17 ก.พ.55 มีโอกาสฟัง คุณธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ เจ้าพ่อสื่อเครือเนชั่น เล่าถึงความเป็นมาของสื่อในอดีต ซึ่งใช้เพื่อการสื่อสารระหว่างคน ไปถึงประเภทของสื่อเพื่อใช้สื่อสารกับมหาชน และแนวโน้มของสื่อในอนาคต พร้อมนำเสนอข้อมูลเชิงสถิติ หรือสารสนเทศเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการบริหารงานสื่ออย่างมืออาชีพ มีศัพท์ 2 คำที่ชวนให้ตระหนัก คือ below the line และ above the line โดยสื่อประเภทแรกถูกใช้เป็นเครื่องมือเข้าถึงผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มได้ตรงกว่า มีประสิทธิภาพกว่า และเป็นไปได้ว่าอาจใช้งบประมาณสูงกว่าสื่อหลัก แต่ถึงอย่างไรก็ยังทิ้งสื่อหลักไปไม่ได้
สื่อหลักหรือสื่อแบบ above the line คือ สื่อที่ใช้สร้างการรับรู้ในตราสินค้า เผยแพร่ในวงกว้างในระยะเวลาสั้นอย่างรวดเร็ว มักใช้โฆษณาแนะนำสินค้า อาทิ โทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ ป้ายโฆษณา ส่วนสื่อรอง หรือสื่อแบบ below the line คือ สื่อที่เข้าถึงลูกค้าโดยตรง มักเน้นการสร้างกิจกรรมกับลูกค้า (Event) มีผลให้ลูกค้าจดจำสินค้าจากประสบการณ์ที่ได้ร่วมกิจกรรม (Road Show) อาจเป็นการออกนิทรรศการแนะนำสินค้า เปิดบูทให้ทดลองสินค้า หรือจัดกิจกรรมผ่านเว็บไซต์ แต่สื่อทั้งสองแบบจะต้องดำเนินควบคู่กันไป เพราะกฎทางการตลาดมี 2 ข้อ คือ ผู้บริโภคคือเจ้านาย ถ้าผู้บริโภคผิดให้ย้อนกลับไปดูข้อแรก ดังนั้นการใช้สื่อที่หวังผลทางการตลาดจำเป็นต้องเลือกใช้อย่างสมดุล เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด
ข้อมูลทางสถิติปี 2011 เกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต พบว่าโลกของเราประชากรมากกว่าหกพันเก้าร้อยล้านคน มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าสองพันสองร้อยล้านคน คิดเป็นร้อยละ 32 ของประชากรโลก แต่ประเทศไทยมีประชากรมากกว่าหกสิบหกล้านคน มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าสิบแปดล้านคน คิดเป็นร้อยละ 27 ของประเทศ ซึ่งยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ถ้าเปรียบเทียบในระดับทวีปแล้ว ทวีปเอเชียใช้อินเทอร์เน็ตร้อยละ 26 แต่ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปออสเตรเลียใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าร้อยละ 60 ประเทศมาเลเซียใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าร้อยละ 60 ประเทศกรีนแลนด์ และไอซ์แลนใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าร้อยละ 90 ดูจากสถิติแล้ว ประเทศไทยคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าประชาชนจะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเกินร้อยละ 50 ซึ่งข้อมูลทางสถิติทำให้เรารู้ตำแหน่งของตนเองในประชาคมโลก
http://www.internetworldstats.com/stats3.htm
http://www.thaiall.com/topstory/