JSL คืออะไร

วันนี้ (30 มิ.ย.65) ได้ยินข่าวเรื่อง JSL
มีคำถามว่า แล้ว JSL คืออะไร
เมื่อค้นดูพบใน wiki พบว่า
เป็นบริษัทผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ในประเทศไทย
มีสำนักงานและสตูดิโอเป็นของตนเอง
ตั้งอยู่ที่ซอยลาดพร้าว 107 เขตบางกะปิ กทม.
ก่อตั้งนานมากแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522
พูดได้เต็มปากว่าเป็นธุรกิจสายบันเทิงหลากหลายแนว
เพราะผลิตรายการโทรทัศน์จำนวนมากกว่า 100 รายการ
ประเภทของรายการ เช่น เกมโชว์ ควิซโชว์ เรียลลิตี้โชว์
วาไรตี้โชว์ ทอล์คโชว์ ละครเวที ละครซิทคอม
ละครเรื่องยาว ละครเรื่องสั้น สารคดี รายการตลก
รายการวันหยุดนักขัตฤกษ์ เป็นต้น

แล้ววันที่ 30 มิ.ย.65 ทางบริษัท เจเอสแอล
ได้เผยแพร่จดหมายยุติการดำเนินงานบางส่วน
ตั้งแต่วัน 1 ก.ค.65 เป็นต้นไป
เนื่องจากขาดทุนต่อเนื่องตลอดห้าปีหลังนี้

มีรายการที่จำได้ติดหูติดตาดังนี้

  • เจาะใจ (2534 – ปัจจุบัน)
  • คนค้นฅน (2546 – ปัจจุบัน)
  • กบนอกกะลา (2547 – 2561)

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%88_%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA_%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%A5_%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5_%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2

10 อาชีพที่น่าแนะนำเยาวชนว่าเรียนแล้วมีอนาคตสดใส

10 อาชีพที่น่าจะรายได้ดี และมีโอกาสได้งานทำสูง
ในยุคอินดัสทรี (Industry) 4.0

ธนวรรธน์ พลวิชัย” ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ให้ข้อมูลอาชีพในอนาคต ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างสูงในไทย 10 อันดับ ได้แก่

1. อาชีพเขียนโปรแกรมเมอร์  (Programmer)
ผู้ที่คิดค้นแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ตามเทรนด์สังคมโลกเปลี่ยนผ่าน
จาก analog สู่ digital จากกดปุ่มเป็นจอสัมผัส
และไปสู่อินดัสทรี 4.0 ที่มีดิจิตอลเป็นหัวใจ

2.อาชีพที่เกี่ยวข้องกับความสวย ความงาม (Beauty)
ผู้รับทำให้ผู้คนสวยงาม ได้แก่ แพทย์ศัลยกรรม แพทย์ผิวหนัง ทันตแพทย์ เภสัชกร พนักงานขายสินค้าด้านความงาม ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับหญิงและชาย ซึ่งในไทยเป็นที่นิยมอย่างมาก

3.อาชีพดูแลด้านสุขภาพ (Health)
ครอบคลุมตั้งแต่เด็กถึงวัยชรา เทรนด์นี้ทั้งโลกให้ความสำคัญ โดยเฉพาะไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อยากมีอายุยืนยาวขึ้น ยอมจ่ายเเพื่อตรวจสุขภาพประจำปีกับโรงพยาบาล รับประทานอาหารที่เน้นดูแลตัวเอง และธุรกิจฟิตเนส เทรนเนอร์ จะได้รับความนิยม

4.อาชีพที่เรียนด้านวิทยาศาสตร์เคมี ชีวเคมี  (Science)
ผู้ที่เรียนทางวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันมีการใช้สารเคมีที่มาจากธรรมชาติ จากพืช อาทิ การใช้พลาสติกจากชานอ้อย บริษัทที่ผลิตสินค้าที่ผลิตจากพืชจะได้รับความนิยม เพราะโลกจะให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม

5.อาชีพที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน (Energy)
ผู้ที่มีความรู้เรื่องพลังงาน พลังงานทดแทน การดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้ามีบทบาทในชีวิตประจำวัน

พลังงานทดแทน
พลังงานทดแทน

6.อาชีพที่มีความชำนาญด้านเครื่องกลขั้นสูง (Mechanical specialist)
ผู้ที่จะเป็นกลไกสำคัญพาประเทศปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม

