Working memory คือ ความจำเพื่อนำไปใช้
Working memory คือ ความจำเพื่อนำไปใช้ Working memory คือ ความจำเพื่อนำไปใช้ หรือ ความจำที่นำมาใช้งาน หรือ ความสามารถในการเก็บไปประมวลผล ด้วยการดึงข้อมูลในสมองมาใช้ตามสถานการณ์ได้ทันทีโดยอัตโนมัติ เป็นการทำงานของสมองส่วนหน้า เช่น คิดค่าอาหาร เข้าใจภาษา การทำอาหาร การเขียนหนังสือ อ่านหนังสือ การตัดสินใจแทนกลุ่ม เป็นต้น
ต่างจากการจดจำโดยปกติ เช่น ชื่อบุคคลในประวัติศาสตร์ ชื่อเหตุการณ์ ชื่อดวงดาว เพื่อนำไปใช้ตอบข้อสอบ หรือบันทึกเป็นหลักฐานแล้วส่งเก็บในห้องสมุด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ได้นำไปใช้จริง แล้วก็จะเลือนหายไปจากความจำ เพราะเป็นความจำที่ไม่มี working
ลักษณะของ Working Memory
- จดจำข้อมูลได้จำนวนไม่มาก เพียงไม่กี่หน่วยความจำ ในเวลาอันสั้น
- ประมวลผลได้ ด้วยการจดนำ จัดกลุ่ม แยกกลุ่ม จัดเรียง คำนวณ และแปลงข้อมูลได้
- ข้อมูลจะถูกปรับปรุง จัดการ และเปลี่ยนแปลงได้
- จัดการความจำนี้ด้วยสมองส่วนหน้าผาก ไม่ใช่ก้านสมอง
แหล่งอ้างอิง
8 ทักษะฝึก Working Memory ให้ลูกวัยอนุบาล
ทักษะความจำเพื่อใช้ปฎิบัติงาน
Working Memory คืออะไร ดีอย่างไรต่อกระบวนการเรียนรู้
Working Memory คืออะไร
ความจําขณะทํางาน (Working Memory)
แนวทางฟื้นฟูการเรียนรู้ถดถอย (Learning Recovery) เรียบเรียงโดย นฤมล ทับปาน ใน thepotential.org
บทความนี้ถอดความจากการปาฐกถาหัวข้อ ‘2 ปี ผลกระทบโควิด-19 : จากวิกฤตการเรียนรู้ถดถอยสู่โอกาสปฏิรูปการศึกษาเพื่อเด็กทุกคน’ โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ในเวทีการประชุมวิชาการ ‘นวัตกรรมและแนวทางฟื้นฟูการเรียนรู้ถดถอย เพื่อรับมือเปิดเทอมใหม่ กับภารกิจ Learning Recovery’ จัดโดย กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน, กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา, องค์การ ยูนิเซฟ ประเทศไทย และเครือข่ายโรงเรียนเปลี่ยนใหม่ โดยโครงการโรงเรียนพัฒนาคุณภาพตนเอง (TSQP)
วงจรระหว่าง Working Memory กับ Long-Term Memory - ต้องเป็นวงจรที่กลับไปกลับมาหลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือที่เรียกว่า VASK : V คือ Value หรือค่านิยม , A คือ Attitude หรือเจตคติในทางที่ดี, S คือ Skills ทักษะในด้านต่าง ๆ เช่น ทักษะทางด้านร่างกาย ทักษะทางด้านการคิด ทักษะทางด้านวิชาชีพ หรือทักษะในศตวรรษที่ 21 , K คือ Knowledge หรือความรู้
Learning Loss หรือการเรียนรู้ถดถอย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติในห้องเรียนคุณภาพต่ำ ซึ่งเป็นห้องเรียนที่ครูไม่ได้คำนึงว่านักเรียนแตกต่างกันและไม่ได้หาทางช่วยนักเรียนที่มี Working Memory ต่ำ
สาเหตุสำคัญของการเรียนรู้ถดถอย เป็นเพราะวิธีการจัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน หลงอยู่กับ การให้เด็กเรียนรู้แบบผิวเผิน ‘Superficial Learning’ ไปไม่ถึง ‘Transfer Learning’ การเรียนรู้ที่สามารถเอาไปใช้ได้ในทุกๆ สถานการณ์
วิธีการจัดการเรียนรู้ที่ดี ครูจะต้องให้เด็กเรียนรู้จากผิวเผิน Superficial ไปสู่ลึก Deep Learning แล้วก็ไปสู่การเรียนรู้ที่สามารถเอาไปใช้ได้ในทุก ๆ สถานการณ์ ที่เรียกว่า Transfer Learning
หมายความว่าการมาเรียนต้องไม่หยุดอยู่แค่ Sensory Memory ก็คือเด็กได้เห็น ได้ฟัง ได้อ่าน แล้วนำมาสู่ Working Memory แล้วก็เข้าสู่ Long-Term Memory ถ้าเป็นแบบผิวๆ อย่างนั้นเด็กก็จะเรียนได้แค่ผิว ก็จำได้ สอบผ่านได้ แต่ว่าไม่เกิดประโยชน์ต่อชีวิตเขาอย่างแท้จริง
ให้เหล้าเท่ากับแช่ง
ถ้าคนเรามีความทรงจำที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา มีสติที่พร้อมไตร่ตรอง มีสมองส่วนหน้า มีความจำให้พร้อมถูกเรียกใช้ได้ทันทีและเป็นไปโดยอัตโนมัติ ทั้งในขณะให้เหล้าเพื่อน ในขณะรับเหล้าจากเพื่อน และในขณะดื่มเหล้า ย่อมรู้ถึงพิษภัยของเหล้า ที่จะกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ถ้าเมาแล้วขับรถไปชนใคร หรือสุขภาพเสียจนดูแลตนเองไม่ได้ ก็จะเป็นปัญหาทั้งต่อตนเอง และส่วนรวม
ากข้อมูลพบว่า ช่วงเทศกาล มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากกว่าช่วงปกติถึง 2.5 เท่า หรือเฉลี่ย 87 รายต่อวัน โดยสาเหตุอันดับ 1 คือ เมาแล้วขับ และ WHO ยืนยันว่า เหล้า เป็นสาเหตุของโรคกว่า 200 ชนิด รวมถึงอุบัติเหตุ ความรุนแรง และการล่วงละเมิดทางเพศ
rspsocial
Thaiall.com