนบายพาสหมู่ที่ 7 ตำบลโพธิ์เก้าต้น อำเภอเมืองลพบุรี นั้นได้มีนักเรียนลงชื่อมาเรียนแล้วจำนวน 90 คน และทุกวันจะมีนักเรียนมาเข้าเรียนจำนวน70-80คนทุกวัน ทางจังหวัดจัดอาหาร นม ขนมมาเลี้ยงดูอย่างดีทุกวันเฉลี่ยค่าหัวของเด็กวันละ 30 บาท เพื่อเป็นการจูงใจให้มาเรียน เด็กทุกคนก็จะปลอดภัยไม่ไปเล่นน้ำและอาจจะจมน้ำเสียชีวิตได้ โรงเรียนข้างถนน ถือเป็นการดูแลเด็กแทนผู้ปกครองได้ด้วย ซึ่งทางจังหวัดจะมีการขยายโรงเรียนข้างถนนไปจุดอื่น ๆ ทั่วพื้นที่ที่น้ำท่วมของจังหวัดลพบุรี และขณะนี้มีนักเรียนที่ชอบแต่ละด้าน เช่น ด้านการอ่าน หนังสือ และด้านการแสดงอย่างน้องสิรัญญา แตงไทยทอง หรือน้องแป้ง ที่รักการแสดงสามารถร้องลิเกและร้องเพลงได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นผลผลิตจากโรงเรียนข้างถนนของจังหวัดลพบุรี
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=535311

อุทกภัย 2554 (itinlife 312)

น้ำท่วมปีพ.ศ.2554 จะเป็นครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ต้องจารึกไว้ เพราะน้ำเริ่มท่วมสูง กินบริเวณกว้าง และยาวนาน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงพฤศจิกายน จากพายุหลายลูกทั้ง พายุไหหม่า พายุนกเตน พายุไห่ถาง พายุเนสาด และพายุนาลแก โดยเฉพาะผลกระทบที่ก่อความเสียหายทั้งภาคธุรกิจ การเกษตร และที่พักอาศัย ในเดือนตุลาคมมีรายงานว่ามีพื้นที่ที่ยังประสบภัยมี 26 จังหวัด นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งถูกน้ำท่วมเสียหายนับแสนล้านบาท ส่วนเขื่อนใหญ่ในประเทศ 33 เขื่อน พบว่ามีปริมาณ น้ำเกินกว่าร้อยละ 80 ถึง 26 เขื่อนแล้ว

เรามีความรู้เรื่องอุทกภัยกันเป็นอย่างดี แต่ปัญหาอยู่ที่ประสบการณ์ในการรับมือ และความไม่แน่นอนของธรรมชาติ เพราะพายุฝนที่เกิดขึ้นในปีนี้ทำให้เกิดน้ำก้อนใหญ่ และทางน้ำที่มีอยู่ไม่สามารถรองรับการไหลของน้ำได้ทัน เมื่อน้ำทุกสายไปรวมกันที่ภาคกลางก็จะเอ่อท่วมพื้นที่ราบริมแม่น้ำ  หรือที่ต่ำกว่า แล้วขยายออกไปเท่ากับปริมาณน้ำที่จะขยายไปได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดไม่ได้กับทุกพื้นที่ ปัจจุบันเราสามารถพยากรณ์การมาของพายุ  และเฝ้าระวังได้ แต่เราคาดไม่ถึงในความรุนแรงของสายน้ำทำให้การป้องกันที่มีไม่เพียงพอกับปริมาณและความรุนแรง จนทำให้กำแพงพัง ฝายกันน้ำแตก หรือปริมาณน้ำสูงกว่าคันกั้นน้ำ ในระบบอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลให้ตรวจผลการเตือนภัยน้ำท่วมในกรุงเทพฯ มีการสร้างแนวป้องกันน้ำสูงกว่า 2 เมตรครึ่ง แต่ความเสียหายที่เราพบในข่าวทุกวันนี้คือนอกเขตกรุงเทพฯ ซึ่งรุนแรงอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนในช่วงอายุของเรา

ข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติในแต่ละพื้นที่ การทำงานของรัฐบาลในการป้องกัน การบรรเทาทุกข์ของสื่อมวลชน ล้วนสืบค้นและพบได้ในเว็บไซต์ด้านสื่อแบบนาทีต่อนาที แม้เราจะมีความรู้เรื่องอุทกภัยทั้งจากประสบการณ์ในอดีต การนำเสนอบทเรียนน้ำท่วมจากผ่านภาพยนตร์หลายเรื่อง แต่ความรู้ กับการรับรู้ก็ยังไม่สัมพันธ์กัน มีคำถามเกิดขึ้นตามสื่อว่าปีต่อไปจะเกิดเหตุแบบนี้หรือไม่ ต้องทำอย่างไร โดยใครที่ไหนจะเป็นพื้นที่รับน้ำ ใช้งบเท่าใดเพื่อป้องกัน แก้ไข และเยียวยา เพราะที่ผ่านมาเราสามารถควบคุมทิศทางของน้ำผ่านประตูน้ำให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่เป้าหมายได้ แล้วนั้นก็เป็นที่มาของข้อพิพาทระหว่างชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อน

ศรัทธาเท่านั้นที่ช่วยได้

พิธีไล่น้ำ
พิธีไล่น้ำ

พบข้อมูลว่า กทม.ออก จม.เชิญร่วมพิธีไล่น้ำ 8 ตุลาคม 2554 โดยสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ออกจดหมายด่วนที่สุด ถึงผู้อำนวยการสำนัก และหัวหน้าสำนักงาน ก.ก. ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2554 เรื่องขอเรียนเชิญร่วมพิธีไล่น้ำ ด้วยกรุงเทพมหานครได้กำหนดจัดพิธีไล่น้ำ ในวันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม 2554 เวลา 14.39 น. ณ ศาลหลักเมือง เพื่อวิงวอนร้องขอแม่พระคงคาช่วยบันดาลให้น้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร ลดลงอย่างรวดเร็ว จึงขอเชิญท่านร่วมในพิธีดังกล่าว โดยมีกำหนดการ ดังนี้     เวลา 14.39 น. พิธีบวงสรวง (พิธีพราหมณ์) เวลา 15.09 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยพร้อมกัน เวลา 14.00 น. ณ ศาลหลักเมือง การแต่งกายชุดผ้าไทย หรือ ชุดสุภาพ

เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นศรัทธาของพุทธศาสนิกชน

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=532866
http://www.astv-tv.com/news1/viewnews.php?data_id=1011405&numcate=2