7.อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษา (Language)
ผู้ที่มีความรู้ในภาษา มีทักษะทั้งการพูด การเขียน การคิดสโลแกน ถ้อยคำ ภาษาสำคัญ คือ อังกฤษและจีน ที่ใช้ทั่วโลก และภาษาอารบิกสำหรับชาวมุสลิมที่กระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงภาษาญี่ปุ่น เป็นต้น

8.อาชีพนักกฎหมายธุรกิจ (Law)
นักกฎหมายที่มีความรู้เรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ

9.อาชีพที่ดูแลสิ่งแวดล้อม (Environment)
ผู้มีความรู้เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการฟื้นฟูธรรมชาติ

10.  อาชีพที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง (Pet)
อาชีพสัตวแพทย์ ผู้ผลิตวัคซีนสำหรับสัตว์เลี้ยง ร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง แฟชั่นสัตว์เลี้ยง และการผลิตอาหารสัตว์

อาชีพทั้งหมดนี้ประเมินจากโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่มุ่งสู่อุตสาหกรรม 4.0 ที่มีระบบดิจิตอลเป็นหัวใจสำคัญ ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากโรบอติก เชื่อมโยงโลก ต้องการแรงงานทักษะ แต่ลดการใช้แรงงานทั่วไป การเปลี่ยนของโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศที่เกิดขึ้น “อรรชกา สีบุญเรือง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แสดงความเห็นว่า ต่อไปประเทศไทยต้องก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำมากขึ้น ทำให้ความต้องการแรงงานทั่วไปลดลง แต่ต้องการแรงงานที่มีทักษะสูง โดยขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งภาคเอกชน ได้หารือร่วมกัน เพื่อปรับหลักเกณฑ์การเรียนการสอนให้นักศึกษาใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการแรงงานของภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าวยังมั่นใจว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้าจะเห็นภาพการเปลี่ยนแปลง คือ ความต้องการแรงงานที่ต้องใช้ทักษะอาชีพที่มีความเชี่ยวชาญขึ้น แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบจนเลิกจ้างงาน หรืออัตราการว่างงานเพิ่มมากขึ้น เพราะตอนนี้แรงงานในภาคบริการยังขาดอยู่มาก อาทิ ภาคท่องเที่ยว ซึ่งอัตราการขยายตัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจมีการโยกแรงงานจากอุตสาหกรรมการผลิต เข้าสู่อุตสาหกรรมภาคบริการเพิ่มขึ้น แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะเตือนให้รับมืออนาคต แต่ที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน คือนโยบายลดพนักงานลงแบบสมัครใจออก ของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) ที่จัดโครงการ “จากกันด้วยใจ” โดยเป็นพนักงานในส่วนของการรับเหมาค่าแรง (ซับคอนแทร็กต์) ที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,000 คน สาเหตุที่โตโยต้าปรับลดพนักงาน บริษัทให้ข้อมูลว่า เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงชะลอตัว ประกอบกับความผันผวนของสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อการส่งออก ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องปรับลดกำลังการผลิตลง และมีพนักงานเกินความจำเป็นในการผลิต แต่ยืนยันว่าหากกำลังผลิตกลับมาปกติจะกลับมาจ้างงานกลุ่มที่ลาออกแน่นอน แม้จะเป็นการจากลาแบบ “สมยอม” แต่ลึกๆ ในกลุ่มแรงงานเองต่างหวาดหวั่นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งหวาดหวั่นกับสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวจนบริษัทใหญ่ต้องลดพนักงาน เกิดการตั้งคำถามไปยังรัฐบาลว่า จริงๆ แล้วเศรษฐกิจไทยกำลังดี หรือชะลอตัว เพราะในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน หัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี เพิ่งประกาศกับนักลงทุนญี่ปุ่นภายในการประชุมแบงค็อก นิกเกอิ ฟอรั่ม 2559 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตดี โดยเฉพาะไตรมาส 2 มากกว่า 3% อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลบ่งชี้สถานการณ์การจ้างงานของไทย เปิดเผยโดยกระทรวงแรงงาน ระบุว่า ตัวเลขการว่างงานของไทยช่วง 3 เดือนของปีนี้ พบว่าเดือนเมษายน มีตัวเลขผู้ว่างงาน 1% เดือนพฤษภาคม 1.2% และเดือนมิถุนายน 1% โดยกระทรวงแรงงานยืนยันว่าตัวเลขดังกล่าวอยู่ในภาวะปกติ แต่หลายคนก็มองว่าตัวเลขการว่างงานดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องปกตินักเพราะสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เอง ก็กำลังจับตาการจ้าง 5 เดือนแรกของปีนี้ ระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม พบว่า มีอัตราการว่างงานเฉลี่ยอยู่ที่ 385,682 คน จากกำลังแรงงานทั้งหมด 38.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 1.07% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ระดับ 0.93% นอกจากนี้ สำนักเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ยังให้ข้อมูลว่าแนวโน้มการจ้างงานในปี 2559 จะมีบัณฑิตจบใหม่ 100,000 คน และ 1 ใน 4 อาจไม่มีงานทำ แม้สถานการณ์จ้างงานจะไม่สู้ดีนัก แต่ถ้ารู้จักรับมือและมองเทรนด์โลกให้ออก เชื่อว่าไม่มีคำว่า “ตกงาน” แน่นอน

 

ที่มา คอลัมน์ เศรษฐกิจ
มติชนสุดสัปดาห์ หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์
วันที่: 23 ก.ค. 59 เวลา: 07:46 น.

 

อ้างอิง http://www.matichon.co.th/news/220863
อ้างอิง  http://www.kroobannok.com/article-79488-10-อาชีพในอนาคต-ที่มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างสูงในไทย.html
ข้อมูลเพิ่มเติม

แรงงานเชี่ยวชาญ

             การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 9 เมื่อ 7 ตุลาคม 2546 ที่บาหลี อินโดนีเซีย ได้กำหนดจัดทำข้อตกลงร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangements : MRAs) เกี่ยวกับคุณสมบัติของวิชาชีพหลัก แรงงานเชี่ยวชาญ หรือผู้มีความสามารถพิเศษ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรี โดยจะเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2558

ในเบื้องต้นได้ทำข้อตกลงร่วมกันแล้ว 7 สาขา

    1. วิศวกรรม (Engineering Services)
    2. พยาบาล (Nursing Services)
    3. สถาปัตยกรรม (Architectural Services)
    4. การสำรวจ (Surveying Qualifications)
    5. แพทย์ (Medical Practitioners)
    6. ทันตแพทย์ (Dental Practitioners)
    7. บัญชี (Accountancy Services)

แรงงานเชี่ยวชาญ
แรงงานเชี่ยวชาญ

http://www.thaiall.com/asean/

คนกังวลว่าคอมพิวเตอร์จะแย่งงาน (itinlife 556)

กฎหมายศุลกากร เรื่องวัตถุลามก
กฎหมายศุลกากร เรื่องวัตถุลามก

เคยอ่านหนังสือคอมพิวเตอร์เบื้องต้นและเทคนิคการเขียนโปรแกรม ของ รศ.วัชราภรณ์ สุริยาภิวัฒน์ ภาควิชาสถิติ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พิมพ์ครั้งที่ 11 ปี 2536 เล่าว่าหนึ่งในปัญหาการเข้ามาของคอมพิวเตอร์ คือ การรบกวนระบบงานปกติ มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า การใช้คอมพิวเตอร์ยังมีผลกระทบต่อจิตใจของพนักงาน ความไม่พอใจ ความกังวลใจที่จะตกงาน ข้อความนี้เป็นที่สนใจของผู้เขียนมาโดยตลอดว่าจริงเท็จประการใด แล้วก็มาพบข่าวว่าที่เมืองไทยเปิดร้านอาหารปิ้งย่าง ชื่อร้านฮาจิเมะ ที่ใช้หุ่นยนต์อัจฉริยะเป็นพนักงานเสิร์ฟ แสดงว่าร้านนี้ใช้หุ่นยนต์แทนมนุษย์ในการเสิร์ฟอาหาร ลูกค้าหลายท่านพอใจ แต่สำหรับผู้ใช้แรงงานอาจเห็นเป็นวิกฤตในการหางานก็ได้

บริษัท Foxconn ปลดพนักงาน 60000 คนจากพนักงาน 110000 คน โดยเลือกใช้ AI : Artificial Intelligence แทนมนุษย์ในสายการผลิต แล้วกระแสการปลดพนักงาน หรือเลือกใช้หุ่นยนต์แทนมนุษย์นั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่ไม่ใช่ความเชื่อ แต่เป็นความจริงว่าผู้บริหารระดับสูงเลือกที่จะมีหุ่นยนต์ไว้ใช้งานแทนมนุษย์ ในยุคฟองสบู่ที่เมืองไทยแตกราวปี 2540 ทำให้ธนาคารจำนวนมากปรับลดพนักงาน ปัจจุบันเราจะเห็นตู้เอทีเอ็ม ตู้ปรับสมุด และตู้รับฝากเงิน ในอดีตจะทำธุรกรรมทางการเงินก็ต้องเดินเข้าไปพูดคุยกับพนักงาน แต่ปัจจุบันธนาคารเลือกลดพนักงานและเพิ่มตู้บริการขึ้นมาแทนที่ นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างที่คอมพิวเตอร์เข้ามาแย่งงานมนุษย์

อีกหน้าที่หนึ่งที่คอมพิวเตอร์เข้าแย่งงานของมนุษย์ คือ งานแม่บ้านพ่อบ้าน ปัจจุบันงานบ้านถูกแย่งไปทำโดยเครื่องล้างจาน เครื่องซักผ้า เครื่องกวาดบ้าน กล้องวงจรปิดและสัญญาณกันขโมยเฝ้าบ้าน งานบ้านที่ยากที่สุด คือ การมีเพศสัมพันธ์ มีผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเพศสัมพันธ์ Dr.Helen Driscoll จาก University of Sunderland ทำนายว่าในอีก 50 ปีข้างหน้า ในสังคมมนุษย์อาจยอมรับว่าการมีเพศสัมพันธ์กับหุ่นยนต์เป็นเรื่องปกติ ที่ประเทศไทย Sex toy เป็นของต้องห้าม ที่ไม่อนุญาตให้นำเข้าหรือส่งออกตามกฎหมายศุลกากร เรื่องวัตถุลามก ถ้ามีกฎหมายนี้อยู่ Sex toy ก็จะเป็นของผิดกฎหมาย และการมีเพศสัมพันธ์กับหุ่นยนต์ก็คงไม่เกิดขึ้นอย่างถูกกฎหมาย


+ http://internet1.customs.go.th/ext/Prohibit/Prohibit.jsp
+ http://www.huffingtonpost.co.uk/dr-helen-driscoll/sexual-relationships-with-robots_b_7909964.html
+ http://www.misterbuffet.com/shop_Hajime.asp?id=283
+ https://www.techtalkthai.com/foxconn-cuts-60000-jobs-and-uses-robots-with-ai-instead/

อาชีพนักข่าวจัดว่าต่ำสุดที่สหรัฐอเมริกา

ดูเรื่องมายาตวัน ผมชอบครับ รู้สึก Drama
มีคนบอกว่า ชีวิตจริงดั่งละคร ก็ไม่รู้หมายความว่าอย่างไร
แต่ผมชอบ อุรัสยา  สเปอร์บันด์ หรือ ญาญ่า น่ารักดี

drama แปลว่า ละคร
drama แปลว่า ละคร


จาก 4 เกณฑ์ที่ใช้จัดอันดับอาชีพ
1. สภาพแวดล้อมในการทำงาน (Environment)
2. รายได้ (Income)
3. โอกาสในการจ้างงาน  (Outlook)
4. ความเครียดของงาน (Stress)
http://www.thairath.co.th/content/edu/341959

อาชีพนักข่าวถูกจัดให้เป็นอาชีพที่ตกต่ำที่สุด เป็นอาชีพที่ต่ำต้อยที่สุด ในบรรดาการงานอาชีพที่ทำกันอยู่ในอเมริกา 200 ชนิด ตกต่ำยิ่งเสียกว่าพนักงานเก็บขยะ คนโค่นต้นไม้และตัดไม้ คนงานล้างจาน และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง

บริษัทพัฒนาทรัพยากรบุคคล “คาเรีย แคสท์” ผู้จัดอันดับได้อ้างว่าจัดโดยถือหลักตัวแปร 4 ตัวด้วยกัน ตั้งแต่สภาพแวดล้อมในการทำงาน รายได้ โอกาสในการจ้างงาน และความเครียดของงาน โดยหลักเกณฑ์ 4 ประการนี้ บริษัทได้ยกย่องให้อาชีพผู้คิดอัตราค่าประกัน เป็นงานที่อยู่อันดับสูงส่งที่สุด

โดยพิจารณาจากข้อมูลสำรวจรายปี อาชีพนักข่าวได้เริ่มส่อเค้าตกต่ำ มาเป็นต่ำต้อยที่สุด ตั้งแต่ปีกลาย โดยถูกจัดรวมอยู่ในอาชีพที่ตกต่ำที่สุด 5 อาชีพด้วยกัน

ขณะที่ผลการจัดอันดับในปีนี้ ได้เลือกให้อาชีพนักข่าวเป็นอาชีพที่ตกต่ำที่สุดกว่าเพื่อน อยู่อันดับที่ 200 โดยมีอาชีพคนโค่นต้นไม้และตัดไม้ อยู่อันดับที่ 199 อาชีพทหารเกณฑ์ อันดับที่ 198 ดารา อันดับ 197 คนงานขุดเจาะน้ำมัน อันดับ 196 และคนงานในฟาร์มโคนม อันดับ 195 อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน อันดับ 191 ช่างภาพหนังสือพิมพ์ อันดับ 188

บริษัทกล่าวว่า รัศมีอาชีพนักข่าวได้หม่นหมองลงตั้งแต่ 5 ปีมาแล้ว และยังวิตกว่ากว่าจะถึง พ.ศ.2563 จะยิ่งตกต่ำยิ่งกว่านี้ลงไปอีก

ทางด้านอันดับสูง ๆ นอกจากอาชีพผู้คิดอัตราค่าประกันแล้ว ยังตามด้วยอาชีพวิศวกรด้านวิศวกรรมชีวเวช วิศวกรซอฟต์แวร์ นักโสตสัมผัสวิทยา และนักวางแผนทางการเงิน.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 พฤษภาคม 2556, 12:00 น.

http://www.careercast.com/jobs-rated/best-worst-jobs-2013 (all)
http://www.careercast.com/jobs-rated/best-jobs-2013
http://www.careercast.com/jobs-rated/worst-jobs-2013
http://www.careercast.com/jobs-rated/jobs-rated-2013-methodology
http://drama.kapook.com/view56016.html

ครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ล้นตลาด ต้องการวิทยาศาสตร์/วิศวกรรมศาสตร์/คอมพิวเตอร์

asean jobs
asean jobs

http://news.voicetv.co.th/thailand/60043.html
กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศ
รัฐบาลจะส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์
เนื่องจากตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศต้องการ
ขณะที่บุคลากร ด้านครุศาสตร์ และศึกษาศาสตร์ ล้นตลาดแล้ว

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ระบุถึง ผลกระทบของการเปิดประชาคมอาเซียนต่อระบบการศึกษาไทย
ว่าหลังจากนี้ การผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงความต้องการของตลาดแรงงานด้วย

ซึ่งขณะนี้กำลังต้องการ ด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และคอมพิวเตอร์
ส่วนด้านครุศาสตร์ และศึกษาศาสตร์  มีจำนวนมากกว่าความต้องการของตลาดแรงงานแล้ว
จึงทำให้บัณฑิตที่จบในสาขาดังกล่าว สูญเสียโอกาสในการทำงาน

เนื่องจากแต่ละปี มีบัณฑิตด้านครุศาสตร์และศึกษาศาสตร์จบการศึกษา  4 – 5 หมื่นคน
โดยปีการศึกษา 2555  มีการรับนักศึกษาใหม่ใน 2 สาขาดังกล่าวเกือบ 1 แสนคน
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับยอดการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ทำให้เห็นว่า จำนวนดังกล่าวล้นความต้องการของตลาดแล้ว
เช่น ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปีล่าสุด ทั่วประเทศมีการเปิดบรรจุ 1,500 อัตรา
มีผู้สมัครสอบเกือบ 2 แสนคน จึงทำให้มีบัณฑิตตกงานจำนวนมาก

นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ยังมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ศึกษาการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มี 7 สาขาวิชาชีพ

1. วิศวกรรม (Engineering Services)
2. พยาบาล (Nursing Services)
3. สถาปัตยกรรม (Architectural Services)
4. การสำรวจ (Surveying Qualifications)
5. แพทย์ (Medical Practitioners)
6. ทันตแพทย์ (Dental Practitioners)
7. บัญชี (Accountancy Services)

สามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานในกลุ่มประเทศอาเซียนได้
โดยให้ศึกษารายละเอียด เช่น ใบอนุญาตการทำงาน ภาษาถิ่น และกฎหมายแรงงานของประเทศนั้น

ทั้งนี้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ยังระบุอีกว่า
นอกจากความต้องการให้บัณฑิตมีงานทำตรงกับสาขาที่เรียนแล้ว
รัฐบาลยังเปิดกองทุนตั้งตัวได้ เพื่อส่งเสริมให้บัณฑิตใหม่ ที่จบการศึกษาไม่เกิน 5 ปี
สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ ซึ่งขณะนี้เปิดรับสมัคร  ผ่านศูนย์บ่มเพาะใน 56 แห่งทั่วประเทศ
โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และไม่มีกำหนดการปิดรับสมัคร
+ http://education.kapook.com/view54072.html

+ http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=29610&Key=hotnews

+ http://www.thaiall.com/asean/

คิดมากจนไม่ได้ทำ

คิดมากจนไม่ได้ทำ กับ ทำมากจนไม่ได้คิด
คิดมากจนไม่ได้ทำ กับ ทำมากจนไม่ได้คิด

คิดมากจนไม่ได้ทำ โดย ดร.บวร ปภัสราทร

งานจะสำเร็จได้นั้นว่ากันว่าต้องมีการวางแผนที่ดีเป็นเบื้องต้น แต่มีแผนที่ดีไม่ได้หมายความว่างานทุกงานจะประสบความสำเร็จ

งานจะสำเร็จได้ ต้องมีคนลงมือทำงานนั้น ไม่ว่างานเล็กงานใหญ่ก็ต้องลงมือทำเสียก่อนงานจึงจะเสร็จได้ หลายงานที่ว่ากันว่ามีการวางแผนมาเป็นอย่างดีนั้นกลายเป็นวิมานในอากาศคือมีแต่แผนสวยหรู แต่งานจริงไม่เกิดขึ้น ยิ่งในยามที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน จะทำอะไรสักอย่างก็ต้องมีขั้นตอนการวางแผนที่พิสดารเกินกว่าที่บ้านอื่นเมืองอื่นเขาทำกัน เกาหลีมีแผนไอทีไม่กี่หน้ากระดาษ แต่สร้างงานจริงได้อย่างมหาศาลจนเปลี่ยนให้เกาหลีเป็นเจ้าตลาดผลิตภัณฑ์ไอทีหลากหลายชนิดได้อย่างน่ามหัศจรรย์ บ้านเรามีแผนไอทีสองสามแผน แต่ละฉบับหนานับร้อยหน้า แผนก็ดีจริงๆ ด้วย แต่วันนี้บ้านเราก็ยังห่างไกลจากเกาหลีอย่างมากมาย แผนไอทีไม่กี่หน้าเอาชนะแผนไอทีหนานับร้อยหน้าได้อย่างสบายเพราะเกาหลีมีแผนแล้วมีคนลงมือทำตามแผนอย่างจริงจังจนกระทั่งบรรลุผล
อะไร ทำให้คนมัวแต่คิดแผน หรือคิดว่าจะทำตามแผนได้อย่างไร จนกระทั่งรีรอไม่ลงมือทำงาน คิดเรื่องแผนว่าดีไม่ดีอย่างไรจนไม่มีใครลงมือทำตามแผนนั้น แผนดีมีอยู่จริง แต่งานดีไม่มีสักเรื่องที่เกิดขึ้น เหตุที่คนมัวแต่ถกเถียงกันเรื่องแผนนั้นมาจากการที่ไม่ได้ตกลงกันให้ชัดเจนก่อนว่าคำว่าประสบความสำเร็จนั้นคือเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้ายังมองไม่ชัดว่าแค่ไหนเรียกว่าประสบความสำเร็จในงานนั้น ต่างคนต่างก็นิยามความสำเร็จของตนเองขึ้นมาแล้วอนุมานไปเองว่าคนอื่นก็ใช้นิยามของความสำเร็จของงานนั้นเหมือนกับที่ตนเองเชื่อ การถกเถียงจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่ว่าจะเริ่มงานกันอย่างไร เพราะปลายทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเริ่มต้นลงมือทำงานจะเกิดขึ้นได้เร็วช้าขึ้นกับว่าเราตกลงความหมายของคำว่างานสำเร็จได้เร็วเพียงใด การตกลงเรื่องความสำเร็จนี้ ขอเพียงแค่ทุกคนยอมรับว่าคำว่าความสำเร็จของแต่ละหน่วยงานนั้นแตกต่างกันไปตามอายุงานและขีดความสามารถของแต่ละหน่วยงาน ผลงานอย่างหนึ่งที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในหน่วยงานหนึ่งอาจหมายถึงผลงานที่ล้มเหลวในอีกหน่วยงานหนึ่งก็ได้
เริ่มทำงานมาแค่สองสามปี คงไม่สามารถนิยามความสำเร็จของงานได้เหมือนกับหน่วยงานที่ทำงานมาเกือบร้อยปี มีคนแค่สามสี่คนคงไม่อาจใช้นิยามความสำเร็จของงานได้เหมือนกับหน่วยงานที่มีคนนับร้อยนับพัน ยอมรับและรู้จักขีดความสามารถของกลุ่มของตนได้มากเท่าใด เวลาที่ใช้ในการตกลงนิยามของความสำเร็จก็เร็วขึ้นเท่านั้น

หลายครั้ง ที่มีประเด็นที่มาถกเถียงกันจนไม่ได้ลงมือทำงานกันสักที นั้นมาจากข่าวลือบ้าง มาจากคำติเตียนอย่างไม่สร้างสรรค์บ้าง มาจากคำแนะนำของบางคนที่ดูเหมือนว่าจะหวังดีแต่จริงๆ แล้วเจตนาร้ายคือไม่ต้องการให้งานเดินหน้าได้บ้าง โบราณกล่าวไว้ว่าจิ้งจกทักให้รับฟังก็จริง แต่ถ้าไม่ยอมออกจากบ้านไปไหน เพราะมัวแต่กังวลกับจิ้งจก การงานคงไม่อาจเดินหน้าไปได้ ทั้งนี้ ต้องยอมรับความจริงไว้ด้วยว่าหลายคนรักษาหน้าที่การงานของตนไว้ได้ด้วยการคอยติเตียนงานของคนอื่นว่าเป็นไปไม่ได้บ้าง ว่าวางแผนไม่ดีพอบ้าง ทั้งๆ ที่พอย้อนถามกลับว่าที่ต้องทำเพิ่มเติมนั้น ต้องทำอะไรบ้าง คนเหล่านี้ก็ตอบไม่ได้ ดังนั้น หากไม่อยากกังวลกับสารพัดเรื่องจนรีรอไม่กล้าลงมือทำงานกันอย่างจริงจัง ต้องรู้จักเอาหูไปนา เอาตาไปไร่กับคำนินทาหรือคำเล่าลือต่างๆ เกี่ยวกับงานนั้นเสียบ้าง ถ้าตกลงกันเรื่องนิยามของความสำเร็จของงานนั้นได้แล้วให้ลงมือทำทันที อย่ากลัวคำนินทา อย่ารีรอกับสารพัดคำแนะนำเสนอแนะต่างๆ มากจนเกินไปเพราะลงมือทำงานแล้วงานจะดีเลวอย่างไรก็ยังบอกได้ว่างานได้เกิดขึ้นแล้ว

ถ้าทีมงาน มีคนที่ชิงดีชิงเด่นกันมาร่วมทำงานกัน ปรากฏมามากต่อมากแล้วว่างานจะเริ่มต้นได้ช้ามาก เพราะหมดเวลาไปกับการที่ต่างฝ่ายต่างหาทางกีดกันอีกฝ่ายหนึ่งให้ห่างไกลจากความสำเร็จของงาน ถ้าไม่ใช่งานที่ฉันได้ประโยชน์แล้ว ฉันไม่ยอมให้ใครได้หน้าได้ตาจากความสำเร็จของงานที่เกิดขึ้นนั้น ถ้าอยากเริ่มลงมือทำงานตามแผนได้เร็ว ต้องขอให้ทุกคนที่มาทำงานด้วยกันแยกแยะเรื่องส่วนตัวออกไปก่อน ขอให้ลงมือทำงานก่อนแล้วค่อยมาชิงดีชิงเด่นกันทีหลัง หรือถ้าทำได้ขออย่าได้เลือกทีมงานที่มัวแต่ชิงดีชิงเด่นกัน เลือกคนไม่เก่งแต่ไม่เกี่ยงงานดีกว่าเลือกคนเก่งที่อิจฉาตาร้อนไปหมดทุกเรื่อง การชิงดีชิงเด่นกันนั้นดีสำหรับงานที่ต่างคนต่างทำ ชิงดีชิงเด่นในงานเดียวกันไม่เคยทำให้งานนั้นสำเร็จได้

ความกังวล ที่มากเกินไปกับการที่ผลงานที่ได้อาจไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่คาดหวังไว้ เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่หลายงานจบลงที่ว่าได้คิดงานนั้น แต่ไม่ได้ทำงานนั้น ถ้าคาดหวังว่างานนั้นต้องสมบูรณ์แบบมากเกินไป ก่อนลงมือทำงานก็เลยต้องคิดมากหน่อย คิดมากไปจนกระทั่งต้องมาคบคิดเรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่ถึงหนึ่งในล้าน วันเวลาผ่านไปก็ยิ่งสนุกกับการคิดประเด็นที่สมมุติขึ้นมาว่าถ้าเกิดเช่นนี้ ต้องทำอะไร จนหมดสนุกที่จะลงมือทำงานอย่างจริงจัง ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่ายักษ์ใหญ่ในวงการไอทีไม่เคยรีรอที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มาพร้อมกับความบกพร่อง ออกตัวมาก่อนแล้วค่อยตามแก้ไขภายหลัง ทุกวันนี้ เราจึงได้ใช้งานผลิตภัณฑ์ไอทีที่ออกตัวเร็วแต่มีการตามแก้ไขสารพัดเรื่องอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น อย่ากังวลกับความสมบูรณ์แบบของผลงานมากเกินไป แต่ให้เร่งลงมือทำไปก่อน ผิดพลาดประการใดก็น่าจะมีเวลาแก้ไขให้ถูกต้องได้ ลงมือทำงานด้วยกันดีกว่าลงแรงวิตกสารพัดเรื่องร่วมกัน

มีหลายงาน ที่ผู้บริหารบอกให้ทำเพื่อให้ดูเหมือนว่าได้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้ผลงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งที่จริงแล้วผู้บริหารไม่ได้อยากให้เกิดผลงานอย่างที่บอกไว้ แค่มีงานไว้ใช้บอกกล่าวเป็นการแก้ตัวว่ากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง งานแบบนี้ลงมือทำได้ยากเพราะมีความไม่แน่นอนว่าจะให้ทำอะไรกันแน่ ดังนั้น ถ้าเห็นว่างานใดผู้บริหารสรรหามาให้ทำเพียงเพื่อใช้แก้ตัวในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็อย่าตกอกตกใจที่งานไม่เดินหน้าเสียที แค่แกล้งทำท่าทำทางว่ากำลังจะลงมือทำก็เป็นที่พอใจของผู้บริหารแล้ว เคล็ดลับคือถ้าต้องทำงานภายใต้การบริหารของใคร ให้สร้างทักษะในการแยกแยะระหว่างงานที่ผู้บริหารหวังว่าจะให้เกิดขึ้นจริง กับงานที่มีไว้ใช้แก้ตัวในบางเรื่อง ถ้าแยกแยะไม่ได้ให้ระวังให้ดีว่าเราจะไปสร้างความสำเร็จกับงานที่ผู้บริหารไม่ตั้งใจจะให้เสร็จโดยไม่รู้ตัว งานสำเร็จแต่คราวนี้ตัวเราก็เสร็จตามไปด้วย

โดย ดร.บวร ปภัสราทร
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ประจำคอลัมน์ “ก้าวไกล วิสัยทัศน์

http://www.bangkokbiznews.com

ปล. ผมพบเรื่องนี้ เพราะ อ.อุดม ไพรเกษร ได้ share link มาให้อ่าน เมื่อวันที่ 30 ก.ค.55
แต่กว่าผมจะเข้ามาเก็บประเด็นได้ ก็21 ส.ค.55 แล้วครับ